เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน นิยาย บท 37

กู้เหล่าไท่ไท่เองก็รู้ตัวดี กู้หมิงซวงนอนหลับสนิทจนถึงยามฟ้าสาง ก็หาได้รู้สึกตัวได้ยินเสียงอันใดอีก

ในเวลาตีห้า พอนางแต่งตัวเสร็จ ก็ออกไปวิ่งอ้อมหมู่บ้านหนึ่งรอบ แล้วจึงขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร

หากต้องการจะเปลี่ยนแปลงรูปร่าง เพียงแค่ลดหุ่นอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องดูแลตั้งแต่ใบหน้าไปถึงฝ่ามือจึงจะดี

ครั้งก่อนตอนขึ้นเขาไปกับกู้เหวินจูนนั้น นางพบว่าตรงพุ่มไม้ข้างในนั้นมีว่านหางจระเข้าป่าอยู่ ว่านหางจระเข้แก้ร้อนในและขับพิษได้ พอดีเลยจะได้เอามารักษาตุ่มฝีบนใบหน้านางได้ด้วย

จึงได้เด็ดเอาว่านหางจระเข้สองใบทิ้งใส่ลงในตระกร้าสะพาย กู้หมิงซวงก็หันไปเด็ดเอาดอกเดซี่ป่ามาอีกหนึ่งกำ ฤดูกาลนี้ดอกเดซี่กำลังผลิดอกเบ่งบาน เด็ดจนเพลินไปไม่ทันไร ตะกร้าสะพายก็เกือบเต็มเสียแล้ว

ครั้นเดินเข้าไปอีกที่ใต้ต้นไม้นั้นยังมีเห็ดกับแปะจี้ขึ้นอยู่ กู้หมิงซวงลงมือเก็บมาสักหน่อย แล้วจึงหันหลังกลับเดินลงเขาไป

ตอนเช้าที่บ้านนาอากาศแจ่มใสยิ่ง กู้หมิงซวงสาวเท้าเดินคล่องแคล่ว พบเจอผู้คนในระหว่างทางมาไม่น้อย

“โอ้ เอ้อยา ขึ้นเขาไปทำอันใดแต่เช้าหรือ”

“เก็บผักป่านิดหน่อยจ้า”

กู้หมิงซวงเอ่ยตอบไปที สองสามคำก็เดินออกมาได้ไกลแล้ว

คนในฝูงชนชายมองแผ่นหลังของกู้หมิงซวง แล้วถอดถอนหายใจเอ่ยขึ้น “เอ้อยา ช่างต่างจากเมื่อก่อนไปเสียแล้ว”

“ก็เช่นว่า มิได้ดูโง่เง่า อีกทั้งยังไม่สกปรกมอมแมมดั่งเมื่อก่อนด้วย”

“พวกเจ้าคงยังมิทราบกระมัง ได้ยินมาว่าเมื่อวานเอ้อยาไปตีเอาหมูป่าได้ที่สันเขาเสี่ยวลู่”หนิวฝู้กุ้ยในที่สุดก็หาได้โอกาสแล้ว

“ว่ายังไงนะ จริงหรือ?”

“จริงน่ะสิ พระเจ้า น้ำหนักตัวกว่าร้อยชั่ง ได้ยินสะใภ้ข้าเล่าว่า เอ้อยาทุบกำปั้นเข้าที่หัวมันทีเดียวก็ทำเอาหมูป่าตายเสียแล้ว ยกขาเตะอีกทีหนึ่ง ก็ทำเอาหมูป่าตัวกระเด็น” ประโยคหลังนั้น หนิวฝู้กุ้ยเสริมแต่งขึ้นมาเอง ป้าหนิวหาได้กล่าวเอาไว้

“เอ้อยานี่ช่างแข็งแรงถึกทนมากเสียจริง หมูป่าตั้งกว่าร้อยชั่ง ขายได้เงินมากแค่ไหนหรือนั่น?”

“อย่างน้อยก็คงได้ตั้งสี่ห้าตำลึงอยู่กระมัง”

……

เหล่าชาวบ้านต่างพากันเงียบชะงักไป แววตาล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉา หลังชนฟ้าหน้าชนดินอย่างพวกเขา อย่างมากขึ้นไปหน่อย เดือนหนึ่งก็คงหาได้แค่สองตำลึงเท่านั้น

แต่เอ้อยาเพียงลงมือไม่ทันไร ก็ได้ไปตั้งสี่ห้าตำลึง จะให้คนไม่อิจฉาตาร้อนได้อย่างไรกัน?

ทุกคนต่างหารือว่าจะพากันขึ้นสันเขาเสี่ยวลู่ดีหรือไม่ แต่สันเขาเสี่ยวลู่ล้วนเต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาต่างพากันรู้ดี

ความคิดจึงเพียงได้แค่พินิจคิดครวญอยู่ในใจ มิมีผู้ใดกล้าลงมือทำจริงๆ

กู้หมิงซวงหาได้สนว่าพวกเขากำลังพากันคิดสิ่งใด นางเองก็ได้กลับถึงเรือนแล้ว

พอเดินเข้าประตูไป ซูเหิงจิ่งก็เอ่ยถามนาง “เจ้าไปที่ใดมาหรือ?”

“ออกไปวิ่งมารอบหนึ่งน่ะ แล้วก็ไปเก็บสมุนไพรมาบางส่วน”

กู้หมิงซวงวางตะกร้าสะพายลงบนโต๊ะ เอ่ยกับนางเฉาว่า “ท่านแม่ ถ้าท่านว่างแล้ววานช่วยข้าล้างหญ้าสมุนไพรเหล่านี้ทีนะ จริงสิ ตอนเที่ยงก็เอาเห็ดในตะกร้าออกมาผัดกินด้วย ข้ากับท่านพี่จิ่งจะไปขายหมูป่าที่ตลาดกันแล้ว”

นางเฉาขานตอบทีหนึ่ง แล้วจึงเช็ดไม้เช็ดมือออกมาพูดว่า “หมูป่าใหญ่ขนาดนี้ เจ้าเอาไปกับลุงเสียงเถิด เกรงใจซูเหิงจิ่งเขาน่ะ”

“ได้เลยเจ้าค่ะ”

กู้หมิงซวงพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปทักทายกู้หยวนเต้า สีหน้ากู้หยวนเต้าดีกว่าเมื่อวานขึ้นมาก ร่างกายก็ดูมีเรี่ยวแรงขึ้น ยามออกจากบ้านก็บอกให้กู้หมิงซวงระวังตัวเองดีๆ

“รู้แล้วเจ้าค่ะ”

กู้หมิงซวงโบกมือเอ่ย

เข้าเมืองไปครานี้ ก็ได้เจอป้าหนิวกับพี่สะใภ้ซิ่งฮัวเข้าอีกแล้ว ป้าหนิวไปขายผักที่ตลาด พี่สะใภ้ซิ่งฮัวไปขายปลา ตามปกติของทุกวัน

สองคนนั้นดูจะกระตือรือร้นต่อกู้หมิงซวงยิ่ง เพียงนางขึ้นรถไป พี่สะใภ้ซิ่งฮัวก็เอ่ยทัก “เอ้อยา เจ้ามาพอดีเลย ข้ามีปลาตะปูเยอะแยะเลยแน่ะ เจ้าอยากได้สักหน่อยไหม”

กู้หมิงซวงเดินไปส่องดูที่ตะกร้าที่วางอยู่ข้างๆเท้านาง ก็เห็นมีปลาตะปูอยู่จำนวนหนึ่ง ประมาณห้าหกชั่งได้

ปลาตะปูเติบโตในสายน้ำ มีอยู่ทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี แต่ละตัวไม่ใหญ่มาก หัวโตๆหางลีบๆ เนื้อส่วนมากอยู่ที่ตัว

กู้หมิงซวงเอ่ยตอบอย่างแปลกใจ “ปลาเหล่านี้จะเอาไปขายที่ตลาดมิใช่หรือ?”

“ปลาตะปูเนื้อไม่ค่อยเยอะ ปกติไม่ค่อยมีคนใคร่ซื้อ เอาไปขายเท่าใด ก็เอากลับมาเท่านั้น หากว่าเจ้าใคร่อยากได้ ข้าจะให้เจ้าหมดนี่เลย” พี่สะใภ้ซิ่งฮัวเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา

กู้หมิงซวงครุ่นอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยตอบ “เอาอย่างงี้แล้วกัน ปลาพวกนี้ข้าเอาหมดเลย แต่เอาเป็นว่าข้าซื้อละกันนะ ท่านว่าได้หรือไม่?”

ซูเหิงจิ่งเลิกคิ้วอยู่ข้างๆ แต่ก็มิได้กล่าวอันใด รอดูอยู่นิ่งๆว่ากู้หมิงซวงคิดจะทำอันใด

“จะไปทำแบบนี้ได้ยังไงกันน่ะ ก็ข้าบอกแล้วว่าไม่เก็บเงิน……”

“ท่านใจเย็นๆก่อน ข้าไม่ได้เอาเพียงวันนี้วันเดียวไม่ ต่อไปหากว่ามีปลาตะปูอีก ก็จงส่งมาที่เรือนข้าให้หมด ท่านจะว่ายังไงหรือ?”

“นี่.......” พี่สะใภ้ซิ่งฮัวขมวดคิ้วพลัน มิใช่ว่านางมิยินยอม นางแค่นึกสงสัย กู้หมิงซวงจะเอาปลาตะปูเยอะขนาดนี้ไปทำอันใด

ปลาตะปูเหล่านี้แน่นอนว่าไม่ได้เอาไปกินเองทั้งหมด กู้หมิงซวงย่อมมีลูกเล่นอยู่แล้ว

“ได้ งั้นข้าคิดให้เจ้าชั่งละสี่อีแปะก็แล้วกันหนา”

หลังงวยงงอยู่ครู่หนึ่ง พี่สะใภ้ฮัวก็พยักหน้าตกลง อย่างไรเสียปลาเหล่านี้ก็ไม่ค่อยมีใครใคร่ซื้ออยู่แล้ว แม้นเอากลับไปก็เอาไปให้ไก่ให้เป็ดกินเปล่าๆ บัดนี้มีคนใคร่จ่ายชั่งละตั้งสี่อีแปะ ก็ถือว่าไม่ขาดทุนแล้ว

“เป็นอันตกลง หากวันหน้ามีปลาเหล่านี้อีก ก็จงส่งไปที่เรือนข้าเสีย” กู้หมิงซวงควักเอาเงินยี่สิบ

อีแปะออกมาเร็วพลัน แล้วจ่ายเป็นค่าปลาเหล่านี้

ยังไม่ทันได้เข้าเมืองพี่สะใภ้ซิ่งฮัวก็ได้เงินตั้งยี่สิบอีแปะไปเสียแล้ว นางจึงยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันใด

คนทั้งคันรถต่างพากันตกตะลึงไปหมด แต่ละคนล้วนพากันนึกแปลกใจ กู้หมิงซวงจะเอาปลาตะปูเหล่านี้ไปทำอะไรกัน

ยังไม่ทันได้ให้พวกเขาเอ่ยถาม เกวียนวัวก็เดินทางไปถึงหน้าตลาดเสียแล้ว

ครั้นพอซูเหิงจิ่งได้กระโดดลงจากรถ ก็จึงแบกเอาขาหมูเดินตรงเข้าไปในตลาด

ทั้งสองก็พากันหามุมใดมุมหนึ่ง แล้วตั้งแผงขายของขึ้นดั่งเช่นครั้งก่อนที่ผ่านมา

ในตลาดมีคนมากมายนับไม่ถ้วน แม้ว่าครั้งก่อนพวกเขาเคยก่อเรื่องเอาไว้นิดหน่อย แต่เพียงชั่วขณะหนึ่ง ก็ไม่มีใครจำเรื่องนี้ได้แล้ว

กู้หมิงซวงร้องตะโกนขายของอย่างกระตือรือร้น ไม่นานก็ดึงดูดเอากลุ่มคนไปที่หน้าร้าน

“เนื้อหมูป่าขายชั่งละเท่าไหร่หรือนี่?”

“ชั่งละสามสิบเก้าอีแปะ สองชั่งหกสิบห้าอีแปะจ้า”

เนื้อหมูป่าที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปนั้นล้วนขายกันในราคาชั่งละสี่สิบอีแปะ อย่าหาว่ากู้หมิงซวงหั่นราคาลงแค่อีแปะเดียว แต่เพียงเอ่ยปากบอกราคา ทันใดนั้นก็ทำเอาคนฟังรู้สึกว่าลดราคาถูกลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

“เนื้อหมูป่านี่สดดีหรือไม่?”

“สดดีสิ เพิ่งไปตีเอามาจากสันเขาเมื่อวานนี่เอง ท่านลองดูความสดของเนื้อสิเจ้าค่ะ ยังแน่นๆอยู่เลยแน่ะ”

“หากว่าสดดีจริงๆล่ะก็ ข้าเอาสักสองชั่งแล้วกัน”

กู้หมิงซวงพูดจากระตือรือร้น อีกทั้งนางยังเพิ่มลูกเล่นในการขาย ด้วยการหั่นเนื้อเพิ่มปริมาณให้ลูกค้าขึ้นนิดหน่อย ลูกค้าเองก็พลันรู้สึกว่าได้เนื้อแถมเพิ่มอีกตั้งเยอะ

เพียงแค่ในช่วงเช้า ทั้งสองก็พากันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

หากไม่นับรวมขาหมูป่าสองขานั้น เนื้อหมูป่าที่เหลือประมาณแปดสิบชั่งนี้ ก็ขายได้เงินมาสามตำลึงเต็มๆ ก็จึงได้เก็บแผงขาย กู้หมิงซวงแบ่งเงินยื่นให้ซูเหิงจิ่งครึ่งหนึ่ง พลางเอ่ย “หมูป่านี่เจ้าเป็นคนไปตีมา เงินส่วนนี้แบ่งให้เจ้า”

“มิเป็นไรหรอก”

ซูเหิงจิ่งส่ายหน้าเบาๆ เขาหาได้ใส่ใจเงินเหล่านั้นไม่

“เจ้ารับไว้เสียเถิด ถ้าเกิดว่าเจ้าต้องการใช้เงินขึ้นมาล่ะ?” กู้หมิงซวงกังขา

ซูเหิงจิ่งกลอกตาไปมา แล้วส่งสายตามองมาที่กู้หมิงซวง พลันเอ่ยขึ้น “งั้นเจ้าก็เก็บไว้แทนข้าสิ”

“หา?”

กู้หมิงซวงยังไม่หายงุนงง ก็เห็นชายหนุ่มเก็บของพลันเดินจากไปเสียแล้ว

งั้นก็ได้แล้วกัน…

นี่คงเป็นครั้งแรกที่เห็นคนไม่ต้องการเงิน กู้หมิงซวงไร้หนทาง จึงทำได้แต่เก็บรวมเงินไว้กับตัวเองก่อน รอภายหน้ามีโอกาส จึงจักเอาไปคืนให้ซูเหิงจิ่งทีเดียว

ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกจากตลาดไปนั้น ทันใดก็เกิดเสียงดังโวยวายขึ้นท่านกลางฝูงชน

“เหล่าไท่ไท่ เหล่าไท่ไท่ ท่านฟื้นขึ้นมาสิเจ้าคะ……”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน