จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 602

ณ สนามรบเทพมารบรรพกาล

คลื่นภัยพิบัติสีดำได้กวาดไปทั่วทั้งสนามรบ ทุกแห่งที่ฝูงแมลงมารกลืนวิญญาณผ่านไป ล้วนหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า

พวกมันกัดกินทั้งซากศพ และอาวุธชุดเกราะของฝ่ายตรงข้ามไม่มีเหลือ เพื่อเพิ่มพูนจำนวนและความแข็งแกร่งให้ตนเอง

โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ องค์หญิงเผ่าภูติดาราศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองปรากฏตัวขึ้น ถึงแม้ระดับพลังของพวกเธอจะอ่อนแอกว่าผู้อื่น แต่ด้วยทักษะลี้ลับของสายเลือดที่ถูกปลุกตื่นขึ้น

ก็ทำให้พวกเธอสามารถขับร้องบทเพลงแห่งภูติบรรพกาล เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและความเร็วให้กองทัพพันธมิตรได้ ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้กองทัพแมลงติดสถานะคลุ้มคลั่งมีความดุร้ายยิ่งกว่าเดิม

จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไป กองทัพพันธมิตรวังสวรรค์ก็ถูกบีบให้ต้องละทิ้งขบวนรบตนเอง แล้วถอยร่นไปถึงแนวหลังในที่สุด

ทำให้มหาเทพอวี่หวงหรือร่างอวตารเต๋าสวรรค์ลำดับที่เก้า จำเป็นต้องส่งหุ่นเชิดอดีตจักรพรรดิสามตนออกไปคลี่คลายสถานการณ์ ส่วนตัวเองและหุ่นเชิดจักรพรรดิอีกเจ็ดตน ก็บุกทะลวงเข้าไปที่กองบัญชาการสำนักดาราสวรรค์

“ หลินซินเยว่จงยอมรับความตายซะ เพราะหากเจ้าคิดหลบหนี ข้าจะสังหารลูกศิษย์ของเจ้าให้หมด ”

!!

“ เหอะ! ตัวปลอมอย่างเจ้า อย่าคิดจะผ่านข้าไปได้ง่ายๆ ” มหาเทพจูเซียนพุ่งทะยานมาขวางหน้าฝ่ายตรงข้ามเอาไว้

ก่อนหน้านี้เขาได้สังหารมหาเทพอวี่หวงตัวจริง และได้ดูดกลืนมรรคาจักรพรรดิของอีกฝ่าย จนบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพที่แท้จริงเรียบร้อยแล้ว

แม้จะยังไม่ฟื้นฟูถึงจุดสูงสุดในอดีต แต่ก็แข็งแกร่งกว่าขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นกลางทั่วไปมากนัก ยิ่งเมื่อรวมกับเคล็ดวิชากายาอมตะอันไร้เทียมทาน ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับแปดจักรพรรดิเทพเขาก็ไม่กลัว

“ จิตวิญญาณราชันมังกรทมิฬ จงสังหารพวกมันให้ข้าซะ ”

ก๊าซซซซซ!

รอยสักมังกรดำเก้าเศียร ที่กลางแผ่นหลังมหาเทพจูเซียนเปล่งแสงสีแดงออกมา เกิดเป็นเงาร่างขนาดใหญ่ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์นับร้อยเท่า จนแทบจะปกคลุมสนามรบไปกว่าครึ่ง

ถือเป็นโชคดี…ที่มันเป็นเพียงภาพลวงตาจึงไม่สงผลกระทบกองทัพทั้งสามฝ่ายมากนัก

“ เนตรบรรพกาลผนึกเทวะ! ”

แวบ!

ดวงตาทั้งเก้าคู่ ของราชันมังกรทมิฬเก้าเศียรปล่อยแสงสีแดงกระหายเลือดออกมา ก่อนจะระเบิดออร่าดำมืดน่าสะพรึงกลัวตรึงร่างกายของศัตรูทั้งหมดเอาไว้

เพื่อที่จะผนึกความเคลื่อนไหวจักรพรรดิเทพถึงแปดองค์ ต้นกำเนิดพลังของมหาเทพจูเซียนจึงถูกรอยสักมังกรดำสูบจนแห้งเหือด เส้นผมหงอกขาว ใบหน้าเหี่ยวย่น ดูแก่ชรากว่าเดิมหลายสิบปี

นี่คือไม้ตายอันทรงอานุภาพที่สุดของราชันมังกรทมิฬ ที่แม้แต่ผู้บรรลุแก่นแท้แห่งมิติเวลาขั้นสูงยังไม่สามารถต้านทานได้ จนทำให้ตลอดหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีผู้ใดหาญกล้าท้าทายมัน

ทันใดนั้น ปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวทั้งเก้าก็เปิดอ้าออก แล้วปลดปล่อยความกดดันมหาศาลบดขยี้พวกมหาเทพอวี่หวง จนกำแพงมิติโดยรอบสั่นสะเทือน

ฮูมมม!

เปลวเพลิงสีดำถาโถมเข้าใส่เป้าหมายจากทุกทิศทาง ความร้อนแรงของมันเหนือกว่าดวงอาทิตย์เป็นสิบเท่า ทั้งยังแฝงฤทธิ์กัดกร่อนของเพลิงมาร ทำให้สนามพลังเทพเจ้าไม่อาจป้องกันได้

“ ชุมนุมหมื่นพุทธ! ”

“ คลื่นดารากระจ่างฟ้า! ”

ฉัวะ!ๆ ตูมมม!ๆๆๆๆ

จักรพรรดินีหลินซินเยว่โจมตีออกไปสองครั้งติดในพริบตาเดียว มองเห็นวิถีกระบี่วาดเป็นเส้นโค้งงดงาม เกิดเป็นภาพลวงตาของเงากระบี่มากมายสุดคณานับ ทำลายร่างจำแลงพระพุทธรูปทองคำนับหมื่นของพระยูไลทั้งหมด

จนกระทั่ง เมื่อภาพลวงตาราชันมังกรทมิฬเก้าเศียรแตกสลายไป มหาเทพอวี่หวงในสภาพครึ่งร่างไหม้เกรียมก็ปรากฏขึ้น

ส่วนหุ่นเชิดจักรพรรดิทั้งเจ็ด มีสองตนถูกมหาเทพอวี่หวงนำมาเป็นโล่ป้องกันเปลวเพลิงทมิฬ จนมอดไหม้เป็นจุลไม่เหลือกซาก อีกห้าตนก็ได้บาดเจ็บหนักเบาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่

“ จูเซียน ข้าจะฆ่าเจ้า! ”

แต่ยังไม่ทันที่มหาเทพอวี่หวง จะได้บดขยี้ร่างกายมหาเทพจูเซียนให้อีกฝ่ายไปรอเกิดใหม่เช่นทุกที มันก็ได้มีเงาสีแดงพุ่งผ่านใบหน้าเขาไปด้วยความเร็วแสง

ตูมมมมม!

ร่างของเสี่ยวมี่เฟิง กระแทกใส่หุ่นเชิดจักรพรรดิที่บาดเจ็บหนักที่สุดอย่างรุนแรง เธอใช้ฝ่ามือคว้าศีรษะของฝ่ายตรงข้ามพุ่งทะลวงต่อไปเป็นเส้นตรง แล้วฟาดใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า

“ จงตายซะ! จงตายซะ! จงตายซะ! ”

ผัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆ

มือข้างหนึ่งจิกศีรษะของศัตรู ไว้เหมือนคีมเหล็กจนปลายนิ้วทะลุผิวหนัง ส่วนมืออีกข้างก็กำเป็นหมัดชกใส่อย่างเมามัน เกือบหนึ่งร้อยหมัดในเสี้ยววินาที

สุดท้ายเมื่อเห็นว่า หมัดของตนไม่อาจปลิดชีพอีกฝ่ายได้ เสี่ยวมี่เฟิงก็อ้าปากกัดเข้าไปที่ใบหน้าศัตรู แล้วฉีกกระชากเลือดเนื้อออกมากลืนกินเรื่อยๆ

ถือเป็นโชคดี ที่เธอพัฒนากลายเป็นนางพญาแมลงตัวเต็มวัยแล้ว คมเขี้ยวจึงแหลมคมพอจะเจาะทะลุการป้องกันของขอบเขตจักรพรรดิเทพได้

ซึ่งนี่ก็เป็นภาพเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก จนแม้การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดินีหลินซินเยว่กับพระยูไลยังต้องหยุดชะงักลงครู่หนึ่ง สายตาของทุกคนในสนามรบต่างจับจ้องมาที่เสี่ยวมี่เฟิงเพียงผู้เดียว

ง่ำ!ๆๆๆๆ

ไม่กี่อึดใจต่อมา เมื่อเสี่ยวมี่เฟิงกลืนกินศัตรูเข้าไปทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านอย่างแรง ก่อนจะเริ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน