สรุปเนื้อหา ภาคสามบทที่่231 ค้นวิญญาณ – จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ
บท ภาคสามบทที่่231 ค้นวิญญาณ ของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ZigFheZ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ภายในเขตแดนมิติหวงห้ามของภูเขาจักรวาล มหาปุโรหิตกวาดสายตามองกองทัพหลายหมื่นล้านของตนด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องใจ นี่คืออาวุธลับที่ถูกเขาเตรียมไว้ใช้ในสถานการณ์คับขันโดยเฉพาะ
หากพวกจ้าวเทียน กล้าสังหารสิ่งมีชีวิตจำนวนมากขนาดโดยไม่สนใจบาปกรรม เขาก็จะใช้คำสาปวัฏสงสารปลูกฝังเมล็ดพันธุ์จิตมาร เข้าใส่จิตวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามทันที
ซึ่งมันก็จะเปลี่ยนให้เจ้าร่างกลายเป็นมารร้ายคลุ้มคลั่งขาดสติ โจมตีใส่ผู้อื่นโดยไม่แบ่งแยกมิตรหรือศัตรูจนกว่าจะตาย
“ หืม นั่นพวกมันคิดจะทำอะไร ” มหาปุโรหิตขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นจักรพรรดินีปิงเยว่ที่กำลังจะเปิดฉากสังหาร กลับคืนร่างมนุษย์แล้วถอยกลับไปอยู่ด้านหลังจ้าวเทียน เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น
วูป!
บนศีรษะจ้าวเทียนก็ปรากฏแผ่นป้ายหยกลอยสูงขึ้นฟ้า ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นภาพมายาของภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล ราวกับจะปกคลุมสวรรค์ปฐพีทั้งหมด
“ แม่น้ำแห่งเต๋า จงเปิด! ”
สิ้นเสียง ร่างของจ้าวเทียนก็เต็มไปด้วยออร่าแสงศักดิ์สิทธิ์ ห้อมล้อมด้วยมรรคาเต๋าอันลึกล้ำและยิ่งใหญ่ เขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของสรวงสวรรค์และจักรวาล
“ สามพันเต๋า จงกลายเป็นสายธารแห่งดวงดาราดูดกลืนสรรพสิ่ง ”
พริบตานั้น เงาร่างของจ้าวเทียนก็ขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วจนสูงใหญ่เทียมฟ้า ก่อนจะวาดฝ่ามือออกไปเกิดเป็นลำแสงสีทองสาดกระจายเข้ากลืนกินศัตรูทั้งหมด
วูป!ๆๆ
เพียงอึดใจเดียว เหล่าผู้ถูกครอบงำที่มีจำนวนหลายหมื่นล้านคนก็หายวับไปทันที พวกเขาถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปอยู่ในโลกมิติแม่น้ำแห่งเต๋า ซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลเทียบเท่าหนึ่งกาแล็กซี่
“ นี่มัน เกิดอะไรขึ้น ” มหาปุโรหิตอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะถึงแม้เขาจะยังสัมผัสได้ถึงการเชื่อมต่อของเมล็ดพันธุ์เต๋า แต่กลับไม่อาจสั่งการมันได้เลย
ทันใดนั้น
“ เพลิงผลาญดารา! ”
ครืนนน!
จักรพรรดินีปิงเยว่ที่อยู่ในร่างวิหคเพลิงดาราอมตะ พุ่งทะยานฝ่าห้วงมิติเข้าชนใส่ม่านพลังป้องกันของมหาปุโรหิต จนมันแตกสลายเป็นเสี่ยงๆก่อนที่จะกลับคืนสู่ร่างมนุษย์แล้วเคลื่อนย้ายไปอยู่ด้านหลังฝ่ายตรงข้าม
“ ทลายจันทร์ดับดารา! ”
เปรี้ยงงงๆๆๆ ตูมมม!
จักรพรรดินีปิงเยว่หมุนตัวปล่อยหมัดใส่มหาปุโรหิตหลายสิบครั้ง ราวกับพายุหมุนอันคลุ้มคลั่ง คลื่นพลังทำลายล้างที่ระเบิดออกมา ได้ทำลายชุดคลุมแสงศักดิ์สิทธิ์เครื่องป้องกันระดับพระเจ้าขั้นสูงสุดจนพังเสียหายยับเยิน
“ บัดซบ สตรีชั่ว กล้าลอบทำร้ายข้างั้นรึ ” มหาปุโรหิตใช้พลังของกระจกแปดเหลี่ยมอีกครั้ง ทำให้ร่างของจักรพรรดินีปิงเยว่ถูกลำแสงทำลายล้างเก้าสีระเบิดใส่เต็มๆ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสปลิวกระเด็นร่วงหล่นจากฟ้า
จากนั้น ลำแสงเก้าสีก็หลอมรวมกันเกิดเป็นเจดีย์แก้วผลึก ป้องกันมหาปุโรหิตเอาไว้ด้านใน นี่คือปราการนิรันดร์ที่สามารถบิดเบือนการโจมตีทั้งหมดภายใต้ขอบเขตผู้ปกครองเอกภพภายในยี่สิบลมหายใจ
แต่ทว่า
“ หยุดดิ้นรนซะเถอะ เพราะชะตากรรมของแกได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ”
จ้าวเทียนก้าวผ่านรอยแยกมิติ มาปรากฏตรงหน้ามหาปุโรหิตในเสียววินาที โดยมีภาพมายาแม่น้ำเต๋าขนาดยักษ์ลอยอยู่เหนือศีรษะ และก็ด้วยอานุภาพแห่งสมบัติโกลาหลแรกเริ่ม มันเลยทำให้ปราการนิรันดร์ที่เพิ่งก่อตัวขึ้นถูกแหวกออกเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ทันที
เปรี้ยง! ตูมม!
เมื่อกระจกแปดเหลี่ยมสีทองถูกจ้าวเทียนทำลายเป็นผุยผง แสงเก้าสีที่ปกคลุมทั่วทั้งแดนสวรรค์ก็จางหายไปทันที ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้เมล็ดพันธุ์เต๋าที่ครอบงำจิตใจสิ่งมีชีวิตถูกทำลายไปพร้อมกัน
“ เจ้า! นี่เจ้ากล้าทำลายกระจกสวรรค์หมื่นทิวางั้นรึ ฮ่า ฮา เจ้าตายแน่ นายท่านจูเก้อจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตระกูลของเจ้า สำนักของเจ้า หรือโลกที่เจ้าถือกำเนิดจะต้องถูกลบหายไปแน่นอน ”
มหาปุโรหิตชี้หน้าจ้าวเทียนร้องตะโกนออกมาสุดเสียง พร้อมกับพยายามหลบหนีเข้าไปในมหาวิหารเทพเจ้าสูงสุดเพื่อเอาชีวิตรอด
“ เหอะ! แกควรจะห่วงชีวิตตัวเองมากกว่านะ ” จ้าวเทียนแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะฟาดฟันกระบี่ออกไปสี่ครั้ง ทำลายม่านพลังป้องกันและตัดแขนขาของมหาปุโรหิต
“ อย่าดูถูกข้า ให้มันมากนัก ” มหาปุโรหิตตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล ระเบิดลำแสงสีทองจากดวงตาทั้งข้างเกิดเป็นคลื่นพลังทำลายล้างโจมตีไปทางจ้าวเทียน
แต่มันก็ได้ถูกม่านเปลวเพลิงอันร้อนแรงเผาทำลายไปเสียก่อน โดยที่ไม่อาจสัมผัสผิวกายจ้าวเทียนได้เลยแม้แต่น้อย
สวบ!
จ้าวเทียนรีบควักลูกตาซ้ายของมหาปุโรหิตออกมา ก่อนจะใช้พลังทำตราผนึกอำพรางทั้งหมดทิ้งไป ทำให้มันกลับคืนสู่รูปร่างที่แท้จริงกลายเป็นลูกปัดสีทองขนาดเล็ก
“ ไม่นึกเลย ว่ามหาปุโรหิตจะแอบขโมยพลังความศรัทธาเกือบสามแสนปีไปโดยเก็บซ่อนจากเจ้านายตัวเอง เท่านี้ฉันก็มีหวังทะลวงขอบเขตจักรพรรดิเซียนเต๋าขั้นสูงสุดได้แล้วสินะ ”
ในเวลาเดียวกัน
ท่ามกลางความเวิ้งว้างของห้วงมิติโกลาหล คลื่นแห่งความผันผวนบิดเบือนเกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ ก่อนจะมีพญามังกรเขียวเก้าตัวพุ่งทะยานออกมา โดยที่พวกมันกำลังลากจูงเรือสำเภาโบราณ เคลื่อนที่บุกฝ่าไปในความมืดมิดอย่างไม่หยุดยั้ง
ซึ่งเมื่อดูจากกลิ่นอายแล้ว พญามังกรทั้งเก้าตัวนี้ล้วนบรรลุขอบเขตเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงสุด และครอบครองสายโลหิตแห่งจักรพรรดิอสูรอันยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกมันจะยอมลดตัวมาทำหน้าที่ชั้นต่ำแบบนี้
บนดาดฟ้าเรือซึ่งวางโต๊ะน้ำชาหรูหราชุดหนึ่งจัดเตรียมไว้ มีหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีนั่งเล่นหมากล้อมกันอย่างสบายใจ ท่ามกลางกลุ่มยอดผีมือขอบเขตจักรพรรดิเทพเกือบยี่สิบคน ยืนให้การอารักขาอยู่รอบด้าน
ผู้ชายนั้นมีรูปร่างผอมเพรียว ใบหน้าหล่อเหลาราวหยกสลัก สวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสีหน้าและแววตาของเขาดูเย่อหยิ่งเย็นชา บ่งบอกถึงสถานะอันสูงส่งเหนือผู้ใดในพิภพจบแดน
ทางด้านผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็มีรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าเทพธิดาสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เส้นผมสีดำเปล่งประกายระยิบระยับดุจดวงดารา สวมชุดคลุมฟีนิกซ์สีทองเลิศหรู ราวกับเป็นจักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค
“ เสด็จแม่ ครั้งนี้ให้ลูกเป็นผู้ลงมือเองได้หรือไม่ ร่างแยกจิตวิญญาณของท่านเป็นเพียงจักรพรรดิเทพระดับกลางเท่านั้น บางทีแค่ส่งพวกองค์รักษ์ไปก็คงจับตัวนางได้แล้ว ” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เขาคือองค์ชายสิบสี่แห่งราชวงศ์ฉินอันยิ่งใหญ่ มีนามว่าฉินหลางเจี้ยน ส่วนสตรีที่นั่งเดินหมากอยู่ด้วยกัน ก็คือจักรพรรดินีฉินซู่หลาน บุตรีคนโตของราชันสวรรค์เก้าภพ หนึ่งในสามมหาอำนาจผู้ปกครองจักรวาลระดับสูง
“ ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก อีกฝ่ายเจ้าเล่ห์กว่าที่เจ้าคิดมาก อีกทั้งนางยังบ่มเพาะลูกศิษย์อันประเสริฐออกมาได้อีกด้วย ” จักรพรรดินีฉินซู่หลานส่ายหน้าเบาๆ ด้วยขอบเขตพลังของนางจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจสอบความทรงจำส่วนหนึ่งของร่างแยกตนเอง
“ เหอะ ก็แค่ผู้ฝึกตนชั้นต่ำในจักรวาลรกร้างห่างไกล จะมาเปรียบเทียบกับอัจฉริยะรุ่นเยาว์ในราชวงศ์ของพวกเราได้อย่างไร บางทีแค่ลูกใช้มือข้างเดียวก็เอาชนะอีกฝ่ายได้แล้ว ” ฉินหลางเจี้ยนพูดขึ้นอย่างดูถูก
อย่าได้เห็นว่าเขาดูมีอายุแค่เพียงยี่สิบกว่าปี แต่ขอบเขตพลังที่แท้จริงกลับบรรลุถึงจักรพรรดิเทพระดับกลางแล้ว ทั้งยังสามารถต่อสู้ข้ามขั้นกับขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองได้สบาย
“ เอาเถอะ หากเจ้ารู้สึกคันไม้คันมือนัก แม่จะให้โอกาส…. ” จักรพรรดินีฉินซู่หลานยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็หน้าเปลี่ยนสีพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที
เนื่องจากที่ห่างไกลออกไปสุดเขตแดน นางสัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นชาของบุรุษผู้หนึ่ง ที่กำลังยืนน้าวเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ อยู่ท่ามกลางความมืดมิดของมิติโกลาหล
“ เส้นทางของพวกเจ้าสิ้นสุดที่ตรงนี้ ผู้ใดคิดฝ่าฝืน…ตาย! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...