จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 480

ถึงแม้ว่าการลอบโจมตีของปิงกู่เหนียงเหนียงจะประสบผล แต่ฝ่ายตรงข้ามก็สมกับที่เป็นผู้ชนะในศึกตัดสินสุดยอดราชันมาร

เสี้ยวพริบตาที่ถูกเขากิเลนทะลวงนัยน์ตาซ้าย ราชันวานรมารแปดกรก็สามารถคว้าจับมันได้ทันที และป้องกันไม่ให้ศีรษะตนเองถูกทำลายได้สำเร็จ

“ บังอาจนัก เจ้าสัตว์อสูรสวะ กล้าลอบโจมตีข้างั้นรึ ”

เปรี้ยงงง ตูมมม!

ร่างของของกิเลนสวรรค์ถูกเหวี่ยงไปกระแทกพื้นอย่างรุนแรง จนโลหิตไหลทะลักออกมาจากปากได้รับบาดเจ็บทันที หากไม่ใช่เพราะวิหารแห่งนี้ได้รับการคุ้มครองจากพลังของเทพมาร มันคงถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วแล้ว

“ รีบคุ้มกันแท่นบูชา ” ผู้พิทักษ์วิหารทั้งสองตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สลายร่างเปลี่ยนเป็นเงาพยายามจะเข้าไปด้านใน

แต่ทว่า

ฉัวะ!ๆ

รังสีดาบอันดุดันสองสาย ได้ตัดขาดมิติออกเป็นแนวยาวปิดกั้นเส้นทางของสองผู้พิทักษ์เอาไว้ ทั้งจังหวะและเวลาล้วนเหมาะเจาะ เหมือนเตรียมการเอาไว้ก่อน

“ พวกเจ้า ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ” โฮ่วอี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับปรากฏกายขึ้นขวางหน้าศัตรูทั้งหมดไว้ แสดงออกชัดเจน ว่าจะไม่ปล่อยให้มีใครล้วงล้ำไปได้แม้แต่ผู้เดียว

เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กองทัพมารเป็นอย่างมาก ในเวลาเพียงหนึ่งลมหายใจองค์ราชันของพวกมันก็ถูกลอบโจมตีจากเครื่องสังเวย

แม้แต่สองผู้พิทักษ์ที่คิดจะเข้าไปช่วยเหลือ ก็ยังถูกสกัดไว้ด้วยฝีมือของราชันดาบมารผู้แข็งแกร่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะตกลงร่วมเป็นพันธมิตรกันไม่นาน

“ ราชันดาบมาร เจ้าเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ถึงกล้าก่อกวนในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ ไม่กลัวบรรพชนเทพมารจะลงทัณฑ์ดวงวิญญาณเจ้า จนต้องทุกข์ทรมานไปตลอดกาลงั้นรึ” ราชันมารตรีเนตรตระโกนขึ้นเสียงดัง

“ ฮา ฮา นั่นก็ต้องดูที่พวกเจ้าแล้ว ว่ากล้าไปฟ้องเทพมารหรือเปล่า เพราะตามที่ข้ารู้มา โทสะของเทพมารนั้นร้อนแรงดุจเพลิงผลาญโลกา ถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเจ้าก็ต้องรับโทษไปพร้อมกับข้าด้วยแน่นอน ”

“ โดยเฉพาะ เจ้าผู้พิทักษ์ทั้งสองที่เป็นผู้ปกป้องวิหาร รวมไปถึงราชันวานรมารแปดกรที่ชักนำผู้สืบทอดของข้าเข้าไปด้านในด้วยตัวเอง ความผิดของพวกเจ้าคงจะหนักหนากว่าผู้อื่นมากนัก ”

โฮ่วอี้เจตนาพูดเสียงดังให้ผู้ที่อยู่ด้านในวิหารได้ยิน ซึ่งคำขู่ของเขาก็ได้ผลอย่างรวดเร็ว เพราะราชันวานรมารแปดกรรีบไปหยุดยั้งพิธีเซ่นสังเวยทันที พร้อมทั้งตัดการเชื่อมต่อกับแท่นบูชาเทพมารชั่วคราว

เนื่องจาก…นี่เป็นหนทางเดียวที่มันจะรักษาตำแหน่งที่เพิ่งจะได้รับเอาไว้ได้

“ พวกเจ้าทั้งหมดรีบช่วยกันสังหารราชันดาบมารซะ ส่วนผู้สืบทอดของมันที่ซ่อนตัวอยู่ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ทุกอย่างจะต้องจบลงก่อนที่บรรพชนเทพมารจะรู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นพวกเราจบสิ้นแน่ ”

สิ้นเสียง ราชันวานรมารแปดกรก็พุ่งเข้าต่อสู้กับปิงกู่เหนียงเหนียงอย่างร้อนรน อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่ตาซ้ายของมัน และการต่อสู้แบบยอมแลกชีวิตของฝ่ายตรงข้าม จึงกลายเป็นศึกที่สูสีดุเดือดขึ้นมา

“ รีบตั้งขบวนทัพปิดล้อมมหาวิหารต้นกำเนิดเอาไว้ซะ ห้ามปล่อยให้มีผู้ใดหลบหนีไปได้เด็ดขาด ” ราชันมารตรีเนตรรีบสั่งการเสียงดัง ในสถานการณ์แบบนี้ถือเป็นโอกาสที่มันจะได้แสดงอำนาจให้เป็นที่ประจักษ์

ตึง!ๆๆ

กองทัพแห่งราชันมารช่างสมกับที่ผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชน เมื่อรับคำสั่งก็สามารถปฏิบัติตามได้ในชั่วอึดใจ

“ เหอะ ไร้สาระสิ้นดี!”

สิ้นเสียง โฮ่วอี้ก็แผ่สัมผัสวิญญาณออกไปปกคลุมพื้นที่นับล้านกิโลเมตร ซึ่งมันแฝงไปด้วยแก่นแท้สังหารขั้นสูงสุดและเจตจำนงแห่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

ตุบ ตุบๆๆๆๆๆ

พริบตาเดียวทหารมารเกือบครึ่งก็โดนแรงกดดันจนร่วงลงพื้นขยับตัวไม่ได้ แม้แต่ระดับแม่ทัพมารขุนพลมาร ก็ยังต้องสั่นสะท้านจนถอยหลังไปสองสามก้าว

“ กลิ่นอายที่น่ารังเกียจเช่นนี้ เจ้าเป็นเทพยุคบรรพกาลสินะ!” หนึ่งในผู้พิทักษ์คำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น

เนื่องจากตัวมันเอง ก็เคยเป็นข้ารับใช้ของราชันเทพมารในมหาสงครามมาก่อน ย่อมจดจำกลิ่นอายของศัตรูได้แม่นยำ

“ หืม พวกกากเดนที่เหลือรอดจากอดีตงั้นรึ ก็ดี ข้าจะได้เก็บกวาดให้หมด ” โฮ่วอี้พูดเสียงเหี้ยม ใช้ดาบมังกรทมิฬในมือชี้ไปทางศัตรูอย่างดุดัน

“ คลื่นดาบผ่ามิติ! ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน