จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 581

สรุปบท ภาคสามบทที่่194 สั่นสะเทือนฟ้าดิน: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

สรุปเนื้อหา ภาคสามบทที่่194 สั่นสะเทือนฟ้าดิน – จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ

บท ภาคสามบทที่่194 สั่นสะเทือนฟ้าดิน ของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ZigFheZ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หากให้เปรียบเทียบความแข็งแกร่ง ระหว่างผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภากับขอบเขตแดนเทพซึ่งอยู่ในระดับเดียวกัน

ต้องบอกเลย ว่าฝ่ายแรกมีความสามารถด้านต่างๆเหนือกว่าฝ่ายหลังอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเรื่องการสร้างโลกภายในของตนเอง และความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าจากการดูดกลืนพลังประตูเซียน

แต่ทว่า

เมื่อเหล่าเซียนนภาต้องมาเผชิญหน้ากับกองทัพวัลคีรีของมหาเทวีเฟรย่า ข้อได้เปรียบทุกอย่างก็แทบจะหายไปทันที เพราะกองทัพวัลคีรีเกือบครึ่งคือเทพโลกาที่ผนึกขั้นพลังตัวเองลงมาโลกมนุษย์

เอาแค่เรื่อง ให้ผู้ที่เพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนนภามาได้แค่เพียงสามวัน ต้องมาสู้กับสุดยอดนักรบที่ทำสงครามฝึกฝนตัวเองนานนับหมื่นปี ก็นับว่าเป็นเรื่องที่เสียเปรียบมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจำนวนของทั้งสองฝ่ายที่แตกต่างกันหลายเท่าเลย

สงครามครั้งนี้ มีเซียนนภาเข้าร่วมแปดพันคน เซียนขั้นสูงสุดสองหมื่นคน ซึ่งเมื่อรวมกับกองทัพหุ่นเชิดสี่หมื่นตน กับนักบวชแห่งแสงหนึ่งพันคน ก็เท่ากับว่ามีจำนวนแค่หกหมื่นเก้าพันคนเท่านั้น

ซึ่งมันก็ถือว่าน้อยมาก…ถ้าเปรียบเทียบกับกองทัพวัลคีรีห้าแสนนางของมหาเทวีเฟรย่า

โดยจะมีเหตุผลอยู่สองข้อใหญ่ๆ ที่ทำให้ฝ่ายสมาพันธ์เซียนสามารถต่อสู้กับศัตรูที่เหนือกว่ามาได้นานถึงขนาดนี้

ข้อแรก คือการอวยพรศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง และการฟื้นฟูรักษาอาการบาดเจ็บของพวกนักบวชแห่งแสงกับโม่ปิงหยู

ส่วนข้อที่สอง ซึ่งเป็นข้อที่สำคัญที่สุดก็คือ ความแข็งแกร่งราวสัตว์ประหลาดของพวกลี่เหยาเหยา และเหล่าผู้อาวุโสทั้งยี่สิบห้าคนที่ได้รับสืบทอดมรดกจากซากศพผู้ยิ่งใหญ่ยุคบรรพกาล ในดินแดนมรดกจักรพรรดิอสูรกระบี่

“ อามิตาพุทธ เดี๋ยวอาตมาจะเปิดทางให้เอง ประสกเฉินจิ้งและคนอื่นๆที่ล่วงหน้าไปก่อนเริ่มรับมือศัตรูไม่ไหวแล้ว พวกท่านต้องรีบไปช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ” พูดจบ หลวงจีนคิ้วขาวพุ่งทะยานออกไปเบื้องหน้า ประกบฝ่ามือเป็นเก้าสัญลักษณ์อย่างรวดเร็ว

“ บัวเพลิงพุทธะพิโรธ! ”

บูมมมม!

คลื่นเปลวเพลิงสีแดงระเบิดออกไปเป็นวงกว้าง ปรากฏเป็นดอกบัวยักษ์อันร้อนแรงกักขังนักรบวัลคีรีหลายพันนางไว้ด้านใน

จากนั้น หลวงจีนคิ้วขาวก็ฝืนใช้เคล็ดวิชาเดิมซ้ำอีกแปดครั้ง จนมองเห็นดอกบัวเพลิงทั้งเก้าเรียงซ้อนต่อกันเป็นเส้นตรง กลายเป็นสะพานเส้นหนึ่งเชื่อมต่อไปยังแนวหลังศัตรู

“ รีบไปเร็วเข้า เขตแดนวีรชนของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก อาตมาคงยับยั้งไว้ได้แค่สิบลมหายใจเท่านั้น”

หลวงจีนคิ้วขาวตะโกนออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ร่างกายของท่านสั่นสะท้านอย่างแรง จนแทบประคองตัวลอยอยู่บนฟ้าไว้ไม่ไหว

ทั้งยังเริ่มปรากฏเลือดไหลซึมออกมาจากจมูกและริมฝีปาก แสดงให้เห็นว่าตัวท่านต้องรับภาระหนักเพียงใด ในการใช้เคล็ดวิชานี้ถึงเก้าครั้ง

ฟุ่บ!

อั้งฮวงหลงรีบพาผู้อาวุโสอีกห้าคน พุ่งทะยานผ่านหลวงจีนคิ้วขาวไปทันที ส่วนผู้อาวุโสอีกสิบแปดคนที่เหลือ กำลังรับมือสิบสามวัลคีรีชั้นสูงและช่วยสนับสนุนแนวรับด้านอื่นๆอยู่

“ หยุดพวกมันไว้ อย่าปล่อยให้ฝ่าเข้าไปได้ ”

“ รีบช่วยเหลือพี่น้องของพวกเรา เร็ว! ”

กองกำลังย่อยนักรบวัลคีรีหนึ่งหมื่นนาง รีบตรงเข้ามาขัดขวางพวกอั้งฮวงหลง โดยมีอีกประมาณสองพันแยกตัวไปช่วยเหลือพวกพ้อง ที่ถูกผนึกไว้ในดอกบัวเพลิงทั้งเก้าดอก

“ ไสหัวไปซะ ”

อั้งฮวงหลงตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล ปรากฏมังกรโลหิตเจ็ดตัวพุ่งทะลวงความว่างเปล่า พวกมันขู่คำรามก้องฟ้าก่อนจะกลายเป็นพายุหมุนแห่งการทำลายล้าง ม้วนกวาดออกไปฉีกกระชากนักรบวัลคีรีเกือบพันนางเป็นชิ้นๆ

“ สามดาบทลายพิภพ! ”“ หมื่นดรรชนีทะลวงฟ้าดิน! ”

เจ้าสำนักคงท้งกับเจ้าสำนักบู้ตึ๊งก็ได้โจมตีออกไปพร้อมกัน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดจากผู้ยิ่งใหญ่ยุคบรรพกาลทั้งสิ้น ทำให้กองทัพวัลคีรีที่กำลังเข้ามาเสริม ถูกซัดกระเด็นไปไกลได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

พรวด!

ผู้อาวุโสทั้งสามกระอักเลือดออกมาคำโต สีหน้าของพวกเขาดูอ่อนแรงลงไปอย่างชัดเจน นี่คือผลกระทบจากการใช้พลังเกินตัวจนต้องเผาผลาญอายุขัยตนเอง

ฟุ่บ!

เงาร่างของหกผู้อาวุโสจางหายไปกลางอากาศ พวกเขาได้ฉวยโอกาสที่ศัตรูกำลังหวาดกลัว บุกทะลวงฝ่าวงล้อมออกไปเรียบร้อยแล้ว

“ ข้ามาไม่ทันงั้นรึ ช่างเถอะ สังหารพวกเจ้าให้หมดก็มีค่าเท่ากัน ” บรุนฮิลด์หัวหน้ากลุ่มสิบสามวัลคีรีพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา พร้อมกับโยนซากศพไร้ศีรษะของเจ้าสำนักง้อไบ๊ลงต่อหน้าหลวงจีนคิ้วขาว

“ นี่มัน ! ” หลวงจีนคิ้วขาวเลิกคิ้วขึ้น ยิ่งเมื่อเห็นนักรบวัลคีรีนับหมื่นที่ติดตามฝ่ายตรงข้ามมาเต็มไปด้วยคราบโลหิตของเหล่าเซียนหญิงสำนักง้อไบ๊ ในใจท่านก็เต็มไปด้วยโกรธแค้นอย่างรุนแรง

บรุนฮิลด์หน้าซีดเผือด รีบกระตุ้นฤทธานุภาพเกราะเพชรที่ได้รับมาจากมหาเทวีเฟรย่าเต็มกำลัง ปรากฏเป็นกำแพงแสงเจ็ดสีปกป้องกองทัพวัลคีรีที่อยู่ด้านหลัง ต้านทานการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด

“ ตรวนอสูรผนึกศาสตรา! ”

แวบ!

เมื่อแท่งโลหะสีแดงถูกเขวี้ยงออกไป มันก็ได้กลายเป็นอาณาเขตโซ่วิญญาณเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเส้น ผูกมัดตรึงเสวี่ยหลงไว้กลางอากาศ นี่คือสิ่งที่กองทัพวัลคีรีเตรียมไว้จัดการอาวุธเทพเจ้ามีชีวิตโดยเฉพาะ

“ บัดซบ พวกมันไปเอาของอันตรายแบบนี้มาจากไหนกัน ”

ครืนนน!

เสวี่ยหลงถูกบังคับให้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ โซ่ตรวนแต่ละเส้นได้กลายเป็นปรสิตชอนไชเข้าไปกลืนกินเลือดเนื้อเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังที่สั่งสมมาต้องสูญสิ้นไปอย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ทันที่บรุนฮิลด์จะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ร่างกายของนางก็สั่นสะท้านอย่างแรง รูขุมขนเปิดกว้างหลั่งเหงื่อเย็นออกมาเต็มแผ่นหลัง ราวกับสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่ฝังแน่นอยู่ในจิตวิญญาณ

“ ความรู้สึกนี้ มันคืออะไรกัน ”

“ นี่มัน เกิดอะไรขึ้น ”

“ เหตุใดข้า…ถึงขยับร่างกายไม่ได้เลย ”

เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วทั้งสนามรบ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพวัลคีรีหรือกองทัพพันธมิตรต่างได้รับผลกระทบจากคลื่นแห่งความหวาดกลัวไม่ทราบที่มาเหมือนกันทั้งสิ้น

“ กลิ่นอายแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ ” มหาเทวีเฟรย่าที่กำลังรับศึกพวกลี่เหยาเหยา จ้องมองไปทางประตูเซียนอย่างพรั่นพรึง

นางได้เห็นเงาร่างอันพร่าเลือนที่ซ้อนทับอยู่ด้านหลังจ้าวเทียน เริ่มเติบโตขยายขนาดขึ้นกลายเป็นมหายักษ์ใหญ่สูงเทียมฟ้าในพริบตา จนสามารถมองเห็นรายละเอียดใบหน้าและขวานเล่มโตที่ถืออยู่ในมือได้ชัดเจน

“ มหาเทพผู้สร้างเอกภพฺ....ผานกู่ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน