น้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดรวดร้าวนี้ ทำเอาผู้คนอดไม่ได้ที่จะจับจ้อง
กู้หมิงซวงชะงักฝีเท้าลง เห็นผู้คนรอบๆต่างวิ่งเข้าไปรายล้อม นางจึงขมวดคิ้วขึ้นทันใด
“ไปกัน เราไปดูเสียหน่อยเถิด”
ทั้งสองเดินก้าวเข้าไปในฝูงชน แต่ไฉนกู้หมิงซวงนั้นเตี้ยเกินไป จึงมิสามารถมองเห็นได้ว่าข้างในเกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่
ขณะเดียวกัน ซูเหิงจิ่งจับกุมฝ่ามือของนาง ร่างสูงใหญ่เดินเปิดทางไปข้างหน้า พานางแทรกตรงเข้าไปข้างในฝูงชน
ชายหนุ่มฝ่ามือใหญ่กว้างเย็นเฉียบซึ่งต่างจากฝ่ามือเล็กๆอวบๆของกู้หมิงซวงอย่างชัดเจน
ใบหน้ากู้หมิงซวงร้อนขึ้นวูบหนึ่ง ครั้นพอแทรกเข้าไปได้แล้ว ก็พลันชักมือกลับออกมาทันที
ขณะเดียวกัน นางก็ได้เห็นการณ์เหตุภายในวงล้อมฝูงชน
พบหญิงชราผู้หนึ่งที่กำลังล้มกองอยู่กับพื้น ตาเหลือกถลน เนื้อตัวเขียวซีด หายไม่ออก
ข้างๆหญิงชรานั้นมีสาวน้อยอายุราวๆสิบห้าสิบหกปี เกล้าผมมวยทรงสาวใช้ ร้องไห้ตาแดงมองไปที่ผู้คนรอบๆ “มีหมอหรือไม่ ช่วยไปเรียกหมอมาให้เหล่าไท่ไท่ข้าทีสิ เหล่าไท่ไท่ท่านอย่าเป็นอันใดไปเด็ดขาดนะเจ้าคะ ท่านรีบฟื้นขึ้นมาสิ……”
แม้จะมีผู้มากมายมุงดูอยู่รอบๆ แต่ก็มิมีผู้ใดก้าวขาเข้าไปช่วยเหลือรักษา หรือแม้แต่ช่วยไปเรียกหมอ หญิงชราผู้นี้ก็ดูจะไม่ไหวแล้ว แต่ละคนต่างก็กลัวว่าจะเพิ่มความยุ่งยากเปล่าๆ
หามีผู้ใดสนใจตนไม่ สาวใช้ร้องไห้ออกมาอย่างร้อนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ในขณะนี้ เสียงเย็นชาดังขึ้น: "ข้าสามารถช่วยเหล่าไท่ไท่ของเจ้าได้"
“ใครกัน?”
สาวใช้เหลือบตามองดูทันใด ราวดั่งเช่นคนใกล้จมน้ำตายคว้าได้ซากต้นหญ้า นัยน์ตาพลันฉายเต็มไปด้วยความหวัง
แต่ครั้นเมื่อนางมองเห็นเจ้าของน้ำเสียงเมื่อครู่ ก็นึกท้อถอยใจขึ้นมาทันที
เจ้าของน้ำเสียงมองแล้วอายุเพียงราวๆสิบสองปีเท่านั้น อีอ้วนตัวดำน่าเกลียดผู้นี่ มองดูยังไงก็ดูไม่น่าจะพึ่งพาได้เลยแม้แต่น้อย
บางทีอาจเป็นเพราะนางไร้ซึ่งหนทางแล้ว สาวใช้ไม่อาจไปเรียกหมอมาได้ บัดนี้ต่อให้จะเป็นจะตายอย่างไร ก็มองเห็นเพียงความหวังริบหรี่อันสุดท้ายแล้ว
นางเหลือบมองอีกฝ่าย เอ่ยอย่างสงสัยขึ้น “เจ้า เจ้าเป็นวิชาการแพทย์หรือ?”
“ก็พอไหวน่ะ”
เจ้าของน้ำเสียงนี้ก็คือกู้หมิงซวง
นางยื่นตะกร้าสะพายส่งให้ซูเหิงจิ่ง แล้วก้าวออกไปข้างหน้าทันที พับเพียบลงข้างๆหญิงชราแล้ววินิจฉัยดูอาการของหญิงชรา
ครั้นได้ถอยออกมาห่างๆแล้ว สาวใช้มองเห็นได้ว่ารูปลักษณ์ของกู้หมิงซวงนั้นไม่ต้องตาคนมอง แต่เมื่อเพ่งมองดูชัดๆแล้ว ถึงได้รู้ว่าไม่เพียงไม่ต้องตาคนมองเท่านั้น แต่มันช่างน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่สุดไปเลย
ใบหน้าเต็มไปด้วยตุ่มฝี มืออวบๆดำๆ……นางเป็นหมอแน่จริงๆหรือนั่น?
สาวใช้นึกกังวลขึ้นหน่อยๆ นางเกรงว่าตนจะหาคนที่พึ่งพาไม่ได้มาเสียแล้ว อีกทั้งในสถานการณ์เป็นตายเช่นนี้อาจจะมาทำอันตรายกับเหล่าไท่ไท่แทนก็เป็นได้
ในขณะเดียวกัน ก็พลันแว่วเสียงเย้ยหยันขึ้นท่ามกลางเหล่าฝูงชน
“หาได้มีหมออายุเยาว์ถึงเพียงเสียที่ไหนกันเล่า?”
“นี่ไง……อายุเพียงสิบสอง สิบสามกระมัง เจ้ามองดูตุ่มฝีเต็มใบหน้านั่นสิ ทั้งอ้วนขนาดนี้อีก คงจะมิใช่นักต้มตุ๋นหรอกกระมัง?”
“นักต้มตุ๋น นางต้องเป็นนักต้มตุ๋นเป็นแน่”
“เหล่าไท่ไท่นางใกล้จะไม่ไหวอยู่แล้ว ยังจะมาหลอกลวงต้มตุ๋นอยู่อีกรึ นางคนสารเลว……”
คำส่อเสียดจากเหล่าคนที่รุมล้อม ยิ่งเอ่ยยิ่งฟังไม่เข้าหู
หากเป็นสถานการณ์ปกติทั้วไปแล้วล่ะก็ กู้หมิงซวงจักต้องด่ากลับไปให้หนักเรียงหัวเลยเป็นแน่
แต่บัดนี้ นางกำลังตรวจวินิจฉัยอาการของเหล่าไท่ไท่อยู่ ฉะนั้นนางจึงหาได้มีเวลาว่างไปใส่ใจพวกเขาไม่
ในยามรักษาอาการป่วยนั้น นางต้องตั้งใจเพ่งสมาธิอย่างเต็มส่วน
“แม่นางน้อย ข้าว่าเจ้าอย่าได้ถูกอีอ้วนนี่ลวงหลอกอยู่เลย เจ้าดูตั้งแต่หัวจรดเท้านางดูคล้ายหมอเสียที่ไหนกัน?”
สาวใช้นึกลังเลใจขึ้นมาพลัน นางหันหน้าไปมองที่กู้หมิงซวง กู้หมิงซวงแม้นจะมีรูปร่างอัปลักษณ์เป็นอย่างมาก แต่ดวงตาทั้งคู่กลับสุกสกาวราวดวงดาวบนท้องนภา จดจ่อมุ่งมั่นจนผู้คนรอบๆข้างเริ่มแยกย้ายออกไป
ก็หารู้ว่าเหตุใด สาวใช้จึงพลันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อยๆ
เจ้าคนที่พูดนั้น เห็นอยู่ว่าสาวใช้หาได้สนใจ แต่ก็ยังเอ่ยต่ออยู่มิหยุด ซูเหิงจิ่งก้าวไปตรงหน้าเขาทันใด แล้วจึงบิดเข้าที่ข้อมือคนผู้นั้น ก่อนเอ่ยเย็นชาขึ้น “หากยังกล้าพูดมากความอยู่อีก ข้าจักไม่ให้เจ้าได้อ้าปากพูดอีกตลอดไปเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน
รอจ้าาาา...
ขอทางทีมงานลงต่ด้วยนะคะ...
แอดมินค่ะ จะมีอัพต่ออีกไหมค่ะ ชอบมากเลย รอๆนะค่ะ...
อยากอ่านเรื่องนี้มากกกก ค้างคาใจ แอดมินอีพเดตทีน๊าาา pleaseee...
อยากรู้จัง ซูเหิงจิ่วเป็นใคร แอดมินจ๋าอัพเดตที pleaseeeeee...
เรื่องนี้ก็สนุกมาก รออัพเดตนะค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออัพเดตนะคะแอดมิน...
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ รออัพเดทนะคะ...
รออัพเดทนะคะ please...
รออัพเดทอยู่นะคะ...