มหาเทวีเฟรย่าได้มาถึงโลกมนุษย์แล้ว ในขณะที่เหล่าราชวงศ์เทพแอสการ์ดกำลังแย่งชิงอำนาจผู้ปกครองกันอย่างดุเดือด นางก็นำกองทัพวัลคีรีทั้งหมดและแม่ทัพนายกองที่จงรักภักดีบุกมาแก้แค้นให้ราชันเทพโอดินด้วยตนเอง
นี่คือกองกำลังผสม ระหว่างทัพนักรบสตรีวัลคีรีห้าแสนนางกับกองทัพแอสการ์ดเดี้ยนหกล้านนาย ทั้งหมดได้เตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี
โดยใช้อุปกรณ์เวทมนต์ ผนึกระดับพลังตนเองไว้ให้อยู่ในขอบเขตแดนเทพขั้นสูงสุด ทำให้สามารถส่งร่างจริงลงมาที่โลกมนุษย์ได้
ยกเว้นก็แต่มหาเทวีเฟรย่าที่แข็งแกร่งจนเกินไป นางจึงสร้างร่างอวตารที่แบ่งแยกดวงวิญญาณครึ่งหนึ่งของตนเองลงมาแทน พร้อมกับหอกกุงนีร์อาวุธคู่กายราชันเทพโอดินผู้เป็นพระสวามี
“ ในที่สุดก็มาจนได้สินะ ทั้งยังเลือกจังหวะได้ดีซะด้วย ”
“ หืม… แทนที่จะเป็นกองทัพสวรรค์ของมหาเทพอวี่หวง กลับกลายเป็นกองทัพแอสการ์ดงั้นเหรอ ช่างวุ่นวายเสียจริง ”
“ ระวังไว้! เป้าหมายของพวกมันอยู่ที่ผู้นำสมาพันธ์แน่นอน อย่าปล่อยให้บุกทะลวงเข้ามาได้เป็นอันขาด ”
ตอนนี้เหล่าเซียนนภานับหมื่น และกองกำลังหุ่นเชิดทั้งหมดได้เตรียมตัวเข้าเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามแล้ว กองทัพทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่พันเมตร จนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“ นักรบหญิงวัลคีรีพวกนี้มีกลิ่นอายสังหารดุดันมาก พลังของพวกเธอห้าแสนคนดูจะเหนือกว่ากองทัพเทพหกล้านนายเสียอีก ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วก็ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่สัมผัสได้ เพราะยอดฝีมือคนอื่นๆก็รู้สึกไม่แตกต่างกัน
การที่พวกเขาจะคิดแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากสำหรับชาวแอสการ์ดแล้ว มหาเทวีเฟรย่าและกองทัพวัลคีรีของเธอคือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด
วัลคีรีทุกนางล้วนถูกคัดเลือก มาจากดวงวิญญาณนับแสนล้านที่สิ้นชีพอย่างกล้าหาญในสงคราม ซึ่งถือเป็นระดับหัวกระทิในระดับหัวกระทิ เป็นอีกความหมายหนึ่ง
โดยเฉพาะเทวีเฟรย่าที่เปรียบเสมือนมือขวาของราชันเทพโอดิน ทั้งสองราวกับเป็นเหรียญคนละด้าน หนึ่งเป็นตัวแทนแห่งแสงสว่างมีหน้าที่ปกครองบ้านเมือง ส่วนอีกหนึ่งก็คอยกวาดล้างศัตรูอยู่ในเงามืด
ไม่ว่าจะเป็นศึกสงครามที่เสียเปรียบขนาดไหน ขอเพียงกองทัพนักรบหญิงขี่ม้าเพกาซัสเข้าสู่สนามรบ เหล่าศัตรูก็จะถูกบดขยี้จนแหลกกระจุยทุกคราไป
จนมีครั้งหนึ่ง ราชันเทพถึงกับเคยหลุดปากยอมรับออกมาเองตอนมึนเมาว่า หากหมื่นปีก่อนไม่ได้ความช่วยเหลือจากมหาเทวีเฟรย่าและกองทัพวัลคีรี พระราชวังแอสการ์ดคงถูกกองทัพวังสวรรค์ทำลายไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้มหาเทวีเฟรย่า จะไม่ได้บรรลุขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิเทพเหมือนราชันเทพโอดินกับแม่ทัพเทพเอ้อหลาง แต่ความแข็งแกร่งรวมไปถึงทักษะการต่อสู้ของนางนั้น ได้ล้ำหน้าเหล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์คนอื่นๆไปไกลลิบ
มหาเทวีเฟรย่า คือนักรบในตำนานที่ถือกำเนิดมาเพื่อการต่อสู้อย่างแท้จริง จนกล่าวได้ว่าตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ภายใต้ขอบเขตพลังเดียวกัน นางไร้คู่มือเปรียบทั่วทั้งแดนสวรรค์และจักรวาล
ทันใดนั้น…
มหาเทวีเฟรย่าควบม้าเพกาซัสออกมา สายตาอันดุดันของนางกวาดมองศัตรูบนฟ้าทั้งที่เปิดเผยตัวออกมารวมไปถึงพวกที่หลบซ่อนตัวอยู่ ก่อนจะชี้หอกกุงนีร์ไปทางจ้าวเทียนที่กำลังรอประตูเซียนอยู่ด้านหลัง
“ ทหารแอสการ์ดเดี้ยน จงฟัง! ขณะนี้ถึงเวลาทำตามคำมั่นสัญญาในอดีตแล้ว ถึงแม้ศัตรูของเราจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จนครานี้อาจเป็นเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ พวกเจ้ารู้สึกหวาดกลัวหรือไม่! ”
“ ไม่กลัว! พวกเราไม่มีวันกลัว ”
“ สังหารพวกมัน แก้แค้นให้ท่านโอดิน ”
“ ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ”
แววตาของทหารแอสการ์ดเดี้ยนหกล้านนายเต็มเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่ง ถึงแม้จะเคยสั่นสะท้านกับเต๋ากระบี่ของจ้าวเทียนที่สังหารกองทัพวังสวรรค์ในพริบตา แต่มันก็ไม่อาจหยุดพวกเขาจากการแก้แค้นให้องค์ราชันเทพได้
เพราะต่อให้เต๋ากระบี่นั้นจะทรงอานุภาพขนาดไหน มันก็ต้องมีขีดจำกัดไม่มีทางจะสังหารทัพแอสการ์ดเดี้ยนหกล้านนายทั้งหมดในครั้งเดียวได้แน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลานี้อีกฝ่ายกำลังติดพันกับประตูเซียนอยู่เลย
“ สังหารให้สิ้น! ทัพแอสการ์ดเดี้ยนบุกได้! ”
สิ้นเสียง กองทัพหลายล้านก็ถาโถมเข้าใส่ศัตรูดุจคลื่นทะเลโหมกระหน่ำ ไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบขบวนรบอะไรทั้งนั้น
เพราะภารกิจที่แท้จริงของพวกเขา ก็คือการเป็นตัวล่อให้ศัตรูเปิดเผยอาวุธลับที่ปิดบังไว้ออกมา ส่วนหน้าที่ในการกวาดล้างศัตรูจะเป็นของกองทัพวัลคีรีซึ่งเฝ้าคุมเชิงอยู่เบื้องหลัง
“ ส่งหน่วยกล้าตายออกมาก่อนงั้นเหรอ ช่างเป็นผู้นำที่เลือดเย็นจริงๆ ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด
ตอนที่กองทัพฝ่ายตรงข้าม ได้ปะทะกับม่านพลังอาณาเขตเทือกเขาคุนหลุนแล้ว คงใช้เวลาไม่กี่ลมหายใจที่จะทะลวงฝ่าเข้ามาได้
“ พี่เหยาเหยา พวกเรา… ” เฉินจิ้งรู้สึกเหมือนเลือดในกายเดือดพล่านเลยหันไปขออนุญาตจากลี่เหยาเหยา เพราะอยากออกไปอาละวาดเข่นฆ่าให้สาสมใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน