เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน นิยาย บท 22

สรุปบท บทที่ 22 นั่งเกวียนวัวกลับบ้าน: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน

สรุปเนื้อหา บทที่ 22 นั่งเกวียนวัวกลับบ้าน – เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน โดย ชิงฉีหมิงเยว่

บท บทที่ 22 นั่งเกวียนวัวกลับบ้าน ของ เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน ในหมวดนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงฉีหมิงเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ในชาติก่อนนั้นกู้หมิงซวงเป็นหมอพิษ ชำนาญมือในเรื่องการใช้เข็มเงินเป็นที่สุด มายุคโบราณในชาตินี้ นางจักมิยอมให้ความสามารถนี้สูญเสียไปเด็ดขาด

อย่างเหตุการณ์ในวันนี้ หากว่าซูเหิงจิ่งไม่ได้อยู่ข้างกายนาง นางก็คงมิอาจเอาชนะหลิ่วอู่เยี่ยได้ แต่อย่างน้อยก็ยังใช้เข็มเงินในการกำราบพวกมันได้

นางพาซูเหิงจิ่งตรงไปที่โรงหมอ ก่อนจะนำเอาสมุนไพรที่เก็บมาเมื่อวานไปขาย แล้วจึงได้เอ่ยถามเด็กน้อยที่นั่งอยู่ในศาลา “ที่นี่พวกเจ้ามีเข็มเงินขายหรือไม่?”

“เข็มเงินหรือขอรับ?” เด็กน้อยก้มเงยมองกู้หมิงซวงปราดหนึ่ง “มีสิขอรับ ครึ่งตำลึง”

ครึ่งตำลึง……

กู้หมิงซวงรู้สึกราวขนหน้าแข้งร่วงนิดหน่อย

เมื่อตะกี้เพิ่งซื้อของไปหนึ่งตำลึง เงินที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีไม่มากแล้ว แต่เข็มเงินยังไงจำเป็นก็ต้องซื้อ มิอย่างนั้นนางก็ไม่มีทางฝังเข็มให้ท่านพ่อได้แล้ว

“ครึ่งตำลึงก็ครึ่งตำลึง เจ้าไปหยิบมาให้ข้าชุดหนึ่ง”

“ได้เลยขอรับ”

เจ้าเด็กน้อยหันหลังกลับไปหยิบเอาเข็มเงินมาหนึ่งชุด กระทั่งตอนยื่นส่งให้กู้หมิงซวงก็ยังพินิจสงสัยว่าตนดูหมิ่นพวกเขาเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงจริงๆว่าพวกเขาจะซื้อไหวเสียด้วย

เมื่อรับเข็มเงินมา กู้หมิงซวงก็เปิดออกแล้วสัมผัสดู จึงพบว่ามันทำมาจากเหล็กหาใช่

เข็มเงินจริงๆไม่ แต่ก็พอยังอนุโลมให้ได้ เงินเพียงครึ่งตำลึงนึกอยากจะซื้อเข็มที่ทำจากเงินแท้ นั่นคงเป็นฝันงี่เง่าหรอกกระมัง

“ขอบใจมาก” กู้หมิงซวงรับเอาเข็มเงินมา แล้วเอ่ยถามกลับไป “ที่นี่พวกเจ้ารับยาสมุนไพรอะไรบ้างหรือ?”

“สมุนไพรทั่วๆไปล้วนรับไว้หมด และแน่นอนว่าหากท่านมีสมุนไพรหายากอันใดก็รับเช่น สำนักยาเรา ได้รับการรับรองขอรับ”

กู้หมิงซวงพยักหน้าหงึกๆ พลางจดจำเอาคำพูดของเจ้าเด็กน้อย

ตั้งแต่เดินออกสำนักยามา ดวงตะวันก็ลอยขึ้นได้ครึ่งขอบฟ้าแล้ว ได้เวลารับประทานอาหารเที่ยงแล้วสินะ กลิ่นหอมอาหารจากแต่ละหลังคาเรือนล้วนพัดปลิวโชยมา

เมื่อแต่ก่อนยุ่งจนไม่รู้สึกตัว บัดนี้พอได้จัดการเรื่องราวเรียบร้อย ท้องของกู้หมิงซวงก็เริ่มส่งเสียงร้องจ๊อกๆขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะซาลาเปาเนื้อลูกขาวๆกลมๆในร้านข้างๆนั่น เย้ายวนซะจนนางน้ำลายไหลยืด

ครั้นกู้หมิงซวงเหลือบมองดูวอวอโถวที่อยู่ในถุงผ้าก็ไร้ซึ่งความหอมหวนเสียแล้ว

“ไม่ได้เห็นน้ำมันมาหลายวันแล้วนี่ ไม่อย่างนั้นเราไปซื้อซาลาเปามากินสักหน่อยไหม?”

กู้หมิงซวงเลียไปที่มุมริมฝีปาก เอ่ยถามด้วยดวงตาทั้งคู่อันเปล่งประกาย

“อืม”

ซูเหิงจิ่งอดกลั้นรอยยิ้ม แล้วพยักหน้า

ครั้นถึงหน้าร้านซาลาเปา เถ้าแก่ก็เอ่ยทักทายอย่างกระตือรือร้น“ท่านทั้งสองใคร่ทานอันใดรือขอรับ?”

“ซาลาเปาเนื้อราคาเท่าใด?”

“ลูกละสองอีแปะขอรับ”เถ้าแก่ยกขึ้นสามนิ้ว

ซาลาเปาเนื้อแค่สองลูกก็แลกไข่ไก่ได้ตั้งสี่ฟองแล้ว ชาวบ้านในชนบทมีไม่กี่คนที่ได้ลิ้มรสของสิ่งนี้ แต่หาใช่ซื้อกินไม่ไหว แต่เพราะรู้สึกว่าไม่คุ้มต่างหาก

กู้หมิงซวงก็รู้สึกว่ามันแพง จึงพลางนึกลังเลใจ

ซูเหิงจิ่งเห็นว่านางหิวอยากกิน จึงเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ก็ไม่ใช่จะซื้อกินบ่อยๆ อยากกินก็กินเสียเถิด”

“เอ่ยมีเหตุผลนี่” กู้หมิงซวงเดิมทีก็นึกอยากกินอยู่แล้ว พอได้ยินซูเหิงจิ่งเอ่ยเช่นนี้ จึงพลันหายลังเลแล้ว จึงถอดกระเป๋าออกจากวงแขน นับเงินยี่สิบอีแปะให้เถ้าแก่

“เถ้าแก่ เอาซาลาเปาสิบลูกเจ้าค่ะ”

“ได้เลยขอรับ”

เถ้าแก่รีบใส่ซาลาเปาลงในถุงกระดาษทันที แล้วยื่นส่งให้กู้หมิงซวง

ครั้นรับเอาซาลาเปานึ่งร้อนๆมา กู้หมิงซวงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นซาลาเปาอบอวลเตะจมูก นางอยากกินจนน้ำลายยืด แล้วรีบพาซูเหิงจิ่งไปหามุมใดมุมนึงอยู่ ควักซาลาเปาสองลูกออกมาให้เขา

“เจ้ากินสิ”

เนื่องด้วยรูปร่างของนาง วันนี้จึงถูกคนเยาะเย้ยไม่น้อย ยากยิ่งจะเจอคนที่ไม่ถือสา

กู้หมิงซวงเหลียวมองไปที่ลุงเสียงอีกรอบ นึกซึ้งใจขึ้นมาหน่อยๆ

หลังจากที่ทุกคนเรียบร้อยกันหมดแล้ว เกวียนวัวก็ได้เดินทางมุ่งไปที่หมู่บ้านต้าเฉียว

คนที่ออกมาจ่ายตลาดส่วนมากเกินครึ่งล้วนเป็นสตรี เหล่าสตรีเมื่อมารวมอยู่ด้วยกันก็เกิดการพูดคุยขึ้นมากมาย สายตาของทุกคนล้วนไม่ได้ว่างเว้น แต่ละสายตาต่างจับจ้องไปที่กู้หมิงซวงกับซูเหิงจิ่ง

“เอ้อยา ได้ยินมาว่าเจ้ามิได้โง่เขลาแล้ว เป็นความจริงหรือไม่?”

“เอ้อยา นี่ใครกันหรือ ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน”

กู้หมิงซวงถูกถามเสียจนรำคาญ จึงได้เอ่ยตอบกลับไป “ญาติผู้พี่ทางฝั่งแม่ข้าน่ะ มาพึ่งพิงอยู่ด้วย”

“พึ่งพิง?”

ทันใดนั้นรอบๆตัวล้วนดังเสียงหัวเราะขึ้นแซ่ซ้องทั่วทั้งรถ “ฮ่า ฮ่า ทำเอาคนตลกแทบตายแน่ะ เอ้อยา ครอบครัวเจ้าน่ะก็ยากจะเอาตัวรอดแล้ว ยังจะมีคนมาขอพึ่งพิงพวกเจ้าด้วยรึ?”

“ก็อย่างว่า กู้เจ้าสามตอนนี้ก็ย่อมหาใช่คนเก่งกาจอันใดแล้ว ครอบครัวพวกเจ้าพากันกินอะไรหรือ คงไม่พากันอดตายซะหรอกรือ……”

ขณะเดียวกัน ก็มีผู้สายตาเฉียบคมสังเกตเห็นกู้เอ้อยาซื้อสิ่งของมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นหม้อกระทะจานชาม สภาพดูเหมือนคนจะเอาตัวไม่รอดเสียที่ไหน

“แปลกเสียจริง ครอบครัวเจ้ายังมีเงินมาซื้อของเสียด้วย เงินเหล่านี้มาจากไหนกันเนี่ย?”

“แม่คนดี ซื้อของมาเยอะแยะเหลือเกิน ยังมีผ้าผืนใหม่ด้วยแน่ะ! เอ้อยา เจ้าคงมิได้ไปขโมยเงินมาหรอกกระมัง?”

หญิงเหล่านั้นยิ่งเอ่ยยิ่งไม่น่าฟัง มองดูกู้หมิงซวงซื้อของดีๆมามากมาย ทั้งอิจฉาตาร้อนทั้งงวยงงสงสัย ขโมยเงินยังกล้าพูดออกมาได้

กู้หมิงซวงก็พลันสีหน้าไม่สู้ดี

“อาหารนั้นกินเรื่อยเปื่อยได้ แต่คำพูดคำจามิอาจพูดเรื่อยเปื่อยได้ ทันทีที่อ้าปากก็หาว่าข้าขโมยเงิน พวกเจ้าเห็นแล้วหรือไม่? ยังไม่เห็นก็พูดจาไปเรื่อย นี่ถือเป็นการหมิ่นประมาทเลยหนา”

หลายคนพวกนั้นโดนกู้หมิงซวงขู่เข้าให้ แล้วบ่นขึ้น “ไม่พูดก็ไม่พูดสิ โกรธเคืองอันใดกัน? เอ้อยา เจ้าช่างไร้มารยาทเสียจริง พวกผู้ใหญ่เราแค่ล้อเจ้าเล่นเองน่ะ ทำไมเจ้าต้องเอาจริงเอาจังซะขนาดนี้ด้วย?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน