การปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ของมหาเทพจูเซียน นอกจากจะสร้างความตื่นตระหนกและข่มขวัญฝ่ายศัตรูแล้ว แม้แต่ตัวจ้าวเทียนเองก็ยังรู้สึกสับสนมึนงงเช่นเดียวกัน เพราะมันอยู่นอกเหนือแผนการที่วางไว้อย่างสิ้นเชิง
‘ กำหนดนัดหมายสี่ปี มันก็ยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่เหรอ ทำไมมหาเทพจูเซียนถึงทำอะไรโดยพละการโดยไม่บอกสักคำ ’
ตามที่เคยทำข้อตกลงกันไว้ ก่อนที่การแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมหาเทพผานกู่ จะเริ่มต้นขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า มหาเทพจูเซียนจะแอบเคลื่อนย้ายกองกำลัง เข้ามาหลบซ่อนตัวในโลกมนุษย์เป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อวางกับดักสังหารศัตรู
ซึ่งรายละเอียดของแผนการทั้งหมด จ้าวเทียนได้ชี้แจงกับท่านอาจารย์และเทพมังกรอ๋าวเฟิงให้เตรียมการล่วงหน้าแล้ว แต่ก็ไม่เคยนึกเลยว่าสุดท้ายแผนการมันจะล่มไม่เป็นท่าตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มแบบนี้
“ จ้าวเทียน! นี่มันหมายความว่ายังไง เจ้าใช้ให้สตรีนางนั้นไปชักชวนมหาเทพจูเซียนให้มาช่วยเหลืออาจารย์ของเจ้า ต่อสู้กับมหาเทพอวี่หวงโดยไม่บอกพวกข้างั้นรึ ” เทพมังกรอ๋าวเถียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เรื่องที่กงเสี่ยวเหมยหายตัวไป รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมหาเทพจูเซียน ย่อมไม่อาจหลบซ่อนจากสายตาของพวกเทพเจ้ามังกรได้อยู่แล้ว
“ ใช่แล้ว การที่พวกข้ายอมนิ่งเฉยในบางเรื่อง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้เจ้าทำอะไรตามใจชอบได้ทุกอย่างนะ ”
“ เฮ้อ กลับไปเตรียมการป้องกันเถอะ ทั้งเต๋าสวรรค์และมหาเทพอวี่หวงไม่มีทางยอมอยู่เฉยแน่ ดีไม่ดีหลังจากดวงจันทร์ถูกทำลาย โลกมนุษย์อาจจะกลายเป็นสนามรบแห่งต่อไปด้วยซ้ำ ”
“ จ้าวเทียน…ข้าละผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ ”
สิ้นเสียง เทพมังกรทั้งแปดก็จากไปทันที หลงเหลือเพียงจ้าวเทียนกับเทพมังกรอ๋าวเฟิงยืนอยู่แค่สองคนเท่านั้น
ซึ่งเหตุผลที่จ้าวเทียนไม่ได้พูดแก้ตัวออกไป ก็เพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ ทั้งการหายตัวไปของกงเสี่ยวเหมยและการมาถึงของมหาเทพจูเซียนก่อนสงครามหนึ่งวัน มันดูเหมาะเจาะจนเกินไป จึงไม่แปลกที่พวกเทพมังกรจะคิดว่ามีเขาอยู่เบื้องหลัง
“ อย่าไปใส่ใจเลย พวกเขาก็แค่อยากระบายอารมณ์หงุดหงิดใส่เจ้านั่นแหละ ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ใช่คนชอบทำอะไรลับหลังคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องที่จะส่งผลเสียต่อสถานการณ์โดยรวม ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็มั่นใจในสายตาของตนว่าเลือกคนไม่ผิด
“ ระบายอารมณ์ใส่ฉัน? ผู้อาวุโสหมายความว่าอย่างไร ” จ้าวเทียนถามออกมาอย่างแปลกใจ เขาจำได้ว่าไม่เคยไปหาเรื่องพวกเทพมังกรคนอื่นๆเลยซักครั้ง
“ ก็ยังจะมีอะไรได้อีกล่ะ นอกจากปัญหาเรื่องผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ขอถอนตัวออกจากการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมหาเทพผานกู่ในอีกสองปีข้างหน้า ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ ขอถอนตัวงั้นเหรอ หรือจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อตอนกลางวัน… ” จ้าวเทียนเข้าใจความหมายทันที ดูเหมือนการบรรลุขอบเขตของเซียนนภาหลายพันคน จะสร้างความกดดันให้ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆมากกว่าที่คิด
ซึ่งการที่พวกเขาจะรู้สึกหวาดกลัวก็ไม่แปลก เพราะลำพังแค่เซียนนภาคนเดียวก็มีอานุภาพไม่ต่างจากระเบิดนิวเคลียร์เดินได้อยู่แล้ว
ต่อให้จ้าวเทียนนั่งดูอยู่เฉยๆแล้วส่งเซียนนภาหนึ่งพันคนออกไป ก็ย่อมสามารถกวาดล้างขุมอำนาจอื่นๆบนโลกมนุษย์ ได้อย่างง่ายดายภายในเวลาไม่กี่วันแน่นอน
“ เรื่องกองกำลังเซียนนภาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่พวกเขาหวาดกลัวจริงๆคือเต๋ากระบี่ของเจ้า ที่สามารถสังหารกองทัพสวรรค์นับแสนได้ในพริบตาต่างหาก ถ้าต้องถูกบังคับให้เข้าร่วมศึกที่ไม่มีโอกาสชนะเลยสักนิด เป็นตัวเจ้าจะทำเช่นไรล่ะ หึหึ ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงหัวเราะออกมาเบาๆ
เขารู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ที่ผู้ถูกเลือกของเทพมังกรคนอื่นๆต่างพากันถอนตัวไปจนหมด ทำให้จ้าวเทียนได้สิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบเพียงผู้เดียว
ทั้งจ้าวเทียนและเทพมังกรอ๋าวเฟิง ยืนพูดคุยกันอยู่ด้านหน้าพระราชวังจักรพรรดิด้วยท่าทีผ่อนคลาย ไม่ได้สนใจประตูพระราชวังที่เปิดอ้ารอให้พวกเขาเข้าไปแม้แต่น้อย
จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มีเสียงถอนหายใจเบาๆออกมาจากในพระราชวังจักรพรรดิ พร้อมกับทหารองครักษ์เกราะเงินจำนวนมาก ที่วิ่งกรูกันออกมาตั้งขบวนทัพรับเสด็จอย่างมีระเบียบ
นี่คือ…หุ่นเชิดจิตวิญญาณระดับเทพโลกาขั้นเก้าถึงห้าร้อยตน
และยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะที่ด้านในอาณาเขตพระราชวังยังมีทหารเกราะแดงอีกสามแสนนายยืนเข้าแถวรอรับคำสั่งอยู่ ซึ่งก็มีพลังอยู่ในระดับแดนเทพขั้นสูงสุดไปจนถึงเทพโลกาขั้นต้นเลยทีเดียว
“ พวกเจ้าถือเป็นแขกผู้มีเกียรติกลุ่มแรกในรอบหมื่นปี ที่ทำให้ข้าต้องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน