เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน นิยาย บท 33

กู้หมิงซวงใส่ยาให้ซูเหิงจิ่งเสร็จ ก็เรียกทุกคนมานั่งรวมตัวกันในสวน และปรึกษากันว่าจะจัดการกับหมูป่าตัวใหญ่นี้ยังไงดี

“ขายให้หมด ขายเป็นเงินสว่างไสว แล้วเอาไปซื้อขนมให้หมด!”

กู้เสี่ยวซานยกมือขึ้นเสนอความคิดเห็นเป็นคนแรก แล้วก็ถูกแม่ของเขาตบตูดไปฉาดหนึ่ง “รู้จักแต่ขนม ขนม ระวังกินขนมเยอะ ๆ แล้วฟันจะผุหมด แล้วแมงกินฟันจะคลานออกมาจากปากนะ”

กู้เหวินจูนพูดขึ้นว่า “ข้าเองก็เห็นด้วยกับการเอาหมูป่าตัวนี้ไปขายซะ แต่ ไม่ได้จะเอาเงินไปซื้อขนมนะ แต่เอาไปซื้อยา เงินที่ขายกลับมาได้ เอาไปซื้อยาให้ท่านพ่อทั้งหมดเลย”

ตอนนี้กู้หย่วนเต้ากินยาเข้าไป และนอนหลับไปแล้ว

วันหนึ่งแค่ยาหนึ่งชุด ก็ต้องใช้เงินยี่สิบอีแปะแล้ว แถมยังต้องซื้อของบำรุงมาบำรุงเลือดลมและร่างกายให้กู้หย่วนเต้าอีก เงินจะไปพอใช้ได้ยังไง

นางเฉาพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ยังไงก็เหวินจูนรู้เรื่องที่สุด อ๋อใช่แล้ว ซวงเอ๋อร์เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง?”

กู้หมิงซวงเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “หมูป่าตัวนี้หนักร้อยกว่าชั่ง ยังไงก็ต้องขายอยู่ดี แต่ ข้ารู้สึกว่าสามารถเก็บไว้สักส่วนหนึ่ง เก็บไว้ให้พวกเรากินเอง”

ดวงตาทั้งคู่ของนางเฉาเบิกกว้างขึ้นมาทันที “ ซวงเอ๋อร์ เจ้าว่าจะเก็บเนื้อหมูป่าส่วนหนึ่งไว้ให้เรากินเองหรือ?! นี่ นี่มันสิ้นเปลืองเกินไปแล้วมั้ง?”

ล้อเล่นอะไรกัน? นั่นมันเนื้อหมูป่าเชียวนะ!

เนื้อหมูป่าที่ราคาชั่งละสี่สิบอีแปะเชียวนะ!

อย่าว่าแต่เนื้อหมูป่าเลย คนในหมู่บ้านต้าเฉียวแค่เนื้อหมูชั่งละยี่สิบห้าอีแปะ ก็ยังต้องจุดธูปบูชาไว้ไม่ยอมกินเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเนื้อหมูป่า?

เอาอีกแล้ว……กู้หมิงซวงรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมด

นางก่ายหน้าผากขึ้นอย่างเบื่อหน่าย รู้สึกว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปรับทัศนคติของนางเฉาสักหน่อยแล้ว “ท่านแม่ ท่านจะมัวแต่เสียดายเงินไม่ได้นะเจ้าคะ ร่างกายท่านอ่อนแอ ท่านพี่ศึกษาเล่าเรียนทุกวันก็ต้องบำรุงสมอง แล้วเสี่ยวซานก็อยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโต……ครอบครัวเราจะมัวกินแต่โจ๊กข้าวเปล่ากับผักป่าอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะเจ้าคะ?”

กู้หมิงซวงรู้สึกอายที่จะเอ่ยถึงตัวเอง นางอ้วนถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่ต้องกินเนื้อหมูป่ามาบำรุงแล้ว……

นางเฉารู้สึกสงสารพวกลูก ๆ จริง ๆ ถึงจะเสียดาย แต่ก็ยอมหุบปากไปแต่โดยดี

พอปรึกษากันแล้ว กู้หมิงซวงก็ตัดสินใจเก็บขาหลังทั้งสองข้างของหมูป่าไว้

พูดแล้วก็ทำเลย ถือโอกาสตอนที่กับข้าวยังทำไม่เสร็จ นางกับซูเหิงจิ่งก็ช่วยกันลากหมูป่าไปที่ริมลำธาร

ชำแหละหมูที่ริมลำธารจะสะดวกกว่า พอชำแหละเสร็จก็จะได้ล้างมีดกับอุปกรณ์ไปด้วย แถมยังไม่ต้องทำให้สวนเปื้อนกลิ่นคาวเลือดไปด้วย

กู้หมิงซวงหาหินก้อนใหญ่ได้ก้อนหนึ่ง แล้วสั่งการให้ซูเหิงจิ่งเอาหมูป่ามาวางลง

“เจ้าทำไหวหรือ?”

ซูเหิงจิ่งจ้องมองนางทีหนึ่ง

“ก็แค่ชำแหละหมูตัวหนึ่งเอง?”

ไม่เคยกินเนื้อหมู แต่จะไม่เคยเห็นหมูวิ่งเลยหรือ? เมื่อก่อนนางเคยเห็นคนขายเนื้อชำแหละหมูนะ

กู้หมิงซวงถือมีดทำครัวขึ้นมาก็จะหั่นลงไปเลย แต่คิดไม่ถึงว่าข้อมือจะถูกสะเทือนจนรู้สึกชาไปหมด ร่างกายสะเทือนจนถอยหลังไปสองก้าวแทบจะตกลงไปในลำธารทั้งคนและมีดเลย

ดีที่ซูเหิงจิ่งหูตาว่องไวประคองเอวนางไว้ได้อย่างรวดเร็ว และรวบตัวนางกลับมาได้ทัน

ใบหน้าชนเข้ากับแผ่นอกแข็งแกร่งของชายหนุ่ม กู้หมิงซวงได้ยินเสียงหัวเราะต่ำ ๆ ของเขาได้ชัดเจน ใบหน้านางร้อนผ่าวไปถึงใบหูทันที แล้วรีบกระโดดออกมาจากอกชายหนุ่มทันที สีหน้ากลัดกลุ้มและไม่กล้ามองไปที่ชายหนุ่ม

ขายหน้า ขายหน้าจริง ๆ! นี่มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!

“ให้ข้าทำเถอะ”

ซูเหิงจิ่งคลี่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วเอามีดทำครัวไป ชายหนุ่มลับมีดทำครัวไปหลายที จากนั้นก็เริ่มวางท่าทางลงบนร่างหมูป่าขึ้นมา

จากนั้น แววตาของเขาก็เย็นชาลง อยู่ ๆ การกระทำในมือก็รวดเร็วขึ้นมาจนทำให้คนมองตาลาย แค่ในเวลาพริบตาเดียว หมูป่าที่ดูแข็งแกร่งไม่มีใครทำลายได้ก็ถูกเขาหั่นเป็นแปดชิ้น และเรียงกันเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่บนหินก้อนใหญ่

พอมองดูอย่างละเอียดแล้วถึงพบว่า เนื้อหมูป่าพวกนั้นแต่ละชิ้นใหญ่เท่ากันหมดเลย

กู้หมิงซวงคอยมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้าตกตะลึง ในใจคิดว่าผู้ชายคนนี้ทำไมถึงหั่นหมูได้เหมือนหั่นเต้าหู้เลย

“ชำแหละเสร็จแล้ว กลับบ้านเถอะ”

ซูเหิงจิ่งล้างเนื้อหมูป่าเล็กร้อย แล้วก็ใส่เข้าไปในถุงกระสอบใหม่อีกครั้ง แล้วแบกขึ้นและเดินไป

กู้หมิงซวงเพิ่งตั้งสติขึ้นมาได้ ก็รีบเดินตามไป

ระหว่างทางทั้งสองเจอกลุ่มชาวบ้านที่เพิ่งทำงานเกษตรกลับมา ในนั้นมีคนหลายคนที่ชอบพูดกล่าวทักทายกับกู้หมิงซวง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน