ไม่ใช่ว่ากู้เหวินจูนไม่อยากสอบบัณฑิต
แต่ในเมื่อบุตรชายเจ้าถิ่นประกาศิตไว้ถึงเพียงนั้น ว่าหากตระกูลของเขากล้าไปเหยียบที่มณฑลอีก ก็จะตัดขาเขาทิ้งเสีย
"อย่างไรเสียมันต้องมีทางออกน่า" กู้หมิงซวงสนับสนุน "ท่านพี่ ข้ารู้ว่าผลการเรียนของท่านพี่ไม่ได้ด้อยไปกว่าสวีขิ้นหยวน สวีจิ้นหยวนสอบถงเซิงและซิ่วฉายได้ ท่านพี่ก็ต้องสอบได้เช่นกัน ปีนี้ท่านพี่ก็สิบหกแล้ว คงไม่อยากใช้ชีวิตอยู่บ้านนอกคอกนาตลอดไปหรอกกระมัง?”
สีหน้าของกู้เหวินจูนพลันทอแววซับซ้อน
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด เอาแค่หากในอนาคตสวีจิ้นหยวนสอบติดซิ่วฉาย สถานะของพวกเขาในหมู่บ้านก็แตกต่างกันแล้ว
ผู้มีการศึกษามักจะได้รับความเคารพและความน่าเชื่อถือจากผู้อื่น
พอถึงเวลานั้น หากเขาพูดสิ่งใดไม่ดีใส่ตระกูลกู้ จากขาวก็คงถูกคำพูดของเขาใส่ร้ายจนกลายเป็นดำ
เช่นนั้นครอบครัวของเขาก็จะยิ่งวางตัวลำบากในหมู่บ้าน
เขาคงต้องฮึดสู้สักตั้ง เพื่อคนในครอบครัวเสียแล้ว
หลังอาหารเย็น กู้เหวินจูนมีความคิดริเริ่มที่จะนำหนังสือออกมา อ่านตรงชานบ้านโดยอาศัยแสงสว่างจากตะเกียง
เมื่อเห็นพี่ชายคิดได้ ดวงตาของกู้หมิงซวงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ไปเก็บกวาดโต๊ะอาหารช่วยนางเฉา
นางเฉาสงสารกู้หมิงซวงที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน จึงไม่ให้นางช่วยล้างจาน ปล่อยให้นางนั่งดูเท่านั้น
"ซวงเอ๋อร์ จะให้พี่เจ้าไปสอบซิ่วฉายจริงๆหรือ?"
บุตรชายของเจ้าถิ่นที่นั่นหาใช่เจ้าถิ่นที่ดีเสียเมื่อไหร่ แม้นจะบอกว่าเรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ไม่อาจรับประกันได้ว่าฝ่ายนั้นจะยังจำได้อยู่หรือไม่
"ใช่ ท่านแม่ไม่ต้องกังวล พอถึงเวลานั้นข้าจะไปกับท่านพี่เอง” กู้หมิงซวงโยนไฟเข้าเตาไฟไปพลาง เอ่ยพูดไปพลาง “มีลูกคอยดูอยู่ทั้งคน ท่านพี่จะไม่เป็นอะไรแน่ๆ”
"ถึงจะพูดออกมาเช่นนี้ แต่การสอบซิ่วฉายก็ใช่ว่าจะสอบได้ง่ายๆ….”
ตั้งแต่หมู่บ้านก่อตั้งขึ้นมา แต่ละครัวเรือนก็เคยมีซิ่วฉายอยู่แค่ไม่กี่คน แถมอายุยังมากถึงสามสิบกว่าจะสอบติดซิ่วฉายได้ ในชนบทเช่นนี้ การสอบติดซิ่วฉายเป็นอะไรที่ยากเทียมฟ้า มิเช่นนั้นพอสวีจิ้นหยวนสอบติดถงเซิง จะจองหองอวดเบ่งเช่นนี้หรือ
กู้หมิงซวงไม่อยากสนทนาสิ่งที่ชวนให้สิ้นหวังกับนางเฉา เพราะนางเชื่อมั่นในตัวพี่ชายของนาง
"จริงสิ ท่านแม่ว่าบ้านเรายังขาดแคลนอะไรหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะได้ซื้อติดมือกลับมาด้วย”
นางเฉาเอ่ยพูดโดยไม่หยุดคิด "ไม่ขาดเหลืออะไรหรอก ข้าว่าเจ้าเก็บเงินเอาไว้ดีกว่า ไปตลาดก็ระวังตัวด้วย เส้นทางที่ใช้เดินไปตลาดเปลี่ยวเสียยิ่งกระไร ขโมยขโจรก็ยิ่งเยอะ มิเช่นนั้นให้ข้าไปถามป้าหนิวดีหรือไม่ หากพรุ่งนี้นางไปตลาด เจ้าจะได้ติดเกวียนนางไปด้วย จะได้ไม่ต้องเดินเท้า”
"ไม่ดีกว่า มีพี่จิ่งอยู่ทั้งคน ท่านจักกังวลอันใดไป"
นางไม่ชอบขอร้องผู้ใด ยอมเดินเท้าไปยังจะดีกว่าอีก
กู้หมิงซวงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้สังเกตว่าซูเหิงจิ่งที่ประตูเข้าได้ยินคำพูดของนางเข้า มือที่กำลังจะจับประตูพลันชะงัก หางตาก็พลันกระตุกขึ้น
ก่อนที่จะเข้านอน กู้หมิงซวงก็ไปดูอาการกู้หย่วนเต้าอีกครา นางฝังเข็มให้เขาเสร็จสรรพก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องหับของตนเอง
ในตอนแรกทุกคนยังคงกังวลว่าซูเหิงจิ่งจะหลับหนอนตรงไหน แต่เขาก็ม้วนเสื่อไปปูนอนตรงลานบ้านอย่างหัวไว
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้หมิงซวงตื่นมาล้างหน้าล้างตาและเก็บข้าวของเตรียมตัวเข้าไปในเมือง
ก่อนออกเดินทาง กู้เสี่ยวซานแอบยัดลูกกวาดในย่ามของกู้หมิงซวง ส่วนนางเฉาก็แอบยัดหมั่นโถวกับไข่ไก่ลงในย่ามของนางเช่นกัน
หมู่บ้านต้าเฉียวมีถนนเพียงสายเดียวที่เชื่อมต่อถึงเมืองชิงสือ ทั้งสองข้างทางของถนนสายนี้คือภูเขาแห้งแล้งและแม่น้ำ ระหว่างทางไร้เงาผู้คนอยู่อาศัย
เมื่อทั้งสองออกเดินทางท้องฟ้าก็สว่างขึ้น
กู้หมิงซวงเดินตามซูเหิงจิ่งด้วยขาสั้นๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มแบกตะกร้าสาน เดินทอดน่องอย่างสบาย ก็รู้อิจฉาจนน้ำตาแทบไหล
หากเป็นยุคปัจจุบันนางก็ถือว่าเป็นเด็กคนหนึ่ง ขาของเด็กคนหนึ่งจะยาวแค่ไหนกันเชียว
บวกกับไขมันบนร่างกาย ก็ยิ่งดูอ้วนดูสั้น
หลังจากเดินๆโดดๆมาเป็นเวลานาน ในที่สุดกู้หมิงซวงก็สาวเท้าตามซูเหิงจิ่งทัน
ซูเหิ่งเหลือบมองนาง
อันที่จริง ชายหนุ่มควบคุมความเร็วในการเดินให้ช้าลงแล้ว แต่กระนั้นก็ไม่คิดเลยว่ากู้หมิงซวงจะยังเดินตามไม่ทัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน
รอจ้าาาา...
ขอทางทีมงานลงต่ด้วยนะคะ...
แอดมินค่ะ จะมีอัพต่ออีกไหมค่ะ ชอบมากเลย รอๆนะค่ะ...
อยากอ่านเรื่องนี้มากกกก ค้างคาใจ แอดมินอีพเดตทีน๊าาา pleaseee...
อยากรู้จัง ซูเหิงจิ่วเป็นใคร แอดมินจ๋าอัพเดตที pleaseeeeee...
เรื่องนี้ก็สนุกมาก รออัพเดตนะค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออัพเดตนะคะแอดมิน...
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ รออัพเดทนะคะ...
รออัพเดทนะคะ please...
รออัพเดทอยู่นะคะ...