สรุปเนื้อหา ภาคสามบทที่่224 ร่างอวตารเต๋าสวรรค์ลำดับสอง! – จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ
บท ภาคสามบทที่่224 ร่างอวตารเต๋าสวรรค์ลำดับสอง! ของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ZigFheZ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เมื่อพวกจ้าวเทียนไปถึงสนามต่อสู้ของเหล่าจักรพรรดิเทพ ทั้งเขาและราชันวานรเห้งเจียก็ร่วมมือกันทำลายรูปแบบขบวนทัพของศัตรู ที่ปิดล้อมจักรพรรดินีหลินซินเยว่และร่างอวตารของเธอได้ในพริบตา
เปรี้ยง!ๆๆ ตูม!ๆๆๆ
ราชันวานรพุ่งเข้าไปอาละวาดกลางวงศัตรู ทุกครั้งที่ถูกกระบองทองคำฟาดใส่ ร่างหุ่นเชิดจักรพรรดิก็ปลิวกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง การโจมตีนี้บรรลุขีดสุดของทั้งพละกำลังและความเร็ว สามารถบดขยี้เคล็ดวิชาระดับเทวะได้อย่างง่ายดาย
ฮูมมม!
เปลวเพลิงสีทองระเบิดใส่หุ่นเชิดจักรพรรดิสองตนในระยะประชิด ก่อนที่พวกมันจะถูกจ้าวเทียนทลายมิติออกมาสังหารในกระบวนท่าเดียว โดยที่ไม่มีโอกาสตอบโต้แม้แต่น้อย
วิ้งงง
แสงกระบี่สีทองจำนวนมากมายสุดคณานับ เริ่มปรากฏขึ้นด้านหลังจักรพรรดินีหลินซินเยว่อย่างรวดเร็ว เหมือนเป็นการรวมตัวของดาราจักรอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับปีกหกคู่โบกสะบัดไปมาราวกับมีชีวิต
“ หมื่นวิถีหวนคืนสู่ต้นกำเนิด! ”
วูป!ๆๆ
จักรพรรดินีหลินซินเยว่ ละทิ้งตัวตนหายเข้าไปในห้วงเวลาอันไร้สิ้นสุด ก่อนที่ปีกกระบี่ทั้งหกคู่ของนางจะฉีกกระชากหุ่นเชิดจักรพรรดิสองตนออกเป็นชิ้นเล็กน้อย
เหลือเพียงหุ่นเชิดตัวสุดท้าย ที่กำลังถูกราชันวานรใช้เป็นกระสอบทราย เพื่อทดสอบพลังของขอบเขตใหม่ที่เพิ่งจะบรรลุ
“ ท่านอาจารย์ เป็นอย่างไรบ้าง ” จ้าวเทียนรีบถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เพราะแค่สังเกตเห็นสีหน้าขาวซีดและบาดแผลมากมายบนร่างกาย เขาก็พอจะคาดเดาได้เลยว่าอาจารย์ต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่อันตรายเพียงใด
“ หืม นี่คือร่างแยกจิตวิญญาณเปลวเพลิงของเจ้างั้นรึ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าตัวข้าเสียอีก ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม นางหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามจ้าวเทียน เนื่องจากต้องการปกปิดสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีของตนเองเอาไว้
“ ข้าหาตัวเจ้าพบแล้ว เศษเสี้ยววิญญาณดวงสุดท้ายของข้า ”
“ มาเถอะ จงกลับมารวมเป็นหนึ่งเดียวกับข้าเหมือนเช่นอดีต ”
เสียงที่เต็มไปด้วยมนตราแห่งความลี้ลับนี้ ได้ดังก้องอยู่ในใจของจักรพรรดินีหลินซินเยว่เป็นระยะตั้งแต่เมื่อก่อน และเริ่มดังถี่รัวขึ้นเมื่อนางเรียกร่างอวตารอดีตชาติทั้งสองออกมาช่วยต่อสู้
จนกระทั่งเมื่อจบการต่อสู้แล้ว มันก็ยังคงพยายามครอบงำนางอยู่ทุกๆหนึ่งถึงสองนาที จนนางแทบจะรักษาเจตจำนงของตนเองเอาไว้ไม่ได้
“ อาจารย์ หรือว่าท่าน… ” จ้าวเทียนจ้องมองอีกฝ่ายอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังคู่นั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ถามต่อ แล้วเปลี่ยนเป็นบอกเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดของโลกภายนอกแทน
ผ่านไปสิบลมหายใจ ราชันวานรก็เอาชนะศัตรูได้สำเร็จและกลับมารวมกลุ่มกับจ้าวเทียน จากนั้นพวกเขาก็กวาดสัมผัสวิญญาณเพื่อค้นหาตำแหน่ง ของมหาเทพจูเซียนกับพระยูไล
“ หายไปแล้ว? เป็นไปได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ยังเห็นพวกเขาต่อสู้กันอยู่เลย ” จ้าวเทียนนึกไปถึงตอนร่างจริงของเขา ใช้เคล็ดวิชากระจกเงาหมื่นภพสอดแนมการต่อสู้ทั้งโลกมนุษย์ วิหารเทพเจ้าสูงสุด และสนามรบเทพมารบรรพกาล
ซึ่งก็มองเห็นพวกมหาเทพจูเซียนต่อสู้กันอยู่ในห้วงมิติปิดกั้น ไม่ห่างไกลจากสนามรบของจักรพรรดินีหลินซินเยว่นัก
“ ข้าเองก็ติดต่อพระพุทธองค์ไม่ได้เช่นเดียวกัน ” ราชันวานรเห้งเจียหันไปมองจักรพรรดินีหลินซินเยว่ด้วยความคาดหวัง เพราะนางกำลังใช้เคล็ดวิชาอนุมานตำแหน่งมหาเทพจูเซียนอยู่
ทันใดนั้น
บูมมม!
กำแพงมิติพังทลาย ก่อนจะมีร่างท่อนบนที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉีกขาดของสตรีผู้หนึ่งพุ่งทะยานออกมา
นี่คือร่างที่แท้จริงของเสี่ยวมี่เฟิง ที่จ้าวเทียนมองเห็นในกระจกเงาหมื่นภพ เพียงแต่ตอนนี้สภาพของเธอดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก
นอกจากอวัยวะตั้งแต่เอวลงไปจะถูกตัดออกไปแล้ว แม้แต่ใบหน้าหน้าซีกขวา ดวงตาแปดคู่ รวมไปถึงปีกแมลงที่กลางหลังก็ยังถูกทำลายอีกด้วย
“ นายท่าน โปรดช่วยข้า! ”
เปรี้ยงง! ตูมมมม!
ไวเท่าความคิด จ้าวเทียนปล่อยหมัดใส่เงาดำขนาดมหึมาที่อยู่ด้านหลังกำแพงมิติทันที ซึ่งมันก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว คลื่นพลังทำลายล้างที่ปะทุออกมา ส่งผลให้ทุกคนที่อยู่ข้างกายเขาถูกกระแทกถอยห่างไปไกล
เปรี้ยงง! ตูมมม!
ปลายกระบองทองคำโค้งงอเป็นเสี้ยวพระจันทร์ เมื่อปะทะกับท่อนแขนมหาเทพจูเซียนที่ยกขึ้นมากันไว้ โดยที่ไม่อาจผลักดันให้อีกฝ่ายถอยไปได้แม้แต่ก้าวเดียว
“ เจ้านี่มันเป็นตัวปัญหาอย่างที่คิดไว้จริงๆ ทั้งที่เพิ่งบรรลุขอบเขตจักรพรรดิอสูรแท้ๆ กลับทำลายสนามพลังเคล็ดวิชากายาอมตะของข้าได้ ” มหาเทพจูเซียนพูดเสียงเย็นชา ทั้งยังปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างไม่ปิดบัง
วูป!
แต่ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะได้ลงมือ จ้าวเทียนก็ใช้พลังกระชากตัวราชันวานรกลับมาอยู่ด้านหลังตนทันที
“ อีกฝ่ายอาจจะมีพลังเหนือกว่าจักรพรรดิเทพขั้นสูง อย่าได้คิดปะทะตรงๆเด็ดขาด ” จ้าวเทียนส่งกระแสจิตไปเตือนทุกคน ก่อนจะกวาดสายตามองไปยังมหาเทพอวี่หวงและพระยูไลที่ถูกจับตัวอยู่ เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม
“ ดูเหมือนเจ้าจะไม่แปลกใจเลยนะ ที่ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า ” มหาเทพจูเซียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ แปลกใจซิ แปลกใจมาก! สุดท้ายแม้แต่ตัวคุณเองก็ยังตกเป็นเครื่องมือของเต๋าสวรรค์สินะ หลงลืมความแค้นที่พวกมันทำกับตระกูลของคุณ และนิกายจูเซียนไปหมดแล้วงั้นเหรอ ”
จ้าวเทียนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เพราะนี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด
“ มหาเทพจูเซียน! ความพยายามตลอดหนึ่งหมื่นปีของท่าน จะยอมให้มันจบลงเพียงเท่านี้รึ ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่ใช้เคล็ดวิชาเสียงเต๋าสั่นคลอนจิตใจฝ่ายตรงข้าม เพื่อกระตุ้นเศษเสี้ยวเจตจำนงที่ยังเหลืออยู่ให้ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ก็น่าเสียดาย ที่ทุกอย่างกลับไร้ผลโดยสิ้นเชิง ทั้งจ้าวเทียนและจักรพรรดินีหลินซินเยว่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ของแววตาและสีหน้ามหาเทพจูเซียนได้เลยซักนิด
“ หึหึ ข้าได้ครอบครองร่างนี้โดยสมบูรณ์ตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว ต่อให้พวกเจ้าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ” มหาเทพจูเซียนหรือก็คือร่างอวตารเต๋าสวรรค์ลำดับที่สองพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ทางด้านจ้าวเทียนที่ได้ยินแบบนั้น ก็นึกไปถึงเรื่องที่กงเสี่ยวเหมยถูกเปลี่ยนแปลงความทรงจำในช่วงสองปีท่านผ่านมาทันที ทำให้หลายสิ่งที่ยังค้างคาใจอยู่ได้รับคำตอบในพริบตา
“ บอกมาซะ! พวกแกทำอะไรกับกงเสี่ยวเหมย ” จ้าวเทียนกัดฟันถามขึ้นด้วยความโกรธ
“ กงเสี่ยวเหมย? หรือจะหมายถึงสตรีที่หลงรักเจ้าจนหมดใจนางนั้น ” มหาเทพจูเซียนเจตนาหยุดลงครู่หนึ่ง เพื่อสังเกตท่าทีร้อนรนของจ้าวเทียน แล้วจึงพูดขึ้นต่อ
“ ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนข้าจะปลูกฝังจิตมารเอาไว้ในร่างกายนาง ให้กำหนดเป้าหมายไปที่ศัตรูหัวใจของตนเอง และบางทีตอนนี้มันอาจจะเริ่มตื่นขึ้นแล้วก็ได้ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...