“ท่านแม่ ท่านกำลังพูดจาไปเรื่อยอะไรอยู่? กู้เอ้อยาอีอ้วนนั่น ข้าจะไปเสียดายที่ถอนหมั้นกับนางทำไม?”
สีหน้าสวีจิ้นหยวนเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ถ้าท่านยังพูดเรื่องแบบนี้อีก ข้าก็จะอยู่ที่สำนักแล้วไม่กลับมาอีกเลย”
แม่ม่ายสวีร้อนใจขึ้นมาทันที “เป็นความผิดของแม่เอง แม่ไม่พูดแล้ว แม่ก็เพราะเป็นห่วงเจ้า พอเห็นว่าบ้านตระกูลกู้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเจริญขึ้น ไม่แน่ต่อไปกู้เหวินจูนอาจจะสอบติดซิ่วฉายด้วย……”
“นอกจากข้า จะไม่มีใครสอบติดซิ่วฉายทั้งนั้น!”
สวีจิ้นหยวนพูดขัดแม่ม่ายสวีไปด้วยใบหน้ามืดมน “กู้เหวินจูนคือตัวอะไร เขาคู่ควรในการสอบซิ่วฉายด้วยเหรอ? แล้วก็ตระกูลกู้ รอให้ข้าสอบติดซิ่วฉายแล้ว จะไม่มีทางให้พวกมันอยู่เย็นเป็นสุขแน่”
โดยเฉพาะกู้หมิงซวง เขาจะต้องจัดการนางให้ตายให้ได้!
พูดจบ สวีจิ้นหยวนก็หมุนตัวเดินไปเลย
จ้องมองแผ่นหลังของลูกชาย แล้วแม่ม่ายสวีก็ถอนหายใจออกทีหนึ่ง นางรู้ว่าสวีจิ้นหยวนกำลังโทษตัวเองอยู่ ตอนนั้นไม่ควรหมั้นหมายกันตอนเด็กให้เขากับกู้หมิงซวง จนทำให้เขาต้องถูกผู้คนนินทาลับหลัง
แต่นางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว แล้วก็ไม่มีความสามารถในการดำรงชีวิตอะไร ถ้าไม่หมั้นหมายกันในครั้งนั้น แล้วจะเลี้ยงดูสวีจิ้นหยวนได้ยังไง? หลายปีมานี้ สวีจิ้นหยวนมีค่าใช้จ่ายในสำนักมากมาย แค่หนังสือเล่มเดียวก็สองตำลึงแล้ว เพื่อให้ลูกชายได้ศึกษาเล่าเรียน นางจึงต้องหน้าด้านหน้าทน คอยแอบเป็นคบหากับพวกผู้ชายแก่ในหมู่บ้าน ซึ่งไม่รู้ว่าถูกคนหัวเราะเยาะลับหลังไปเท่าไหร่แล้ว
ตอนนี้แม่ม่ายสวีได้แต่เฝ้าหวังว่าสวีจิ้นหยวนจะฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง รีบสอบให้ติดซิ่วฉาย นางจะได้ไม่ต้องถูกคนอื่นเหยียบย่ำแบบนี้อีก
หยิบผักด้านข้างขึ้นมา แล้วแม่ม่ายสวีก็หมุนตัวไปทำอาหารในครัว
……
ในขณะเดียวกัน กู้หมิงซวงได้โยนสวีจิ้นหยวนออกไปจากสมองตั้งนานแล้ว กำลังกลับไปที่บ้านตระกูลกู้พร้อมกับพวกนางเฉา
พอมาถึงหน้าประตู ก็เห็นกู้เสี่ยวซานก้าวขาสั้น ๆ เดินมาหา และวิ่งอย่างตื่นเต้นออกมาจากด้านในตลอดทาง
“ท่านแม่ ท่านพี่ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว!”
นางเฉารีบรับตัวเขาเอาไว้ แล้วรวบเข้ามากอดไว้ในอก แล้วพูดขึ้นอย่างรักใครว่า “เจ้าวิ่งเร็วขนาดนี้ทำไม เกิดหกล้มไปจะทำยังไง?”
กู้เสี่ยวซานสูดลมหายใจไปทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียงดังขึ้นว่า “ท่านแม่ ท่านพ่อฟื้นแล้วขอรับ! ท่านพ่อฟื้นแล้ว!”
“อะไรนะ?”
พอได้ยินคำพูดนี้ นางเฉาตื่นเต้นยิ่งกว่ากู้เสี่ยวซานซะอีก จนแทบจะกระโดดขึ้นมาเลย นางวางกู้เสี่ยวซานลง แล้วก็วิ่งราวกับจะบินเข้าไปในบ้าน
บนเตียงนอน กู้หย่วนเต้าลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว กำลังจ้องมองมาที่นางเฉาแล้วถามนางว่าหลายวันมานี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง พวกเด็ก ๆ สบายดีหรือเปล่า
“สบายดี สบายดีทุกคน”
นางเฉาก้มหน้าปาดน้ำตาไป ทั้งตื่นเต้นแล้วทั้งเสียใจ ด้านหนึ่งก็ดีใจที่กู้หย่วนเต้าฟื้นขึ้นมาแล้ว อีกด้านหนึ่งก็เป็นกังวลว่าถ้าเขารู้เรื่องที่มือตัวเองพิการไปแล้ว จะยอมรับได้หรือเปล่า
“พ่อของลูก บนตัวท่านมีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายบ้างหรือเปล่า? หิวหรือยัง ให้ข้าไปทำอะไรให้ท่านกินหน่อยไหม?”
“ข้าไม่หิว อย่าวุ่นวายไปเลย……”
กู้หย่วนเต้าอยากยกมือขึ้นไปดึงนางเฉา แต่กลับพบว่ามือทั้งคู่ของตัวเองออกแรงไม่ได้เลย ในใจเย็นวาบขึ้นมาทันที
“มือข้าเป็นอะไรไป? ทำไมออกแรงไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว?”
นางเฉาน้ำตาร่วงราวกับหยาดฝนขึ้นมาทันที และกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ออกไป จึงเอามืออุดปากตัวเองไว้แน่นและปาดน้ำตาไป
“แม่ของลูก เจ้าอย่างร้องไห้ซิ……หรือว่ามือข้า……มือข้าพิการไปแล้วใช่หรือไม่?”
นางเฉาร้องไห้จนเป็นแบบนี้ กู้หย่วนเต้าก็รู้สึกปวดใจไม่หยุด ในใจเกิดความคิดไม่ดีอย่างหนึ่งขึ้นมา หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว เขารู้สึกเหมือนว่ามือทั้งคู่เหมือนจะไร้ความรู้สึกไป แม้แต่ความเจ็บก็ยังรู้สึกเลย
มาตอนนี้ ในใจก็ยิ่งมั่นใจขึ้นมาอีกหลายเท่า
“มือข้าพิการไปแล้วจริง ๆ หรือ?”
“อย่าพูดไปเรื่อยซิ พิการไม่พิการอะไร จะต้องดีขึ้นแน่ ๆ” นางเฉาเช็ดน้ำตาจนแห้ง แล้วรีบพูดขึ้นว่า “เจ้านอนพักผ่อนไปให้ดีก่อน เดี๋ยวข้าไปฆ่าไก่ตัวหนึ่งมาตุ๋นให้เจ้ากิน”
นี่คือลูกสาวของเขาจริง ๆ หรือ?
“รับประกันไม่ใช่ตัวปลอมแน่นอนเจ้าค่ะ”
กู้หมิงซวงยิ้มขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นมาหลายวันนี้ไปรอบหนึ่ง รวมทั้งตอนนี้นางไม่ได้โง่แล้ว แถมยังมีวิชาการแพทย์ติดตัวมาด้วย
พอกู้หย่วนเต้าฟังจบ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความครุ่นคิด
“โชคดีโชคร้ายควบคู่กันไป ถึงมือคู่นี้ของข้าจะใช้การไม่ได้แล้ว แต่สวรรค์ก็ยังมีตา ในที่สุดก็ทำให้เจ้าพูดจาได้ชัดเจนสักที ขอแค่พวกเจ้าแข็งแรงปลอดภัย ถึงข้าตาย ก็คุ้มแล้ว”
“ถุย ถุย ถุย พูดไปเรื่อยอะไร คำพูดอัปมงคลพวกนี้ ต่อไปอย่าพูดอีกนะ ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป แล้วข้าจะทำยังไง?”
นางเฉารีบไปอุดปากกู้หย่วนเต้าเอาไว้
กู้หย่วนเต้ายิ้มเล็กน้อย สามารถมองออกได้ว่า เขาดีใจกับกู้หมิงซวงจริง ๆ ถึงแม้มือทั้งคู่ของตัวเองจะต้องพิการไป แต่ก็ปกปิดความดีใจที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขารู้เรื่องลูกสาวไม่โง่อีกต่อไปแล้วไว้ไม่อยู่
กู้หมิงซวงจ้องมองอยู่ข้าง ๆ ในใจรู้สึกซาบซึ้ง
ในตอนแรก ที่นางเรียกกู้หย่วนเต้าว่า“ท่านพ่อ” ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ แต่ตอนนี้ กลับรู้สึกมาจากใจจริงแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านอย่ากลุ้มใจไปเลย ข้าจะต้องรักษามือท่านให้หายให้ได้ ต่อไปจะได้กลับไปวาดภาพได้เหมือนเดิม”
กู้หย่วนเต้าอยากพยักหน้า แต่พอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้ว ก็ส่ายหน้าขึ้นมา “ช่างมันเถอะ พอข้าได้รับบาดเจ็บแบบนี้ก็เป็นตัวถ่วงของบ้านอยู่แต่แรกแล้ว ถ้ายังจะไปซื้อยามารักษาอีก จะต้องใช้เงินตั้งเท่าไหร่…… ไม่ต้องรักษามือนี้แล้ว……”
พอเห็นกู้หย่วนเต้ามีท่าทีแบบนี้ กู้หมิงซวงก็มีสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่เต็มหน้า
ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูบ้านเดียวกันจริง ๆ นางได้สังเกตเห็นแล้วจริง ๆ คนบ้านนี้ไม่ว่าจะพูดถึงเรื่องอะไร ก็ต้องคิดถึงเรื่องเงินขึ้นมาก่อนเลย
สามารถนึกภาพออกได้ พวกเขาทุกคนต่างก็หวาดกลัวความจนแล้ว ถึงได้เป็นแบบนี้……
ในวินาทีนี้ กู้หมิงซวงยิ่งรู้สึกอยากจะนำพาคนทั้งบ้านไปสู่ความร่ำรวยมากยิ่งขึ้นไปอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน
รอจ้าาาา...
ขอทางทีมงานลงต่ด้วยนะคะ...
แอดมินค่ะ จะมีอัพต่ออีกไหมค่ะ ชอบมากเลย รอๆนะค่ะ...
อยากอ่านเรื่องนี้มากกกก ค้างคาใจ แอดมินอีพเดตทีน๊าาา pleaseee...
อยากรู้จัง ซูเหิงจิ่วเป็นใคร แอดมินจ๋าอัพเดตที pleaseeeeee...
เรื่องนี้ก็สนุกมาก รออัพเดตนะค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออัพเดตนะคะแอดมิน...
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ รออัพเดทนะคะ...
รออัพเดทนะคะ please...
รออัพเดทอยู่นะคะ...