ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ หลังจากมหาเทพจูเซียนดูดกลืนต้นกำเนิดพลังของพระยูไล และช่วงเวลาที่พญาวานรเห้งเจียถูกล่อลวงให้ออกไปเข้าร่วมสงคราม ภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัวก็มาเยือนแดนสุขาวดีทันที
ครืนนน!
ท่ามกลางทะเลเมฆสีทองอร่ามบนท้องฟ้าแดนพุทธะ ได้เกิดทัณฑ์อสนีบาตสีดำทำลายกำแพงมิติลงมา จากนั้นก็ปรากฏวังวนมิติดูคล้ายหลุมดำขนาดยักษ์ก่อขึ้น ก่อนจะมีกองทัพมารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกมาดุจฝูงมด
ฟู่ว!ๆๆๆ
เมื่อร่างกายของเผ่ามารสัมผัสกับกลิ่นอายแห่งพุทธะในแดนสุขาวดี ก็จะถูกเผาไหม้เป็นควันสีดำระเหิดไปไม่เหลือซาก
แต่ทว่า ในพริบตานั้นเอง อักขระมารนับหมื่นนับแสนซึ่งถูกซุกซ่อนไว้ใต้พื้นดินก็ได้สำแดงอานุภาพออกมา
พวกมันได้ลอยขึ้นไปเหนือท้องฟ้า แล้วจัดเรียงตัวกลายเป็นพิธีกรรมต้องห้าม เซ่นสังเวยดวงวิญญาณมารร้ายหนึ่งล้านตน เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนสุขาวดี
บูมมมม!
อักขระมารทั้งหมด ระเบิดกลายเป็นฝนโลหิตที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายมารอันเข้มข้น ทำให้กลิ่นอายแห่งพุทธะ ที่ปกคลุมแดนสุขาวดีอยู่ค่อยๆจางหายไป
นี่เป็นแผนการของโบราณาจารย์มารเฮยเหลียน ที่ได้ส่งร่างอวตารปางบุตรมาแฝงตัวอยู่ในแดนสุขาวดีตั้งแต่เมื่อห้าร้อยปีก่อน เพื่อหว่านเมล็ดพันธุ์จิตมารเข้าไปในหัวใจเหล่าพระโพธิสัตว์ และกลุ่มสาวกที่มีหน้าที่ดูแลป้องกันเขตอาคม
“ บุกเข้าไป ฆ่าลาโง่หัวล้านพวกนี้ให้หมด ”
“ วันนี้ ข้าจะทำลายแดนสุขาวดีให้มอดไหม้เป็นจุล ”
“ ฮา ฮ่า ฮ่า พระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวังไปไหนเสียล่ะ หากยังไม่รีบเรียกเขาออกมา พวกเจ้าทั้งหมดจบสิ้นแน่ ”
ห้าราชันมารได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับขุนพลแม่ทัพมากมาย เรียกได้ว่านอกจากจักรพรรดิมารปอสวิ๋นกับราชันมารอีกสองตนที่ไปบุกโลกมนุษย์แล้ว บรรดาผู้แข็งแกร่งในโลกมารล้วนเข้าร่วมแผนการนี้จนหมดสิ้น
“ แย่แล้ว! กองทัพมารมาได้อย่างไร ทำไมม่านพลังป้องกันไม่ทำงานล่ะ ”
“ เป็นไปไม่ได้ เหล่าราชันมารทำลายผนึกขวางกั้นแดนนรกออกมาแล้วรึ ”
“ อามิตาพุทธ อย่าได้ตื่นตระหนก หนึ่งร้อยแปดอรหันต์กำราบอสูร จงตามอาตมาไปกำจัดมารร้ายให้สิ้นซาก ”
ด้วยการนำทัพของพระโพธิสัตว์ระดับสูงทั้งหกองค์ ที่เคยต่อสู้กับจักรพรรดินีหลินซินเยว่ เลยทำให้กองกำลังฝ่ายแดนสุขาวดียังสามารถรักษาพื้นที่สำคัญส่วนใหญ่เอาไว้ได้
แต่ดูไปแล้ว หากพวกเขายังปล่อยให้ฝูงมารร้ายพุ่งทะยานถาโถมออกมาจากช่องว่างมิติเรื่อยๆ บทสรุปสุดท้ายคงต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างย่อยยับแน่นอน
“ อามิตาพุทธ ทั้งหมดนี้คงเป็นแผนการของเต๋าสวรรค์ น่าเสียดายที่พวกเราเชื่อใจอีกฝ่ายมากเกินไป ”
สิ้นเสียง ก็ได้มีเปลวเพลิงสีแดงฉานลุกโชนขึ้นจากความว่างเปล่า มันได้เผาไหม้ฝนโลหิตที่ปกคลุมท้องฟ้าออกเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ ก่อนจะมีพระโพธิสัตว์สวมจีวรสีแดงเหยียบบนบัลลังก์ดอกบัวก้าวออกมาจากความว่างเปล่า
“ หึหึ พวกเจ้ารู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว จงยอบรับความตายแต่โดยดีเถอะ ” ราชันมารโลหิตสมุทรพูดขึ้นอย่างเย็นชา
เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเก้าราชันมาร ทั้งยังเคยต่อสู้กับพระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวังหลายครั้ง จึงได้รับหมอบหมายหน้าที่ให้มาถ่วงเวลาอีกฝ่าย
เปรี้ยงง! ตูมม!ๆๆๆๆ
เมื่อสงครามเปิดฉากขึ้น สนามรบก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วนทันที เจ็ดราชันมารได้เผชิญหน้ากับเจ็ดพระโพธิสัตว์บนท้องฟ้าด้านหน้าช่องว่างมิติ ส่วนกองทัพมารนับล้านก็บุกเข้าไปเข่นฆ่ากับกองกำลังแดนสุขาวดีอย่างดุเดือด
ในเวลาเดียวกัน
ที่ด้านในเขตหวงห้ามลึกลงไปในบรรพตศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นอาณาเขตปิดผนึกกักขังราชันเทพมารอเวจี เอาไว้ในเขตอาคมศักดิ์สิทธิ์
หญิงงามชุดแดงผู้หนึ่ง กำลังเดินเท้าเปล่าเหยียบย่ำกองภูเขาซากศพและทะเลโลหิตไปเรื่อยๆ สีหน้าของนางดูบริสุทธิ์ไร้ราคีราวกับเทพธิดาสวรรค์ชั้นฟ้า ซึ่งแตกต่างนิสัยใจคอที่โหดร้ายอำมหิตเป็นอย่างมาก
นี่คือร่างปางบุตรีของโบราณาจารย์มารเฮยเหลียน นางวางแผนหลอกล่อเหล่าพระโพธิสัตว์ระดับสูงให้ออกไปรับศึกด้านนอก ส่วนตนเองก็ลอบเข้ามาทำเรื่องสำคัญโดยไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางได้
“ แย่แล้ว! แผ่นหยกสื่อสารใช้ไม่ได้ผล ”
“ นี่พวกเราติดอยู่ในมิติปิดกั้นงั้นเหรอ อีกฝ่ายลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ”
อรหันต์นักรบและกองกำลังป้องกันอาณาเขตหวงห้ามทั้งหมด ต่างพากันหลบหนีเอาชีวิตรอดจากปางบุตรีด้วยความสิ้นหวัง แต่น่าเสียดายที่ร่างกายพวกเขาถูกออร่าอันมืดมิดผนึกไว้ จึงไม่อาจขยับตัวเคลื่อนไหวได้
“ อยู่ต่อหน้าข้า ยังคิดหนี? ”
แววตาของปางบุตรีเย็นชาไร้ความปราณี นางยกฝ่ามือขึ้นแล้วสะบัดนิ้วไปข้างหน้า ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน คลื่นพลังทำลายล้างระเบิดออกมาเป็นวงกว้าง
ตูมมม!
สรรพสิ่งหวนคืนสู่ความว่างเปล่า ร่างของฝ่ายตรงข้ามหลายพันคนระเบิดเป็นหมอกเลือดฟุ้งกระจายไปทั่ว ไม่หลงเหลือกระทั่งซากศพที่สมบูรณ์
วูป! ครืนน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน