การใช้ทรัพย์สมบัติมาแลกเปลี่ยนตัวเชลย ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสงคราม ขอเพียงทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความแค้นใหญ่หลวง ส่วนใหญ่ก็พร้อมจะเจรจาต่อรองทั้งสิ้น
โดยเฉพาะกับเทพบาลเดอร์ ว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปของราชวงศ์แอสการ์ด ชีวิตของเขามีค่ากว่าคนอื่นมากนัก ไม่ว่าจะเรียกราคาไปเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ต้องยอมรับแน่นอน
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว จ้าวเทียนก็ส่งสัญญาณให้พวกปิงกู่ลั่ว ยึดแหวนมิติรวมไปถึงอาวุธชุดเกราะทรัพย์สมบัติติดตัวของเทพบาลเดอร์ทั้งหมด ก่อนจะหันไปต่อรองเงื่อนไขกับพวกเทพฮอรัสอีกครั้ง
“ เพิ่มหินวิญญาณระดับเทพเป็นหนึ่งล้านก้อน ส่วนสมบัติล้ำค่าฉันไม่ต้องการ… ” ยังพูดไม่ทันจบ สีหน้าจ้าวเทียนก็เปลี่ยนไปทันที
ครืนนน!
เหนือศีรษะจ้าวเทียนกับปิงกู่ลั่วและปิงกู่เยว่ ปรากฏอักขระรูนแห่งความตายอันเลือนรางขึ้น ทำให้ดวงวิญญาณของพวกเขาถูกฉีกกระชากออกไปอย่างรุนแรง
สำหรับจ้าวเทียน เขาแค่สูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายไปครู่หนึ่ง แต่ทางฝ่ายเด็กสาวทั้งสองกลับได้รับผลกระทบหนักกว่ามาก ทำให้พวกเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสหมดสติล้มลงไปทันที
“ผู้เผยพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ทำสำเร็จแล้ว รีบสังหารพวกมันเร็ว ”
แม่ทัพใหญ่แอสการด์ร้องตะโกนขึ้นสุดเสียง พร้อมทั้งพาทหารองค์รักษ์นับพันพุ่งทะยานเข้าใส่จ้าวเทียนอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า
“ บัดซบ! พวกแกมันสมควรตาย ”
บูมมมม!
จ้าวเทียนได้ระเบิดพลังทำลายอักขระรูนทั้งหมดในทีเดียว ปรากฏเป็นภาพลวงตาดวงอาทิตย์เก้าดวงเก้าแก่นแท้ลอยอยู่ด้านหลัง นี่คือสัญลักษณ์ศึกของผู้บรรลุขอบเขตเซียนทิพย์เก้าชั้นฟ้าในตำนาน
ฉัวะ!
หนึ่งกระบี่ตัดขาดความว่างเปล่า ศีรษะของศัตรูทั้งหมดปลิวกระเด็นจากลำคอ ถูกสังหารทั้งชีวิตและดวงวิญญาณอย่างแท้จริง
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนเทพฮอรัสกับเทพสึคุโยมิเข้าไปขัดขวางไม่ทัน หรือต่อให้มีโอกาสจริงๆพวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ดี เพราะสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าในแววตาของจ้าวเทียนได้อย่างชัดเจน
“ ฮา ฮ่า มันสาย…ไปแล้ว ” เทพบาลเดอร์พูดขึ้น เมื่อเห็นจ้าวเทียนรีบไปดูอาการเด็กสาวทั้งสอง
“ เปลี่ยนชะตากรรม ช่วงชิงดวงวิญญาณงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนกัดฟันขึ้นด้วยความโกรธ ตอนนี้ทั้งปิงกู่ลั่วละปิงกู่เยว่ลมหายใจขาดห้วงไปแล้ว แม้แต่ร่างกายก็เริ่มสูญเสียกลิ่นอายแห่งชีวิตไปเช่นกัน
“ หากต้องการช่วยชีวิตพวกนาง ก็จงปล่อยท่านแม่ข้ากับเทวีเฟรย่าเดี๋ยวนี้ ”
“ หุบปากซะ! ” จ้าวเทียนฟาดฝ่ามือออกไปด้วยความเดือดดาล เขาไม่สนใจการแลกเปลี่ยนอะไรอีกแล้ว จะต้องรีบไปช่วยเหลือเด็กสาวทั้งสองให้เร็วที่สุด
เปรี้ยงง! ตูมมม!
คลื่นพลังทำลายล้างที่ระเบิดออกมา ส่งผลให้ร่างกายของเทพบาลเดอร์ถูกบดขยี้เป็นฝุ่นผง ก่อนจะถูกจ้าวเทียนคว้าจับดวงวิญญาณไว้ ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของกองกำลังอีกฝ่ายที่เหลือ
“ นี่เจ้า กล้าสังหาร… ” เทพฮอรัสพูดได้เพียงเท่านี้ก็ต้องรีบหุบปากลงทันที เนื่องจากปรากฏรังสีกระบี่สายหนึ่งพุ่งเฉี่ยวใบหน้าตนเองไป
“ ถ้าไม่อยากตาย ก็ยืนดูอยู่เฉยๆซะ ” จ้าวเทียนพูดเตือนฝ่ายตรงข้ามอย่างเย็นชา
จากนั้น ก็ใช้ดวงวิญญาณเทพบาลเดอร์เป็นสื่อกลาง เพื่อใช้ประโยชน์จากสถานะอันสูงส่งของอีกฝ่าย ส่งร่างเจตจำนงของตนเองไปยังพระราชวังแอสการ์ดโดยตรง
ในเวลาเดียวกัน
บนลานกว้างหน้ามหาวิหารเทพเจ้าแอสการ์ด กลุ่มนักบวชชุดขาวหลายแสนคนกำลังนั่งคุกเข่า สวดบูชารูปปั้นขนาดใหญ่โตมโหฬารของมหาเทวีแห่งโชคชะตา ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรพชนสูงสุดผู้ก่อตั้งราชวงศ์เทพเจ้าแอสการ์ด
“ สารเลว! นี่มันยังกล้าสังหารบาลเดอร์อีกงั้นรึ ” สตรีสวมชุดคลุมปกปิดใบหน้าพูดขึ้นด้วยความโกรธแค้น นางคือร่างกลับชาติมากเกิดของมหาเทวีแห่งโชคชะตา หรือก็คือผู้เผยพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ในยุคปัจจุบัน
ทันใดนั้น
แวบ!
ร่างเจตจำนงของจ้าวเทียน ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือพระราชวังแอสการ์ด สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะจับจ้องไปที่ผู้เผยพระวจนะศักดิ์สิทธิ์อย่างเย็นชา
“ คืนดวงวิญญาณของพวกเธอมาซะ อย่าบีบให้ฉันต้องเปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นนรกบนดิน ”
!!
“ บังอาจ! เจ้านึกว่าตนเองเป็นจักรพรรดิเทพงั้นรึ ถึงกล้ามาพูดจาสามหาวต่อหน้าข้า ” ผู้เผยพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ตอบกลับไปเสียงดัง นางเป็นผู้นำสูงสุดของวิหารเทพเจ้ามาหลายยุคหลายสมัย จะยอมให้เด็กรุ่นหลังมาท้าทายอำนาจได้อย่างไร
วิ้งงงง!
รูปปั้นมหาเทวีแห่งโชคชะตา ได้ดูดกลืนพลังความศรัทธาของนักบวชหลายแสนคนเข้าไป แล้วเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าราวกับมีชีวิต ส่งผลให้ระดับพลังของผู้เผยพระวจนะศักดิ์สิทธิ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เทพโลการะดับเก้าขั้นสูง!
เทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุด!
ขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิเทพ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน