จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 594

นับตั้งแต่ราชวงศ์เทพแอสการ์ดได้ถือกำเนิดขึ้น ก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์หรือหายนะครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน

ราชันเทพโอดินสิ้นชีพ กองทัพเกือบทั้งหมดต่อสู้จนตัวตายบนโลกมนุษย์ สองมหาเทวีผู้ยิ่งใหญ่ตกอยู่ในเงื้อมมือศัตรู สุดท้ายแม้แต่มหาวิหารบูชาเทพเจ้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมความศรัทธาก็ยังมาถูกทำลายลง

คงไม่เคยมีผู้ใดคาดคิดมาก่อน ว่ามหาอำนาจอันดับสองแห่งแดนสวรรค์อย่างอาณาจักรเทวะตำนานจะพังพินาศ ด้วยน้ำมือของผู้ฝึกตนจากโลกมนุษย์คนหนึ่ง

“ ดูเหมือน ราชวงศ์เทพแอสการ์ดที่เหลือจะหลบซ่อนตัวอยู่ที่พระราชวังสินะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างเย็นชา

ในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ไม่เหลือพื้นที่ให้เจรจากันอีก หากไม่จัดการถอนรากถอนโคนศัตรูให้หมดสิ้น จะต้องกลายเป็นหายนะในอนาคตอย่างแน่นอน

วูป!

ด้านหลังจ้าวเทียน ปรากฏเป็นภาพลวงตาของดวงอาทิตย์เก้าดวงหมุนวนเป็นวงกลม ส่งผลให้ระดับพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ครืนนน!

มองเห็นวังวนขนาดใหญ่ปกคลุมท้องฟ้า ก่อนจะเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นฝ่ามือยักษ์แห่งกฎเกณฑ์เหนือพระราชวังแอสการ์ด

นี่คือเคล็ดวิชาเดียว กับที่จักรพรรดินีหลินซินเยว่เคยใช้กวาดล้างพันธมิตรโจรสลัดอวกาศ เพียงแต่เมื่อมันถูกใช้โดยจ้าวเทียนกลับทรงอานุภาพเหนือกว่ามากนัก เพราะตัวเขาได้บรรลุสิบแก่นแท้และเป็นผู้ครอบครองชิ้นส่วนดวงวิญญาณมหาเทพผานกู่

ทันใดนั้น

“ หยุดเดี๋ยวนี้ จงถอยกลับไปซะ ”

เงาร่างของชายชราสวมชุดคลุมสีขาว ปรากฏขึ้นเหนือพระราชวังแอสการ์ดพร้อมกับภาพลวงตาของมหาพฤกษาอิกดราซิล หยั่งรากลึกปกคลุมผืนปฐพี

นี่คือเจตจำนงที่เหลืออยู่ของมหาเทพบูรี ปฐมจักรพรรดิองค์แรกผู้ก่อตั้งราชวงศ์เทพแอสการ์ด ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของราชันเทพโอดินที่สิ้นชีพไป

“ กลิ่นอายแบบนี้ ขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นสูงงั้นเหรอ ” สีหน้าของจ้าวเทียนเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบใช้วิชาเนตรจักรวาลหมื่นสรรพสิ่ง เพื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง

ด้วยสุดยอดเคล็ดวิชาที่ได้เรียนรู้จากผู้ปกครองเอกภพซวนตี้เหยียน ผ่านทางความทรงจำของจักรพรรดินีปิงเยว่ ทำให้สามารถมองทะลุภาพมายาและความลับที่อีกฝ่ายเก็บซ่อนไว้ในพริบตา

‘ ที่แท้ก็อาศัยจิตวิญญาณของต้นไม้โลก เพื่อยกระดับพลังตนเองขึ้นไปเทียบเท่าสมัยตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ชั่วคราว ลองทดสอบดูหน่อยก็แล้วกัน ว่าจะฝืนทนต่อไปได้นานซักแค่ไหน ’

ถ้าตรงหน้าคือมหาเทพบูรีตัวจริง จ้าวเทียนก็อาจจะยอมไว้หน้าแล้วเลือกถอนตัวกลับไป แต่ในเมื่ออีกฝ่าย เป็นแค่เจตจำนงของจักรพรรดิเทพขั้นสูง ซึ่งได้สูญเสียพลังส่วนใหญ่ไปเพราะการหลับใหลอันยาวนาน

มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องเกรงกลัวอีก…

“ อยากให้ฉันถอย ก็ต้องแสดงความสามารถออกมา ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างเย็นชา เขาตัดสินใจแล้วว่าจะกำจัดภัยซ่อนเร้นในอนาคตทั้งหมด

ตูมมมม!

เขตอาคมป้องกันพังทลาย ความว่างเปล่าได้ผนึกตัวขึ้นเป็นพื้นผิวคล้ายกระจก และถูกฝ่ามือยักษ์แห่งกฎเกณฑ์ของจ้าวเทียนบดขยี้โดยตรง ส่งผลให้อาณาจักรเทวะตำนานสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“ บังอาจ กล้าท้าทายข้างั้นรึ ” มหาเทพบูรีร้องตะโกนขึ้นด้วยความเดือดดาล โดยปกติมหาเทพองค์ปัจจุบันเวลาเจอหน้าเขายังต้องให้ความเคารพสามส่วน ไม่นึกเลยว่าจะถูกเด็กเมื่อวานซืนมาลูบคมซะได้

“ หมัดทลายเก้าชั้นฟ้า! ”

เปรี้ยงงง! ตูมมม!

พริบตาที่หมัดกับฝ่ามือปะทะกัน แสงสว่างอันเจิดจ้าก็ระเบิดออกมากลืนกินโลกทั้งใบ จากนั้นความว่างเปล่าก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ห้วงมิติเริ่มพังทลายพังทลายกลายเป็นหลุมดำ ดูดกลืนสรรพสิ่งหายไปในความมืดมิดอันน่าสะพรึงกลัว

แกร่ก!

ดูเหมือนพลังโจมตีของมหาเทพบูรีจะเหนือกว่าขั้นหนึ่ง ส่งผลให้ฝ่ามือยักษ์ของจ้าวเทียนปรากฏรอยร้าวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกภาพลวงตามหาพฤกษาอิกดราซิลพุ่งชนจนแตกสลายไปในที่สุด

ตูมม!

เสี้ยววินาทีต่อมา มหาเทพบูรีก็ปล่อยหมัดต่อยออกไปอีกครั้ง ทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน ความว่างเปล่าถูกเจาะเป็นช่องว่างขนาดใหญ่มองเห็นอวกาศด้านนอก

คลื่นพลังทำลายล้างที่ระเบิดออกไป ได้บดขยี้ดาวเคราะห์หลายดวงเป็นฝุ่นผงทันที ส่วนร่างเจตจำนงของจ้าวเทียนนั้น ได้ถูกซัดกระเด็นจนปลิวหายไปในจักรวาลเรียบร้อย

“ เด็กน้อย ในตอนที่ข้ากวาดพิชิตไปทั่วทั้งจักรวาลแล้วขึ้นปกครองแดนสวรรค์ บิดามารดาของเจ้ายังไม่ถือกำเนิดเลยด้วยซ้ำ กล้าดีอย่างไรมาแสดงท่าทีหยิ่งยโสต่อหน้าข้า ”

เสียงมหาเทพบูรีดังสะท้านสะเทือนอาณาจักรเทวะตำนาน ช่วยปลุกจิตใจอันสิ้นหวังของชาวแอสการ์ด ให้ฟื้นคืนกลับมาเชื่อมั่นในราชวงศ์เทพเจ้าอีกครั้ง

“ ท่านบรรพชนเทพจงเจริญ ราชวงศ์แอสการ์ดจงเจริญ ”

“ พวกเรารอดแล้ว เทพเจ้ายังไม่ทอดทิ้งพวกเรา ”

เขารู้ดีว่าต่อให้ทำลายร่างเจตจำนงของจ้าวเทียนไป มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออีกฝ่ายมากนัก เลยไม่อยากสิ้นเปลืองพลังโดยเปล่าประโยชน์

ต้องไม่ลืมว่า มหาเทพบูรีที่เห็นอยู่เป็นเพียงเจตจำนงที่ถูกทิ้งไว้ เพื่อปกป้องพระราชวังแอสการ์ด จึงไม่อาจเคลื่อนไหวนอกอาณาเขตที่กำหนดไว้ได้ ซ้ำร้ายทุกครั้งที่เกิดการต่อสู้ก็จะสูญเสียพลังต้นกำเนิดไปเรื่อยๆอีกด้วย

ดังนั้น การขับไล่ร่างเจตจำนงของจ้าวเทียนโดยวิธีข่มขวัญให้หวาดกลัว และไม่กระตุ้นความแค้นจากอีกฝ่ายมากเกินไปจึงเป็นทางเลือกที่ดีสุด

“ ยอมรับความพ่ายแพ้? หมายถึงฉันงั้นเหรอ ” พูดจบ จ้าวเทียนก็ยิ้มอย่างเย็นชา ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากแผนการถ่วงเวลาของเขาบรรลุวัตถุประสงค์เรียบร้อย

“ เจ้า หมายความว่าอย่างไร… ” มหาเทพบูรียังพูดไม่ทันจบ ก็ต้องรีบหันไปมองทิศทางหนึ่งด้วยสีหน้าหมองคล้ำ

นั่นก็เพราะ ดวงดาวน้อยใหญ่ในจักรวาลเริ่มสั่นสะเทือน ก่อนที่ความว่างเปล่าในอวกาศจะถูกบิดเบือน พร้อมกับมีชายหนุ่มยืนเหยียบอีกาทองคำสามขาพุ่งทะลวงห้วงมิติออกมา

ฉัวะ!

ชายหนุ่มคนนั้น เมื่อมาถึงก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ ชักกระบี่ฟาดฟันออกไปด้วยความเร็วดุจประกายแสงทันที

“ บัดซบ นี่มัน ” มหาเทพบูรีเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เพราะในสายตาเขาคมกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามได้ฉีกกระชากจักรวาลออกเป็นสองส่วน แม้แต่เนตรหยั่งรู้ของเขา ก็ยังมองเห็นภาพตนเองถูกฟันตัวขาดครึ่งเช่นเดียวกัน

“ อิกดราซิล ส่งพลังทั้งหมดมาให้ข้า ”

เปรี้ยงง! ตูมมมมม!

มหาเทพบูรีได้อาศัยพลังของมหาพฤกษาอิกดราซิล จนสามารถต้านทานกระบี่นี้ของร่างจริงจ้าวเทียนได้สำเร็จ

เนื่องจากทั้งสองฝ่าย ต่างมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นสูงเหมือนกัน จึงไม่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบมากเท่าใดนัก

เพียงแต่ เมื่อกระบี่ที่สอง กระบี่ที่สาม กระบี่ที่สี่ และกระบี่ที่ห้าของจ้าวเทียนถูกฟาดฟันออกไป ผลกระทบจากการที่มหาเทพบูรีได้สิ้นเปลืองพลังไปก่อนหน้านี้ก็บังเกิดขึ้นทันที

ฉัวะ!

ร่างมหาเทพบูรีถูกกระบี่ของจ้าวตัดขาดเป็นสองส่วน ไปพร้อมกับภาพลวงตามหาพฤกษาอิกดราซิลที่อยู่ด้านหลัง ส่งผลให้เส้นใยกรรมของทั้งสองถูกสะบั้น ไม่อาจหยิบยืมพลังได้อีกต่อไป

ตอนนี้ ปฐมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์เทพแอสการ์ดได้พ่ายแพ้แล้ว ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงความหวังสุดท้ายที่หลุดลอยไปด้วย