คำถามของเหยียนซืออู่ทำให้เสียงพูดคุยในห้องเงียบไปในทันที ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ลี่เหยาเหยากับกงเสี่ยวเหมย ทำเอาหญิงสาวทั้งสองคนเขินอายทำตัวไม่ถูก
“ สวัสดีค่ะผู้อาวุโส…หนูชื่อลี่เหยาเหยาเป็นเพื่อนของจ้าวเทียน ” ลี่เหยาเหยาตอบด้วยใบหน้าแดงๆ แต่เธอก็รู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณตาของจ้าวเทียนซะที
ลี่ตงไห่เองก็มองหลานสาวด้วยรอยยิ้ม เขาใช้มือลูบเคราตัวเองแล้วพยักหน้าเบาๆ
‘ เหยาเหยา…ปู่เอาใจช่วยหนูอยู่นะ อย่ายอมแพ้เด็กสาวตระกูลกงล่ะ ’
“คารวะท่านผู้อาวุโส…ฉันชื่อกงเสี่ยวเหมยเป็นเพื่อนของจ้าวเทียนเช่นกันค่ะ ” กงเสี่ยวเหมยเลือกทำความเคารพแบบชาวยุทธ
เพราะเธอคิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นคนในยุทธภพเช่นกัน แม้เครื่องแต่งกายจะเหมือนคนในยุคปัจจุบัน แต่ท่วงท่าการวางตัวของผู้อาวุโสตรงหน้าเหมือนกับคนในยุทธภพไม่มีผิด
“ เอ๊ะ…หนูแซ่กงเหรอ ” เหยียนซืออู่รู้สึกแปลกใจ ดวงตาเขาทอประกายสีทองด้วยเคล็ดวิชาเนตรคุนหลุน เขาสังเกตดูเส้นลมปราณของกงเสี่ยวเหมยอย่างละเอียด จากนั้นจึงส่ายหน้าเบาๆ
‘ เคล็ดวิชาของเธอไม่ใช่แนวทางของสำนักโบราณ…เธอคงไม่ใช่คนจากสำนักเร้นลับหรอก ’
ในโลกใบเล็กนั้นนอกจากจะมีสำนักใหญ่ทั้งห้าแล้ว ยังมีสำหนักขนาดกลางสิบสำนัก และสำหนักขนาดเล็กสิบห้าสำนัก รวมตัวกันเป็นสมาพันธ์บู้ลิ้ม มีห้าสำนักใหญ่เป็นผู้นำที่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ
แต่นอกจากจากสมาพันธ์บู้ลิ้มแล้ว ยังมีสำนักเร้นลับอยู่อีกสองสำนักที่ไม่เข้าร่วมกับสมาพันธ์ และไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องบุญคุณความแค้นกับโลกภายนอก
สำนักเร้นลับทั้งสองจะเลือกรับศิษย์อย่างเข้มงวด สำนักแรกคือสำนักสราญรมย์จัดเป็นสำนักกึ่งมาร ทำการตามอำเภอใจตน
ส่วนอีกหนึ่งคือสำนักสุสานโบราณที่รับแต่ศิษย์ผู้หญิงเท่านั้น ปัจจุบันสำนักสุสานโบราณถูกปกครองโดยตระกูลกง
ทำให้ตอนแรกที่เหยียนซืออู่ได้ยินกงเสี่ยวเหมยแนะนำตัวจึงรู้สึกแปลกใจ เพราะแซ่กงจะไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อย
เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่เขาอย่างแปลกใจ เหยียนซืออู่จึงยิ้มเล็กน้อยแล้วอธิบาย
“ ไม่มีอะไร…พอดีเธอใช้แซ่เดียวกันกับคนรู้จักของฉัน แต่ดูแล้วคงเป็นฉันเข้าใจผิดไปเอง ” เขาตรวจดูในแหวนมิติ แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘ แย่แล้ว…ในแหวนนี่มีโอสถเพิ่มปราณแค่สองเม็ดเท่านั้น ฉันจะทำอย่างไรดี ’
‘ หนึ่งในสองคนนี้อาจจะเป็นหลานสะใภ้ในอนาคตของฉันก็ได้ จะให้พวกเธอผิดหวังไม่ได้ ’
!!
‘ หืม…เซียนคนนั้นมีของแบบนี้ด้วยเหรอ ’
วูป!
กำไลหยกสองวงปรากฎขึ้นบนฝ่ามือของเหยียนซืออู่
มันถูกแกะสลักด้วยลวดลายนกกระเรียนคู่ ความงดงามของมันทำให้หญิงสาวทั้งสองต่างจ้องมองด้วยความหลงใหล
“ กำไลทั้งสองวงนี้…เมื่อพวกเธอสวมไว้กับตัวจะช่วยคงรูปโฉมให้งดงามไม่ชราลงตามวัย รับไปสิ ” เหยียนซืออู่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
แม้การให้กำไลหยกคู่นี้แก่หญิงสาวทั้งสอง จะดูสื่อความหมายเป็นนัยๆไปบ้าง แต่เขาก็ไม่คิดมาก ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนหญิงของจ้าวเทียนอยู่แล้ว
ภรรยาของเหยียนซืออู่นั้นได้สิ้นอายุขัยไปนานแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ ทำให้ตระกูลเขาเหลือลูกสาวเพียงคนเดียว เป็นธรรมดาของคนชราย่อมอยากมีลูกหลานเต็มบ้านอยู่แล้ว
‘ จะว่าไป…ถ้าหลานชายฉันจะจีบพวกเธอทั้งคู่ ฉันก็ไม่ถือสานะ หึหึ ’
ลี่เหยาเหยากับกงเสี่ยวเหมยตอนแรกก็มีท่าทีเขินอายเล็กน้อย แต่ก็รับเอามาลองสวมดูทันที กำไลสองวงนี้มันช่างเหมาะกับพวกเธอเป็นอย่างมาก
ทั้งดูแล้วคงจะเป็นของล้ำค่าหายากแน่นอน แววตาของพวกเธอที่มองไปทางเหยียนซืออู่เพิ่มความสนิทสนมขึ้นหลายส่วน
แต่ในขณะที่เหยียนซืออู่กำลังพูดคุยกับหญิงสาวทั้งสอง อย่างสบายใจ
!!
วูป
สัมผัสวิญญาณสายหนึ่ง กวาดเข้ามาตรงห้องที่พวกเขาอยู่อย่างไร้มารยาท
สีหน้าของเหยียนซืออู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางหนึ่งที่เขาสัมผัสถึงผู้มาเยือนได้
“ ฉันขอตัวสักครู่นะ ” เขาหันไปบอกกับสองสาวด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วจำหันหลังเดินออกจากห้องไป
เพียงแต่ว่า…
ร่างของเหยียนซืออู่ค่อยๆลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาเดินเหยียบอากาศขึ้นไปบนท้องฟ้าต่อหน้าต่อตาทุกคนที่อยู่ในห้อง
!!
“ เป็นไปไม่ได้…ผู้อาวุโสบินได้งั้นเหรอ ”
“ นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ” “ นี่มันบ้าชัดๆ ”
เกิดความวุ่นวายขึ้นในห้องทันที ทุกคนต่างพากันขยี้ตาตนเองด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
ต้องเข้าใจว่า สำหรับพวกเขานั้นขอบเขตปรมาจารย์ ถือเป็นที่สุดของความแข็งแกร่งแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาได้พบในวันนี้ มันกลับลบล้างความเชื่อของพวกเขาจนหมด
มีเพียงลี่เหยาเหยาเท่านั้นที่ไม่ได้แปลกใจซักเท่าไหร่ เพราะเทพธิดาตัวจิ๋วได้บอกตัวตนของเหยียนซืออู่ให้เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ นี่มัน…เซียนในตำนาน ” ลี่ตงไห่ตกใจจนเผลอหลุดปากออกมาเสียงดัง จนทุกคนที่อยู่ในห้องหันมามองที่เขาทันที
“ ฉันเคยได้ยินตำนานเล่าว่า…หลังจากที่เราฝึกฝนจนไปถึงขีดสุดของปรมาจารย์แล้ว จะสามารถบรรลุเป็นเซียนได้ เซียนนั้นสามารถเหินบินได้ทั้งยังมีอายุขัยที่ยาวนาน ”
“ ตั้งแต่เกิดมา…ฉันก็เพิ่งเคยได้พบเซียนตัวจริงเป็นครั้งแรก ก็วันนี้นี่แหละ ” ลี่ตงไห่อธิบายออกมาเสียงดัง ให้ยี่สิบกว่าชีวิตในห้องได้ฟัง
“ เอ๋…คุณตาของหนูเป็นเซียนงั้นเหรอ ” จ้าวหยูเหมยรู้สึกสบสนเล็กน้อย เรื่องนี้มันไกลตัวเธอเกินไป แต่ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เปล่งประกายสดใส
‘ ฉันจะขอให้คุณตา พาฉันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ไหมนะ ’
ทุกคนในห้องต่างหันไปมองกลุ่มของจ้าวหยูเหมยด้วยความอิจฉา นั่นคือขอบเขตเซียนในตำนานเชียวนะ หากเป็นพวกเขามีญาติเป็นเซียนบ้าง คงสบายไปตลอดชาติ
“ พวกเราออกไปดูกันเถอะ ” ลี่ตงไห่พูดขึ้น แล้วเดินนำออกไป วันนี้กงไป๋ฮวาไม่ได้มาด้วย ทุกคนในห้องจึงถือเขาเป็นผู้นำ พากันเดินตามออกไปทันที
สูงขึ้นไปหนึ่งร้อยเมตรบนท้องฟ้า
เซียนสองคนกำลังเผชิญหน้ากับเหยียนซืออู่ หนึ่งในนั้นคือบรรพชนเซียนตระกูลหวัง ส่วนอีกคนคือแม่ชีชุดเทาที่กำลังมองมายังทุกคนด้านล่างอย่างเย่อหยิ่ง
“ พวกคุณมีธุระอะไร ” เหยียนซืออู่ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฝ่ายตรงข้ามเขาเป็นเพียงเซียนระดับกลางเท่านั้น แต่กลับไร้มารยาทเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักพรตหญิงที่เป็นคนใช้สัมผัสวิญญาณ
“ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ…ให้ไอ้เด็กนั่นออกมาพบฉัน ” แม่ชีชุดเทาพูดขึ้นด้วยท่าทีวางอำนาจ
“ บังอาจ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน