จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 610

สรุปบท ภาคสามบทที่่223 จุดสิ้นสุดของสงคราม ตอนจบ: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

ตอน ภาคสามบทที่่223 จุดสิ้นสุดของสงคราม ตอนจบ จาก จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ภาคสามบทที่่223 จุดสิ้นสุดของสงคราม ตอนจบ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ที่เขียนโดย ZigFheZ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเทพแอรีส ทำให้การต่อสู้ทั้งหมดในสนามรบหยุดชะงักลงทันที เพราะแม้แต่กองทัพเทพสงครามที่กำลังเปิดฉากเข่นฆ่าอย่างเมามัน ก็ยังเผลอทิ้งอาวุธลงอย่างลืมตัว เมื่อรับรู้ว่าแม่ทัพของตนได้สิ้นชีพไปแล้ว

โดยเฉพาะราชาเทพซูสที่มองเห็นบุตรชายอันเป็นรัก ถูกเผาไหม้ไม่เหลือซากไปต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาก็เหมือนถูกคว้านด้วยคมมีดอย่างแรง ส่งผลให้โกรธจนแทบกระอักเลือด

“ ไอสารเลวเอ้ย เจ้าต้องชดใช้ชีวิตลูกข้า ”

สิ้นเสียง ร่างเจตจำนงของมหาเทพอูรานอสก็ระเบิดพลังสูงสุด แล้วขยายขนาดร่างกายเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าปกคลุมกาแล็กซี่ ทำให้พวกเทพีอามาเทราสุถูกกระแทกปลิวหายไปคนละทิศคนละทาง

“ มรรคาสวรรค์ถล่มปฐพี! ”

ครืนน!

วังวนสายฟ้าขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะจ้าวเทียนในพริบตา ก่อนอัสนีบาตหลายล้านเส้นจะฟาดกระหน่ำเข้าใส่จ้าวเทียนอย่างมืดฟ้ามัวดิน จนแทบจะบดขยี้ความว่างเปล่ากลืนกินห้วงมิติไปจนหมดสิ้น

“ ไม่นะ ศิษย์น้องรีบถอยออกมาเร็ว ”

“ บัดซบ พวกเราต้องรีบไปช่วย ”

ทั้งคังหลินและหลิวจงเสียนตะโกนออกมาสุดเสียง แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เคลื่อนไหว ก็ถูกบรรพชนรุ่นสิบ ห้ามปรามเอาไว้ก่อน

เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆ ตูม!ๆๆๆๆๆ

อานุภาพทัณฑ์สวรรค์ทำลายล้างนี้ กินเวลานานถึงยี่สิบลมหายใจก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง ซึ่งนอกจากช่องว่างสีดำขนาดใหญ่แล้วก็ไม่หลงเหลือสิ่งใดอีก

ไม่ซิ…มันยังเหลือดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวไม้ขีด ที่เริ่มลุกโชติช่วงขึ้นเป็นดวงตะวันอันร้อนแรงอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนกลับมาอยู่ในรูปร่างมนุษย์ในอึดใจเดียว

“ หากฉันไม่ตอบแทนคืนไปบ้าง จะดูเหมือนเป็นการเสียมารยาทสินะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทั้งสีหน้าและแววตาปราศจากความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง

วูป! ครืนนน!ๆๆ

จ้าวเทียนได้ก้าวเท้าทะยานขึ้นไปแบบขั้นบันใด ทำให้ความว่างเปล่าถูกแผดเผาตามรอยเท้า เหมือนดอกบัวโลหิตกำลังเบ่งบาน

“ เพลิงนิรันดร์ผลาญสรรพสิ่ง! ”

ฮูมมมม!

เพียงแค่จ้าวเทียนชี้นิ้วออกไป ห้วงมิติกาลเวลาก็ถูกแช่แข็ง ก่อนที่วิหคเพลิงสีขาวจะปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า แล้วพุ่งตรงไประเบิดใส่วังวนสายฟ้าของมหาเทพอูรานอส จนพังพินาศไม่มีเหลือซาก

นี่คือเคล็ดวิชาของจักรพรรดิหมื่นตะวันรุ่นที่สอง ซึ่งเคยใช้กวาดล้างเผ่ามารปีศาจไร้ร่างในอดีตกาล จัดเป็นการโจมตีที่กำหนดเป้าหมายไปที่ดวงวิญญาณหรือเจตจำนงของอีกฝ่ายโดยเฉพาะ

แวบ!

เมื่อวังวนสายฟ้าสลายไป ร่างพร่าเลือนของมหาเทพอูรานอสก็ปรากฏขึ้นในสนามรบอีกครั้ง ก่อนจะถูกหัตถ์ราชันดับตะวันของจ้าวเทียนสังหารไปพริบตา

“ เป็นไปได้อย่างไร แม้แต่ท่านบรรพบุรุษเทพอูรานอสก็ยังพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวงั้นเหรอ ”

“ จบสิ้นแล้ว สภาทวยเทพแห่งโอลิมปัสของพวกเราถูกไอปีศาจนี่สังหารจนหมดแน่ ”

“ ทุกคน รีบถอยห่างจากมันเร็ว ”

กองทัพเทพโอลิมปัสรู้สึกเสียขวัญกำลังใจเป็นอย่างมาก จนถึงกับมีบางส่วนเปิดใช้เครื่องรางเคลื่อนย้ายมิติหลบหนีออกจากสนามรบทันที เรื่องนี้มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเหล่ารองแม่ทัพไปเรียบร้อยแล้ว

“ เหอะ อย่าคิดจะจากไปง่ายๆ ” จ้าวเทียนแค่นเสียงอย่างดูถูก พร้อมทั้งปลดปล่อยอาณาเขตปิดกั้นห้วงมิติทั้งหมดเอาไว้

“ อามิตาพุทธ ประสกจ้าวเทียน ได้โปรดเมตตาละเว้นชีวิตเหล่าผู้อ่อนแอด้วย ” พระอมิตาภพุทธรีบส่งเสียงห้ามปรามอย่างร้อนรน เพราะรับรู้ในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ดี

“ หึหึ ให้ละเว้นงั้นเหรอ ทั้งที่พวกมันทุกคนร่วมกันลงมือสังหารผู้คนในสำนักดาราสวรรค์ไปมากมายเนี่ยนะ ” จ้าวเทียนพูดตอบโต้อีกฝ่ายกลับไปด้วยความโกรธ

หากตัวเขาปรากฏตัวช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ทั้งศิษย์พี่และเหล่าผู้อาวุโสในสำนักคงถูกสังหารไปกว่าครึ่งแล้ว จะให้ยอมปล่อยศัตรูพวกนี้ไปได้อย่างไร

“ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ในเมื่อประสกเป็นฝ่ายชนะแล้ว จะสร้างความสูญเสียให้บังเกิดขึ้นอีกทำไมกัน ” พระอมิตาภพุทธเปล่งวาจาออกมา ด้วยเคล็ดวิชาพระธรรมแผ่ไพรศาล ส่งผลให้จิตใจสิ่งมีชีวิตทั้งมวลรู้สึกคล้อยตาม

แต่ทว่า

“ ให้ความปราณีต่อศัตรู ก็ไม่ต่างไปจากการทำร้ายตัวเอง ศิษย์น้องรีบสังหารพวกมันซะ แก้แค้นให้สี่ผู้อาวุโสคุมกฎ ” หลิวจงเสียนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เขาไม่มีทางยอมปล่อยให้พวกที่สังหารพี่น้องในสำนัก หลบหนีลอยนวลกลับไปเด็ดขาด

“ ร่างวิญญาณราชันสายฟ้า! ”

ถึงแม้ราชาเทพซูส จะพยายามกลายร่างเป็นสายฟ้าเพื่อหลบหนี แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากอาณาเขตจักรพรรดิเพลิงของจ้าวเทียนได้ สุดท้ายก็ถูกเปลวเพลิงกลืนกินจนกลับคืนสู่ร่างเนื้อ แล้วตกตายไปด้วยความคับแค้นใจ

ต่อจากราชันเทพแอสการ์ด ก็เป็นราชาแห่งทวยเทพโอลิมปัส ดูเหมือนยุคสมัยนี้จะกลายเป็นจุดสิ้นสุดของการปกครองราชวงศ์เทพเจ้าอย่างแท้จริง

“ เห็นแก่ที่พวกท่านไม่ได้ลงมือสังหารคนฝ่ายฉัน จงผนึกพลังตนเองรอรับการจับกุมซะ มิเช่นนั้น ก็จะมีชะตากรรมไม่ต่างไปจากพวกที่เพิ่งตายไป ” จ้าวเทียนเรียกลูกไฟดวงใหญ่มาอยู่บนผ่ามือ แล้วกวาดตามองเหล่าพระโพธิสัตว์แดนสุขาวดีอย่างเย็นชา

ทั้งพระอมิตาภพุทธและพระโพธิสัตว์ระดับสูง หันมาแลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความลังเล ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องเผชิญกับวิกฤตชีวิตแห่งความเป็นตายที่นี่

ถึงแม้จ้าวเทียนจะเป็นยอดอัจฉริยะเหนือล้ำผู้ใดในประวัติศาสตร์ แต่เขาก็เพิ่งมีอายุไม่ถึงสามสิบปี ซึ่งก็ยังอ่อนวัยกว่าศิษย์สืบทอดของขุมกำลังต่างๆมาก อีกฝ่ายไม่ควรจะเติบโตจนก้าวข้ามพวกเขาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้

“ อามิตาพุทธ หรือพวกอาตมาจะตัดสินใจผิดตั้งแต่ต้น บางทีการรักษาความสัมพันธ์กับจักรพรรดินีหลินซินเยว่ไว้จะเป็นสิ่งที่ดีกว่าจริงๆ ” พูดจบ พระอมิตาภพุทธก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ ว่าอย่างไร จะยอมแพ้หรือตาย ” จ้าวเทียนพูดย้ำอีกครั้ง เขายังมีอีกหลายอย่างต้องไปทำ ไม่อยากมาเสียเวลาตรงนี้มากนัก

ทันใดนั้น

“ สหายน้อยไม่ต้องกังวล ข้าจะนำพวกเขากลับไปลงโทษที่แดนสุขาวดีเอง อย่าได้สร้างความอับอายให้เหล่าพระโพธิสัตว์เลย ”

แวบ!

ร่างของราชันวานรเห้งเจียปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า พร้อมกับกลิ่นอายความกดดันของจักรพรรดิอสูร แสดงให้เห็นว่าตัวเขาเป็นผู้คว้าโอกาสในตอนที่จ้าวเทียนอุทิศร่างผู้แข็งแกร่งให้จักรวาลได้สำเร็จ

“ ดูเหมือน ตอนนี้ขั้วอำนาจในแดนสุขาวดีจะเปลี่ยนไปแล้วสินะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยร้อยยิ้ม ซึ่งทางฝ่ายราชันวานรก็หัวเราะตอบกลับมาเบาๆ

“ เอาเถอะ ในเมื่อคุณเคยช่วยเหลือฉันมาก่อนในอดีต จะปล่อยให้นำพวกเขากลับไปแล้วกัน แต่ต้องเป็นหลังจากที่ฉันกำจัดศัตรูทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยนะ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน