สิบโมงเช้า ณ คฤหาสน์ดาราสวรรค์
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกรอบเช้ากับโม่ปิงหยู จ้าวเทียนก็พาทุกคนมาที่ทะเลสาบมรกต เพราะวันนี้เขาต้องการสร้างเขตอาคมจิตวิญญาณให้เสร็จเรียบร้อย
ภายในห้องทำงานหลัก ตุ๊กตาหมีตัวนั้นยังคงนั่งอ่านเอกสารเหมือนเช่นเคย แม้ว่าศิษย์พี่หญิงจะมอบสถานที่นี้ให้เขาแล้ว แต่ตัวเธอเองก็ยังอาศัยอยู่ในคฤหาสน์นี้เหมือนเดิม
ซึ่งนั่นก็เป็นความต้องการของจ้าวเทียนเช่นกัน การที่มีศิษย์พี่หญิงมาอยู่ด้วยมันช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้เขาเป็นอย่างมาก
“ เมื่อวานต้วนมู่เฉียนได้บอกเรื่องนั้นกับเธอแล้วใช่ไหม ”
“ ใช่ครับ…แต่ผมยังไม่ได้ให้คำตอบไป ” จ้าวเทียนตอบ ด้วยสีหน้าจริงจัง ตัวเขารู้ดีว่าหากตอบตกลง ปัญหาเรื่องตระกูลจ้าวจะได้รับการแก้ไขทันที นี่คงเป็นสิ่งที่ต้วนมู่เฉียนต้องการให้เขาเลือก
แต่ถ้ายอมรับสืบทอดอำนาจตรงส่วนนั้นมา ภาระหน้าที่อันหนักหน่วงก็จะตกอยู่ที่เขาทันที อิสระในการเคลื่อนไหวของเขาจะถูกจำกัดด้วยคำว่าส่วนรวม ซึ่งมันจะขัดกับเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้
แม้ตอนนี้จ้าวเทียนจะเริ่มรู้สึกสนใจความลับของโลกใบนี้ แต่สมรภูมิหลักของเขานั้นอยู่ที่แดนสวรรค์ ยังมีภารกิจอีกหลายอย่างที่ต้องไปจัดการ
“ ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้นหรอก…เขาแค่ทดสอบเธอดูเท่านั้น ”
“ ถ้าเมื่อวานเธอตอบรับทันที…ผลมันอาจจะแย่กว่าเดิม เพราะต้วนมู่เฉียนรู้เรื่องความขัดแย้งระหว่างเธอกับตระกูลจ้าวดี ”
“ เรื่องสืบทอดตำแหน่งของต้วนมู่เฉียน…เท่าที่ฉันรู้ตอนนี้ มีคนที่ผ่านเกณฑ์อยู่สามคน ส่วนเธอเป็นคนที่สี่ ”
“ ถ้าเป็นแบบนั้น…เรื่องนี้ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้ข้อสรุป” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความเข้าใจ ระดับต้วนมู่เฉียน ย่อมต้องคัดเลือกผู้สืบทอดอย่างระมัดระวังอยู่แล้ว
“ ว่าแต่เรื่องเมื่อวาน…คุณรู้ตัวตั้งแต่ตอนไหนเหรอ ” จ้าวเทียนถามขึ้นอย่างสงสัย
“ ที่จริงถ้าเธอได้รู้จักนิสัยของต้วนมู่เฉียนดีเท่าฉัน…เธอก็คงมองออกตั้งแต่แรกเหมือนกัน ”
“ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เคร่งคัดในกฎมาก แต่ก็ไม่ใช่คนวู่วามขนาดที่จะขนกองกำลังพิเศษมาด้วยเรื่องแค่นี้หรอก ”
“ ฉันก็แค่ช่วยเขาเล่นละครฉากหนึ่ง…เพื่อล่อศัตรูทั้งหมดออกมาในที่แจ้ง ”
“ เพราะตระกูลหลี่นั้นมีเส้นสายเยอะจนเกินไป…เราจึงต้องขุดพวกมันออกมาเพื่อถอนรากถอนโคนให้หมด ”
“ ศิษย์พี่หญิง…คุณรู้ระดับฝีมือที่แท้จริงของเขาไหม ” จ้าวเทียนถามขึ้นอีกครั้ง เรื่องนี้สำคัญมากเพราะมันมีผลต่อแผนการแก้แค้นตระกูลจ้าวในอนาคต
“ เรื่องนี้…ฉันบอกได้เพียงว่า ฝีมือของเขาเหนือกว่าตัวฉันเมื่อ 12 ปีก่อนไปแล้ว ”
“ ชายคนนี้เก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้…เมื่อวานหากไม่ใช่ว่าฉันลองทดสอบดูก็ไม่มีทางรู้ได้เลย ”
“ ที่จริงแล้วด้วยความสามารถของต้วนมู่เฉียน…ถ้าเขาไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยโซ่ตรวนที่เรียกว่าประเทศ ”
“ คนแรกที่ลองทลายขอบเขตเซียนนภา คงเป็นเขาไม่ใช่ฉัน ”
เมื่อเห็นว่าจ้าวเทียนเริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้น หลินซูซินจึงพูดขึ้นต่อ
“ สำหรับเรื่องของเธอกับตระกูลจ้าว…ฉันได้จัดการให้แล้ว เงื่อนไขข้อเดียวที่เธอจะสามารถแก้แค้นได้โดยไม่ถูกแทรกแซงจากประเทศคือ ”
“ ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าผู้คุมกฏจากจ้าวหงเลี่ยง…ในงานคัดเลือกผู้บัญชาการอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า”
“ ตอนนี้เธออยู่ในขอบเขตเซียน…ไม่สามารถลงแข่งชิงตำแหน่งผู้บัญชาการได้แล้ว ”
“ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา…หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน ต่อให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผม ทุกคนก็เอาชนะได้แน่นอน ” จ้าวเทียนตอบอย่างมั่นใจ
“ ดีมาก…ที่จริงถ้าไม่ใช่ว่าฉันต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ คงชิงตำแหน่งหัวหน้าผู้คุมกฏมาแล้ว ”
หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จ จ้าวเทียนกำลังจะออกไปจัดการเรื่องเขตอาคมต่อ แต่ทว่าหลินซิงเสวียนได้เดินมาจับมือเขาเอาไว้ก่อน
ทั้งยังจ้องมองมาด้วยแววตาเป็นประกาย…
!!
“ เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า ” จ้าวเทียนถามด้วยรอยยิ้มแห้งๆ แต่สาวน้อยที่จับมือเขาอยู่กลับไม่ยอมตอบ เธอหันกลับไปมองตุ๊กตาหมีบนโต๊ะทำงาน ด้วยท่าทีงอนๆ
“ เอ่อ… ”
หลินซูซินรู้สึกพูดไม่ออก เธอเห็นหลินซิงเสวียนเงียบมาตลอดจนนึกว่าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่นึกว่าอีกฝ่ายกำลังรอจังหวะอยู่
“ ศิษย์พี่หญิง…คุณมีอะไรหรือเปล่า ” จ้าวเทียนหันไปถามด้วยความสงสัย ทำไมอีกฝ่ายถึงอ้ำอึ้ง
“ ศิษย์น้อง…นายสนิทกับลี่เหยาเหยาใช่ไหม ”
เมื่อได้ยินคำถามจ้าวเทียนก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ายอมรับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน