ย้อนกลับไปไม่กี่สิบนาทีก่อนหน้านี้ จิตวิญญาณของจ้าวเทียนได้ถูกดึงเข้าสู่มิติความฝันของจักรพรรดินีปิงเยว่ผ่านทางเครื่องรางที่พกติดตัว เพื่อให้เขาได้เห็นภาพบทสนทนาระหว่างมหาเทพอวี่หวงกับมหาเทพจูเซียน
“ ประตูเซียนจักรพรรดิ ที่ถูกสร้างขึ้นจากเศษชิ้นส่วนสะพานเชื่อมแดนสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนงั้นเหรอ นี่คือทั้งหมดที่ท่านอาจารย์ต้องการให้ฉันรู้สินะ ” จ้าวเทียนถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขามั่นใจว่า สงครามแห่งสามจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะต้องเริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างแน่นอน ทำให้พื้นที่สนามรบถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ท่านอาจารย์เลยต้องฝากฝังให้จักรพรรดินีปิงเยว่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องของเขา
“ ประตูเซียนบานนี้หาได้เป็นของเจ้าเพียงผู้เดียว มหาเทพอวี่หวงได้หลอมชะตากรรมสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลกมนุษย์เข้าไปด้วย ”
“ ดังนั้น มันจึงกลายเป็นประตูเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งวิธีเดียวที่เจ้าจะสามารถทำลายมันได้ ก็คือการหลอมรวมเจตจำนงของโลกมนุษย์ เพื่อ… ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เสียงจักรพรรดินีปิงเยว่ก็ขาดหายไปราวกับถูกใครบางคนสกัดกั้นเอาไว้ จากนั้นจิตวิญญาณของจ้าวเทียนก็ถูกบีบบังคับให้กลับคืนร่างในทันที
พร๊วด!
จ้าวเทียนพ่นเลือดออกมาคำใหญ่ ใบหน้าของเขาซีดขาวร่างกายสั่นสะท้านอย่างแรง รู้สึกเหมือนโดนคมมีดคว้านสมองก็ไม่ปาน มันเป็นความเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจจริงๆ
‘ เป็นผีมือใครกัน เต๋าสวรรค์งั้นเหรอ? ’
ถ้าถึงขนาดแทรกแซงการเชื่อมต่อระหว่างเขากับจักรพรรดินีปิงเยว่ได้ ตัวตนของอีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดาสามัญแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเทพจึงจะมีโอกาสทำได้สำเร็จ
ทันใดนั้น
ครืนนนน!
อยู่ดีๆ ประตูเซียนที่อยู่ตรงหน้าจ้าวเทียนก็ได้ระเบิดความกดดันมหาศาลออกมา บดขยี้ร่างกายเขาจนแทบแหลกสลาย ทำให้ถูกซัดกระเด็นถอยไปเกือบร้อยเมตร
“ นี่มัน เป็นไปไม่ได้ ”
จ้าวเทียนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคยจากประตูเซียน ว่าเป็นแบบเดียวกับผู้ที่ลงมือขัดขวางการเชื่อมต่อของเขากับจักรพรรดินีปิงเยว่ไม่ผิดเพี้ยน
‘ ฉันเข้าใจแล้ว ประตูเซียนจักรพรรดิได้ให้กำเนิดจิตวิญญาณเป็นของตนเอง มันจึงทำการลงโทษที่ฉันพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอก ’
เรื่องเพ้อฝันแบบนี้บอกไปคงไม่มีใครเชื่อ แต่ในเมื่อมันดันเกิดขึ้นกับตัวจ้าวเทียนเอง จะให้ไม่เชื่อก็คงทำไม่ได้แล้ว ประตูเซียนบานนี้มันมีความคิดอ่านเป็นของตัวเองจริงๆ
“ เอ่อ…คุณได้ยินฉันไหม ” จ้าวเทียนตัดสินใจสนทนากับอีกฝ่ายดู ขณะเดียวกันก็ดื่มกินโอสถรักษาอาการบาดเจ็บไปด้วย
“ ……. ” เงียบ ไม่มีการตอบสนองใดๆทั้งสิ้น
‘ ไม่สนใจงั้นเหรอ เอาเถอะ มันก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดไว้ซักเท่าไหร่ ฉันก็แค่อยากลองดูเท่านั้น ’
จ้าวเทียนคิดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่จะชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะเสียงระเบิดของเตาปฏิกรณ์อาร์คนับร้อย เขาสัมผัสได้ถึงชีวิตหลายแสนที่ต้องสูญเสียไปในการตัดสินใจครั้งนี้ของริค จอห์นสัน
ตราบใดที่จ้าวเทียนยังติดอยู่ที่นี่ ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะมีคนเสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าทหารผู้ภักดี บรรดาผู้อาวุโส มิตรสหาย หรือเหล่าพวกพ้องคนสนิท
วูป!
เหมือนคาดเดาความคิดของจ้าวเทียนออก ประตูเซียนจักรพรรดิได้สร้างเขตแดนผนึกอันแข็งแกร่งขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เขาออกไปแทรกแซงสงครามด้านนอก
“ ….. ” จ้าวเทียนสีหน้าหมองคล้ำลงทันที เขาเคยคิดที่จะใช้เต๋ากระบี่โจมตีออกไปซักสองสามครั้งเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้ฝ่ายตน แต่ดูเหมือนตอนนี้คงทำไม่ได้แล้ว
‘ ทุกคน รอฉันก่อนนะ ’
จ้าวเทียนจ้องมองไปทางพวกลี่เหยาเหยาและคนอื่นๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปิดเปลือกตาลงช้าๆ เพื่อถอดดวงจิตมุ่งสู่ใจกลางโลกมนุษย์ ตามคำใบ้ที่จักรพรรดินีปิงเยว่ได้กล่าวเอาไว้
ยี่สิบลมหายใจผ่านไป ดวงจิตจ้าวเทียนก็ได้ข้ามผ่านช่องว่างแห่งกาลเวลาเข้าสู่มิติใจกลางโลก ที่นั่นเขาได้พบกับดวงแสงสีขาวนวลขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มลูกพลังสีดำไว้ตรงกลาง
‘ ลูกพลังสีดำนั่น คงเป็นสิ่งสืบทอดมหาเทพผานกู่สินะ ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน