หมากตานี้ของมหาเทพจูเซียน ได้ทำให้เปลือกนอกที่ดูแข็งแกร่งของวังสวรรค์พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เขาได้แสดงให้ทั่วทั้งจักรวาลได้เห็นความจริงที่ว่า
ถึงแม้จะผ่านไปนานนับหมื่นปี นิกายจูเซียนก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้จงรักภักดีมากมาย โดยที่อำนาจของมหาเทพองค์ใหม่ ไม่สามารถผูกมัดหัวใจคนเหล่านี้ได้เลย ซึ่งก็ถือเป็นการตบหน้ามหาเทพอวี่หวงอย่างรุนแรงเลยทีเดียว
“ บัดซบ! นั่นพวกเจ้าคิดจะทำอะไร กลับเข้ามาอยู่ในแถวเดี๋ยวนี้ ” แม้ทัพเทพเอ้อหลางร้องตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ เมื่อเห็นทหารสวรรค์เกือบสองล้านนาย พุ่งทะยานออกจากขบวนรบโดยพละการ
พวกเขาไม่ได้ไปเข้าร่วม กับสำนักดาราสวรรค์เหมือนอย่างที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ แต่เลือกที่จะตั้งแถวอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างกองทัพของทั้งสองฝ่าย เพื่อรอการมาถึงของมหาเทพจูเซียน
“ ขออภัยด้วยท่านแม่ทัพ ถึงแม้พวกข้าจะได้รับดูแลจากท่านเป็นอย่างดี แต่ทางตระกูลของพวกข้าได้ประกาศเข้าร่วมกับนิกายจูเซียนแล้ว พวกข้าไม่อาจขัดขืนคำสั่งของผู้นำตระกูลได้ ”
หนึ่งในรองแม่ทัพทั้งสี่ของวังสวรรค์ ถอดหมวกเกราะและแผ่นป้ายประจำตำแหน่งส่งคืนให้กุนซือที่ยืนอยู่ข้างกาย แล้วพาเหล่าองครักษ์เคลื่อนย้ายมิติจากไปทันที
“ แม้แต่ผู้สืบทอดที่ข้าทุ่มเทฝึกฝนมากับมือ ก็ยังกล้าคิดทรยศงั้นรึ ”
ควับ!
เทพเอ้อหลางยกหอกขึ้นเหมือนจะทะลวงมิติออกไป แต่ก็ถูกพวกรองแม่ทัพที่เหลือห้ามเอาไว้ทัน เพราะตราบใดที่มหาเทพอวี่หวงยังไม่มีราชโองการลงมา พวกเขาก็ไม่อาจเปิดศึกกับนิกายจูเซียนโดยพละการ
ณ ท้องพระโรงวังจักรพรรดิสวรรค์
บุรุษผู้หนึ่งประทับนั่งบนบัลลังก์มังกร ด้วยกายแท้ที่สูงใหญ่เกือบพันเมตร ตรงด้านหลังปรากฏวงแหวนเก้าสี ปลดปล่อยแสงสีทองทอประกายระยิบระยับ ทั้งดูศักดิ์สิทธิ์และสง่างามในเวลาเดียวกัน
มหาเทพอวี่หวงในชุดคลุมจักรพรรดิสวมมงกุฎมุกห้าแถว กวาดสายตามมองขุนนางข้าราชบริพารนับร้อย ที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องล่างอย่างเย็นชา
“ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร กับเรื่องพวกกบฏในแดนสวรรค์ ” มหาเทพอวี่หวงถามขึ้นเสียงดัง
“ เรียนฝ่าบาท ก่อนอื่นกระหม่อมอยากทราบความจริง ว่ามหาเทพจูเซียนฟื้นคืนพลังทั้งหมดกลับมาแล้วหรือยัง เขามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะคุกคามพระองค์หรือไม่ ” ชายชราในชุดคลุมเต๋าโค้งคำนับด้วยความอ่อนน้อม
“ หึหึ คุกคามข้างั้นรึ เขาเป็นเพียงจิตวิญญาณที่สร้างร่างกายเทียมขึ้นมา ไม่ใช่จักรพรรดิเทพที่แท้จริง ย่อมไม่อาจต่อกรกับข้าได้อยู่แล้ว ” มหาเทพอวี่หวงพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
ถึงแม้มหาเทพจูเซียนจะมีเจตจำนงและมรรคาจักรพรรดิ แต่มหาเทพอวี่หวงดูออกว่าโครงสร้างร่างกายอีกฝ่าย รวมไปถึงโลกภายในมีความแข็งแกร่งเท่ากับเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุดเท่านั้น ไม่มีทางเทียบตนเองได้แน่นอน
“ ถ้าเป็นตามที่พระองค์กล่าวมา ในตอนนี้ศัตรูที่พวกเราต้องให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือจักรพรรดินีหลินซินเยว่และสำนักดาราสวรรค์ ไม่ควรจะสิ้นเปลืองกองกำลังไปปราบปรามกบฏก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้นเด็ดขาด ”
“ ขอเพียงพระองค์หาโอกาสสังหารมหาเทพจูเซียนให้ได้ในการต่อสู้ พวกกบฏที่เข้าร่วมกับนิกายจูเซียนก็จะหวาดกลัวจนล่มสลายไปเอง ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น มหาเทพอวี่หวงก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะสั่งการให้ทหารองครักษ์สองแสนนายไปจับตาดูพันธมิตรฝ่ายกบฏเอาไว้
และให้ขุนนางทั้งหมดกลับไปตรวจสอบขุมกำลังอื่นๆที่เคยมีความสัมพันธ์กับนิกายจูเซียนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพื่อขุดคุ้ยเหล่าสายลับที่ยังแฝงตัวอยู่ออกมาให้หมด ไว้จบเรื่องสงครามแล้วจะได้ทำความสะอาดทีเดียว
หลังมอบหมายหน้าที่ออกไปเสร็จเรียบร้อย ภายในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่ก็เหลือเพียงมหาเทพอวี่หวงผู้เดียว เขาจึงลุกขึ้นจากบัลลังก์ช้าๆ พร้อมกับชี้นิ้วไปยังทิศทางที่มหาเทพจูเซียนอยู่
“ ช่วยแสดงให้ข้าเห็นหน่อยเถอะ ว่าเจ้าคู่ควรกับสมญานามมหาเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบห้าแสนปีหรือไม่ ”
“ ดรรชนีมังกรสวรรค์ทะลวงหมื่นภพ! ”
วิ้งงงง! บูมมม!
แสงศักดิ์สิทธิ์เก้าสี ถูกดึงดูดให้ไปรวมตัวกันที่ปลายนิ้วมหาเทพอวี่หวง ทำให้อวกาศบิดเบี้ยวห้วงมิติพังทลาย ปรากฏเป็นมังกรทองห้ากงเล็บฉีกกระชากความว่างเปล่าหายไป
ในเวลาเดียวกัน
มหาเทพจูเซียนที่กำลังใช้สัมผัสวิญญาณ ตรวจสอบสถานการณ์ในแดนสวรรค์และสนามรบเทพมารบรรพกาลก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงวิกฤตร้ายแรงคุกคามมาจากทิศเหนือ
ทันใดนั้น
ครืนนนน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน