จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 609

สรุปบท ภาคสามบทที่่222 จุดสิ้นสุดของสงคราม ตอนต้น: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

ภาคสามบทที่่222 จุดสิ้นสุดของสงคราม ตอนต้น – ตอนที่ต้องอ่านของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

ตอนนี้ของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ภาคสามบทที่่222 จุดสิ้นสุดของสงคราม ตอนต้น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ย้อนกลับไปยี่สิบนาทีก่อน ณ สนามรบเทพมารบรรพกาล สถานการณ์ของสงครามตอนนี้ ได้ดำเนินมาถึงช่วงเวลาแห่งการตัดสินแล้ว

เพราะถึงแม้ศึกระหว่างจักรพรรดิเทพจะยังไม่รู้ผล แต่ฝ่ายพันธมิตรสำนักดาราสวรรค์กับนิกายจูเซียน ได้ถูกไล่ต้อนจนแทบจะหมดสิ้นความหวัง

ส่วนเหตุผลที่มันเป็นเช่นนี้ ก็เนื่องจากพวกเขาสูญเสียการสนับสนุนจากกองทัพแมลงมารกลืนวิญญาณ และอีกข้อหนึ่งซึ่งเป็นเป็นปัจจัยสำคัญ

ก็คือการที่ราชาเทพซูส ได้ยอมเสียสละชีวิตนักบวชวิหารโอลิมปัสถึงหนึ่งล้านคน เพื่ออัญเชิญเจตจำนงของมหาเทพอูรานอสเข้าสู่สนามรบ

เปรี้ยงงง! ตูมมม!

ร่างขนาดใหญ่โตมโหฬารของบรรพชนเทพผู้ก่อตั้งเขาโอลิมปัส ปล่อยหมัดเข้าโจมตีใส่ค่ายกลเทวะยี่สิบแปดดาราอย่างรุนแรง

และแต่ละหมัดของจักรพรรดิเทพขั้นสูง ก็ทำให้เหล่าศิษย์สำนักดาราสวรรค์หลายพันคนที่กำลังควบคุมค่ายกลอยู่ ต้องร่างกายแตกสลายเป็นหมอกเลือดอย่างต่อเนื่อง

“ ต้านไว้ให้ได้ ขอเพียงพวกเราอดทนจนท่านอาจารย์มาถึง จะต้องพลิกสถานการณ์ได้แน่นอน ” คังหลินกัดฟันพูดขึ้นด้วยความคับแค้นใจ เพราะเขาต้องทนเห็นพี่น้องร่วมสำนักมากมาย ยอมพลีชีพเพื่อคงสภาพปราการแห่งสุดท้ายที่จะปกป้องทุกคนไว้

“ ฮ่า ฮา คิดจะรอให้หลินซินเยว่มาช่วยงั้นรึ แม้แต่ตัวนางเองก็ยังเกือบเอาตัวไม่รอดเลย จะมีเวลามาสนใจชีวิตของพวกเจ้าได้อย่างไร ” ราชาเทพซูสพูดขึ้นอย่างดูถูก

ตอนนี้กองกำลังพันธมิตรฝ่ายตรงข้ามได้ถูกสังหารไปจนเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว คิดถูกจริงๆที่ตัวเขาเก็บไม้ตายสุดท้ายเอาไว้ใช้ในสถานการณ์แบบนี้

เพราะถ้าให้พูดกันตามตรง หากราชาเทพซูสอัญเชิญบรรพชนอูรานอสมาตอนที่กองทัพแมลงยังอยู่ หรือในยามที่การต่อสู้ตัดสินระหว่างจักรพรรดิเทพยังไม่เริ่มขึ้น ก็คงตกเป็นเป้าหมายแรกที่ถูกทำลายแน่นอน

“ หึหึ ข้าละชื่นชอบช่วงเวลาแบบนี้จริง ” เทพแอรีสฉีกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ หลังจากใช้ขวานสงครามผ่าร่างสี่ผู้คมกฎคนสุดท้ายของสำนักดาราสวรรค์ ลงต่อหน้าต่อตาหลิวจงเสียน

“ บัดซบ ไอสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า ” หลิวจงเสียนระเบิดพลังโทสะ ปลุกสายเลือดสัตว์เทพเต่าดำขึ้นมาชั่วคราว จนปรากฏเงาร่างขนาดยักษ์พุ่งชนในกองทัพเทพสงครามโอลิมปัส

“ ไร้สาระ ตอนมีเศษสวะสี่ตัวคอยช่วยเหลือ เจ้าก็ยังรับมือข้าไม่ไหว แล้วตอนนี้เหลือเจ้าเพียงผู้เดียวจะมาทำอะไรข้าได้ ” เทพแอรีสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน พร้อมพุ่งเข้าต่อสู้ฝ่ายตรงข้ามอย่างดุเดือด

“ ฆ่า ฆ่า ฆ่า ไอพวกสวะนี่ให้หมด ”

“ ฮา ฮ่า กองทัพเทพสงครามของพวกเราไร้เทียมทาน ”

“ ทำลายพลังฝีมือของสตรีเผ่าแสงสว่างแล้วจับพวกนางกลับไป ส่วนบุรุษสังหารให้สิ้น ”

กองกำลังฝ่ายสำนักดาราสวรรค์ที่หลบหนีเข้าค่ายกลไม่ทัน ได้ถูกสังหารลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพันธมิตรฝ่ายโลกทิพย์แห่งแสง และโลกทิพย์แห่งสัตว์อสูรที่ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ

ทุกคนต่างรู้ดี ว่าร่างกายอันบริสุทธิ์แห่งสตรีเผ่าแสงสว่าง รวมไปถึงโลหิตสัตว์เทวะเป็นสิ่งล้ำค่าที่มีส่วนช่วยต่อการฝึกตนขนาดไหน ไม่ว่าใครก็ต่างอยากครอบครองทั้งสิ้น

“ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ พวกเราควรเรียกกำลังเสริมมาดีไหม ” เทพีอามาเทราสุส่งกระแสจิตไปถึงเทพโอซีริส ตอนนี้ทั้งสองกำลังต่อสู้กับกองกำลังฝ่ายแดนสุขาวดีอย่างดุเดือด

ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรง ฝ่ายของเทพีอามาเทราสุและเทพโอซีริสกำลังเสียเปรียบอย่างชัดเจน สืบเนื่องจากกองกำลังที่พวกเขานำมาเป็นเพียงสักขีพยานในตอนแรก ไม่ได้เตรียมตัวขนทัพใหญ่มาเพื่อทำสงครามเหมือนฝ่ายอื่นๆ

“ กำลังเสริมงั้นรึ ยกเว้นพวกเราจะใช้พิธีกรรมอัญเชิญบรรพชนเทพมาเหมือนอีกฝ่าย มิเช่นนั้นก็ไม่ต่างจากการนำไพร่พลมาตายโดยเปล่าประโยชน์ ” เทพโอซีรีสตอบกลับอย่างเคร่งเครียด

เจ็ดมหาอำนาจแห่งแดนสวรรค์ ยกเว้นสำนักดาสวรรค์ล้วนมีบรรพชนผู้ก่อตั้งเป็นอดีตมหาเทพทั้งสิ้น

เพียงแต่การจะอัญเชิญเจตจำนงของบรรพชนออกมาสู่โลกภายนอก จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักหน่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคิดจะทำมาก่อน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ในวันนี้

“ จริงของเจ้า พวกเรารอดูสถานการณ์ไปอีกซักหน่อยแล้วกัน ” เทพีอามาเทราสุตัดสินใจไม่พูดเรื่องนี้อีก

เพราะหากให้นางอัญเชิญเทพบิดรอิซานางิออกมาสู่สนามรบ ก็ต้องสังเวยชีวิตผู้สืบสายโลหิตเทพบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นบุตรหลานของนางเองถึงหนึ่งร้อยคน นี่มันทำร้ายจิตใจของนางมากเกินไป

“ ทำเท่าที่ทำได้เถอะ พยายามรักษาขุมกำลังของพวกเราเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ” เทพโอซีริสพูดขึ้นอย่างจริงจัง

สำหรับเขาการอัญเชิญบรรพชนสุริยะเทพรา ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีทางสำเร็จแน่นอน เนื่องจากเจตจำนงของพระองค์ไม่มีวันเสด็จออกจากวิหารเทพสูงสุดเด็ดขาด

“ หืม แย่แล้ว ” เทพีอามาเทราสุร้องขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นค่ายกลหลักยี่สิบแปดดาราของสำนักดาราสวรรค์เกิดรอยแตกขนาดใหญ่ขึ้น

“ รีบไปช่วยเหลือพวกเขา ข้าจะถ่วงเวลาให้เอง ” เทพโอซีริสตะโกนขึ้นอย่างร้อนรน พร้อมทั้งปลดขีดจำกัดอาวุธเทพเจ้า เคียวแห่งชีวิตและความตาย เพื่อสร้างอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์กักขังพระอมิตาพุทธกับพระโพธิสัตว์ระดับสูงอีกสามองค์ไว้

“กระจกยาตะ เขตแดนแห่งทิวา! ”

แวบ!

ลำแสงสีทองได้เข้าปกคลุมร่างกายของมหาเทพอูรานอส ปรากฏเป็นโซ่ตรวนแห่งเปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วน ฉุดรั้งหมัดที่กำลังจะชกออกไปกลับไปด้านหลัง

“ ฮ่า ฮา โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว ” กองทัพโอลิมปัสพุ่งเข้าไปในรอยแตกค่ายกลอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเริ่มเปิดฉากสังหารเหล่าผู้ได้รับบาดเจ็บฝ่ายสำนักดาราสวรรค์ ที่หลบซ่อนกายอยู่ด้านในทันที

เปรี้ยง ตูมมม!

เทพแอริสได้เหวี่ยงร่างกายอันบาดเจ็บสาหัส ของหลิวจงเสียนไปพาดอยู่บนรอยแตกของค่ายกล ทำให้คังหลินไม่อาจปิดผนึกรอยแตกได้ เพราะนั่นจะถือเป็นการทำร้ายศิษย์พี่ของตนเอง

“ หรือนี่ จะเป็นจุดจบของพวกเรางั้นเหรอ ” บรรพชนรุ่นสิบมองดูเหล่าศิษย์ร่วมสำนักบาดเจ็บล้มตายด้วยความโศกเศร้า ตอนนี้ทั้งเขาและคังหลินได้ควบคุมแกนกลางของค่ายกล จึงไม่อาจลงมือช่วยเหลือใครได้เลย

“ เป็นไปไม่ได้ ข้าผู้นี้จะหวาดกลัวทั้งที่ยังไม่ได้ต่อสู้งั้นรึ ” เทพแอรีสกัดฟันพูดขึ้นด้วยความเดือดดาล ถึงแม้ตัวเขาจะเคยพ่ายแพ้ให้จ้าวเทียนถึงสองครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพียงร่างอวตารไม่ใช่ร่างจริงแบบในตอนนี้

“ เหอะ ท่าทีอวดดีของแกหายไปไหนแล้วล่ะ อยากจะล้างความอัปยศในอดีตไม่ใช่เหรอ ” จ้าวเทียนแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะกระดิกนิ้วให้ฝ่ายตรงข้ามรีบเข้ามาหาเหมือนเป็นสุนัขตัวหนึ่ง

“ บัดซบ! ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ” เทพแอรีสร้องคำรามเสียงดัง เพื่อเรียกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของตนเองกลับคืนมา

“ โทสะแห่งเทพสงคราม! ”

แวบ! ครืนนนน!

ปรากฏรอยสักสีแดงเป็นรูปเปลวเพลิงโชติช่วง ขึ้นทั่วทั้งร่างกายและใบหน้าของเทพแอรีส นี่คือสัญลักษณ์ศึกเทพสงครามที่จะเกิดขึ้นเมื่อถึงคราวเอาจริงเท่านั้น

เทพแอรีสในตอนนี้ ได้รับพละกำลังและความรวดเร็วเพิ่มขึ้นจากเดิมสิบเท่า รวมไปถึงคลื่นความกดดันมหาศาล ที่ถูกปลดปล่อยออกมาตลอดเวลาเหมือนเป็นสนามพลังรอบตัว

“ เจ็ดขวานสะบั้นพิภพ! ”

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆ ตูมมม!

เมื่อขวานเทพสงครามถูกฟาดฟันออกมาด้วยพละกำลังอันมหาศาล ห้วงมิติก็พังทลาย ความว่างเปล่าถูกฉีกกระชากออกเป็นสองส่วน แม้แต่ดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวงบนศีรษะจ้าวเทียนก็ยังดับแสงลงชั่วขณะหนึ่ง

แต่ทว่า

กึก!

จ้าวเทียนกลับใช้เพียงมือเดียวเท่านั้น ไม่สิ ควรจะเรียกว่าสองนิ้วมากกว่า เขาใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางคีบขวานขนาดยักษ์ของศัตรูไว้อย่างแน่นหนา จนอีกฝ่ายไม่อาจกดอาวุธเข้ามาแม้แต่คืบเดียว

“ นี่เจ้า…ทำได้อย่างไร ” เทพแอรีสอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ทั้งที่การโจมตีเมื่อครู่นี้ของเขาได้ทุ่มเทพลังลงไปทั้งหมด แต่กลับไม่อาจสร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้เลยงั้นเหรอ

“ จงไปหาคำตอบในนรกเถอะ ” จ้าวเทียนตอบกลับไปอย่างเฉยชา ก่อนจะปลดปล่อยเปลวเพลิงเข้าปกคลุมร่างกายเทพแอรีสทันที

“ หยุดเดี๋ยวนี้ ม่ายยย ” ราชาเทพซูส ร้องตะโกนออกมาสุดเสียง แต่มันก็สายเกินไปแล้ว เขาจึงทำได้เพียงเฝ้ามองดูบุตรชาย ถูกเปลวเพลิงกลืนกิน ทำให้ร่างกายละลายไปเหมือนขี้ผึ้งโดนความร้อน จนไม่กี่อึดใจต่อมาก็สลายหายไปจนหมด

หลงเหลือเพียงอาวุธเทพเจ้า และทรัพย์สมบัติจำนวนมากมายมหาศาลที่ปรากฏขึ้นมาหลังจากเทพแอรีสตกตายไป ซึ่งมันก็ถูกจ้าวเทียนเก็บกลับไปอย่างรวดเร็ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน