สงครามระหว่างพวกโจรสลัดอวกาศ กับกลุ่มมือสังหารของจักรพรรดิโลกอสูรนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก เพราะทั้งสองฝ่ายต่างใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางกองซากศพ หลั่งเลือดเลียคมดาบ ใช้การสังหารศัตรูเพื่อหล่อเลี้ยงตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นแผนการที่ชั่วร้ายขนาดไหน ขอเพียงบรรลุเป้าหมายสำคัญ พวกเขาล้วนยินดีกระทำโดยไม่เลือกวิธีการทั้งสิ้น นี่คือวิถีชีวิตของผู้ที่ซ่อนกายอยู่ภายใต้เงามืดของจักรวาล
“ หืม ขบวนรบแบบนี้ไม่ผิดแน่ พวกผู้นำของกลุ่มโจรสลัดอวกาศ จะต้องเป็นพวกที่ลี้ภัยสงครามมาจากแดนสวรรค์แน่นอน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ อ๊ะ นี่มันเป็นไปไม่ได้ คุณชายจ้าวจะบอกว่า พวกโจรนิสัยชั่วร้ายแบบนี้มาจากแดนสวรรค์อันสูงส่งงั้นเหรอ ” อวิ๋นเม่ยหลินขมวดคิ้วงามเล็กน้อย ราวกับนึกสงสัยในคำพูดของจ้าวเทียน เธอเป็นน้องสาวของอวิ๋นเซียงหยา และเป็นหนึ่งในสองสาวงามเผ่าภูติดาราศักดิ์สิทธิ์
“ เม่ยหลินอย่าเสียมารยาทซิ คุณชายจ้าวเป็นถึงศิษย์ของจักรพรรดิเทพผู้ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่กล่าววาจาออกมาพร้ำเพื่ออยู่แล้ว ” อวิ๋นเซียงหยาพูดเตือนน้องสาวเบาๆ
“ ไม่เป็นไรหรอก ที่น้องสาวเธอจะนึกสงสัยก็ไม่แปลก แดนสวรรค์นั้นไม่ได้เป็นสถานที่สงบสุขอย่างที่พวกเธอเคยได้ยินได้ฟังหรอกนะ ถึงจะไม่มากแต่พวกสำนักฝ่ายมารหรือนิกายอสูรก็มีอยู่เช่นเดียวกัน ” จ้าวเทียนยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของสองสาว ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“ ที่ฉันมั่นใจว่าพวกผู้นำโจรสลัดอวกาศมาจากแดนสวรรค์ ก็เพราะรูปแบบขบวนรบที่พวกเขาใช้ต่อสู้กับเคล็ดวิชาเสริมกายานั้น เป็นเช่นเดียวกับที่กองทัพเทพสวรรค์เคยใช้ฝึกซ้อมไม่ผิดเพี้ยน ”
“ หากพวกเธอลองสังเกตดีๆ พวกโจรสลัดจะแบ่งออกเป็นห้ากลุ่มย่อยโดยมีผู้แข็งแกร่งที่สุดทำหน้าที่เป็นแนวหน้า จากนั้นผู้ที่อ่อนด้อยลงมาก็จะติดตามอยู่ด้านหลัง เป็นลักษณะหัวลูกศร ”
“ โจรสลัดที่อยู่หน้าสุดจะทำหน้าที่กำหนดเป้าหมาย โจมตีไปที่ช่องโหว่ของศัตรู ส่วนโจรสลัดอีกห้าคนที่ตามหลังมา จะทำหน้าที่ปัดป้องการโจมตีทั้งหมดและคอยส่งต่อพลังไปเป็นทอดๆให้หัวหน้ากลุ่มของตน ”
“ นี่คือขบวนรบหอกศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีอานุภาพในการบุกทะลวงสูงมาก ทั้งยังโดดเด่นด้านการโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกัน ” จ้าวเทียนอธิบายอย่างละเอียด พร้อมกับนึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งเป็นมหาเทพตี้เทียนไปด้วย ซึ่งกองทัพของเขาเองก็เคยฝึกซ้อมด้วยขบวนรบนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงคิดว่าตนคาดเดาไม่ผิด
“ เอ่อ คุณชายจ้าว ท่านมองออกหรือไม่ว่าสามผู้นำกลุ่มโจรสลัดกับสามผู้แข็งแกร่งฝ่ายตรงข้าม กำลังทำสิ่งใดอยู่ เพราะอะไรพวกเขาถึงไม่เข้าร่วมการต่อสู้ล่ะ ” หนึ่งในองค์รักษ์ที่ยืนคุ้มกันอยู่ด้านหลังสองสาวถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ ถ้าเป็นเรื่องนี้ ฉันสามารถบอกได้เลยว่าพวกเขาเริ่มต่อสู้กันไปซักพักแล้ว นี่คือการวัดกำลังกันของผู้บรรลุแก่นแท้มิติขั้นสูง หากสามผู้นำกลุ่มโจรเสียสมาธิหรือควบคุมกฎเกณฑ์มิติช้าไปเพียงนิดเดียว ขบวนรบของลูกน้องพวกเขาคงถูกพายุมิติที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวบดขยี้จนกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว ”
“ หืม เป็นเช่นนี้เอง อ๊ะ แต่เดี๋ยวซิ ที่ท่านสามารถมองเห็นได้ คงไม่ใช่ว่าท่านก็บรรลุแก่นแท้มิติเหมือนกันนะ ” ทุกสายตาหันไปจับจ้องจ้าวเทียนทันที เนื่องจากแก่นแท้มิตินั้นยากมากที่จะได้มา ส่วนใหญ่มีแต่เทพโลกาขั้นสูงเท่านั้นถึงจะมี
“ อืม ฉันแค่เพียงโชคดีบรรลุได้โดยบังเอิญน่ะ ” จ้าวเทียนพยายามพูดกลบเกลื่อนให้มันผ่านๆไป เพราะไม่อย่างเปิดเผยความลับของตนเองเท่าไหร่
“ จริงรึนี่ เอ๋ แต่ข้าจำได้ว่าท่านใช้แก่นแท้กระบี่สังหารโจรสลัดไปไม่ใช่เหรอ หรือว่าท่านจะบรรลุสองแก่นแท้ ” อวิ๋นเม่ยหลินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ ตามความเข้าใจของเธอมีแต่เทพโลกาขั้นสามขึ้นไปถึงจะมีแก่นแท้ถึงสองอย่าง
“ ฉันแค่โชคดีน่ะ ” จ้าวเทียนตอบเสียงเบากว่าเดิม
“ ไม่ใช่หรอกองค์หญิง กระบวนท่านั้นของคุณชายจ้าวมีแก่นแท้สังหารแฝงอยู่ด้วย ข้ามั่นใจว่ามองไม่ผิด ” องค์รักษ์ทั้งสองต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน
“ ฉัน… ” จ้าวเทียนรู้สึกพูดไม่ออก ทำไมการถ่อมตัวสำหรับเขาถึงยากเย็นนัก
“ หวังว่าคุณชายจ้าวจะไม่ถือสา พวกเราไม่เคยพบอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากแดนสวรรค์มาก่อน จึงรู้สึกตื่นเต้นเกินไปหน่อย ข้าต้องขออภัยด้วยที่ทำให้ท่านลำบากใจ ” อวิ๋นเซียงหยาก้มหัวให้จ้าวเทียนเล็กน้อย ซึ่งคนอื่นๆก็รีบทำตามทันที
‘ นี่มัน ทำไมอยู่ดีๆฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรจะบอกไปเลยดีไหมว่าฉันบรรลุห้าแก่นแท้เรียบร้อยแล้ว ’
จ้าวเทียนส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ การมีห้าแก่นแท้ตั้งแต่อายุยี่สิบปีมันคงจะเหนือสามัญสำนึกเกินไป ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไปแบบนั้นแหละดีแล้ว
“ ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก คุณชายจ้าวสามารถบรรลุสามแก่นแท้ตั้งแต่ยังไม่ถึงขอบเขตเทพโลกาเลยงั้นเหรอ ดูไปท่านก็มีอายุมากกว่าข้าแค่ไม่กี่ปี กลับเป็นยอดอัจฉริยะที่โดดเด่นทั้งการต่อสู้และกลยุทธ์ศึกสงคราม ข้าล่ะรู้สึกชื่นชมท่านจริงๆ ”
อวิ๋นเม่ยหลินพูดขึ้นด้วยความยอมรับนับถือ แววตาที่เธอมองจ้าวเทียนเปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับเจอวีรบุรุษในดวงใจ
“ เอ่อ… ” จ้าวเทียนคิ้วกระตุกเล็กน้อย แต่ก็แสร้งกระแอมออกมาเบาๆเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายของตนเอง
‘ ฉันเคยเป็นถึงองค์มหาเทพที่ปกครองแดนสวรรค์มานับแสนปี ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ซิแปลก ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน