เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน นิยาย บท 41

ซูเหิงจิ่งชิมไปหนึ่งคำ ก็เผยความอัศจรรย์ใจขึ้นในแววตา

รสชาติของปลาเผ็ดนี้ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง เขาขึ้นเหนือล่องใต้ก็พบเจอของกินอร่อยมาไม่น้อย แต่ปลาเผ็ดอันรสชาติสดใหม่ละมุนลิ้นเช่นนี้ ยังไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน

รสชาติเผ็ดถึงพริกถึงขิง ราวกับมีมนตร์วิเศษ สะกดให้คนชิมหยุดกินไม่ได้

ในใจชื่มชมนัก ซูเหิงจิ่งกลับมิได้เอื้อนเอ่ยอันใด กระทั่งเคี้ยวช้าๆหมดไปหนึ่งคำ ฝ่ายกู้หมิงซวงก็รอฟังคำตอบอย่างร้อนใจ เขาจึงได้พยักหน้าเอ่ย “อร่อย”

“งั้นก็ดียิ่งนัก!”

กู้หมิงซวงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปลาเผ็ดนี้เป็นของกินเล่นที่นางถ่ายทอดเอามาจากยุคปัจจุบัน

ตอนอยู่ในยุคปัจจุบันนั้น พอว่างจากปรุงยาพิษนางก็ชอบคิดค้นสูตรขนมทานเล่น นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เอามาใช้ประโยชน์ในยามนี้

ของกินในยุคโบราณก็มีอยู่ไม่น้อย แต่กลับมีแต่จำพวกคล้ายๆขนมกุ้ยฮวาอยู่เต็มไปหมด นางเชื่อว่าปลาเผ็ดของนางนั้นจักต้องสามารถบุกเบิกเส้นทางสายใหม่ได้อย่างแน่นอน

“นอกจากปลาเผ็ดแล้ว ข้ายังนึกอยากจะทำอีกอย่างหนึ่ง”

“อันใดหรือ?” คนทั้งครอบครัวมองนางอย่างสงสัย

“แกงน้ำบ๊วยเปรี้ยว”

แกงน้ำบ๊วยเปรี้ยวสามารถดับกระหาย คลายร้อนได้ ซึ่งเหมาะดื่มในช่วงอากาศร้อนจัดเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง

อีกทั้งปลาเผ็ดแม้ว่าจะมีรสชาติเอร็ดอร่อย แต่หากกินเข้าไปเยอะๆก็เผ็ดร้อนในปาก หากได้ทานคู่กับแกงน้ำบ๊วยเปรี้ยวเปรี้ยวๆหวานๆสักถ้วย คงนับได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งอาหารในโลกหล้าเลยก็ว่าได้

บ๊วยดำหาซื้อจากข้างนอกไม่ได้ แต่กู้หมิงซวงจำได้ว่าตอนขึ้นสันเขาเสี่ยวลู่ พบว่ามีต้นบ๊วยดำป่าอยู่ตั้งหลายต้น

นางวางแผนจะขึ้นสันเขาเสี่ยวลู่ไปสักรอบ ไปเก็บเอาบ๊วยดำบนเขาลงมาให้หมดเลย

เมื่อในใจเกิดความคิดขึ้น จึงพักผ่อนเอาแรงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่กู้หมิงซวงจะแบกตะกร้าไม้ไผ่ออกเดินทางไป

พอเดินถึงหน้าประตู ตะกร้าไม้ไผ่ก็โดนคว้าเอาไว้ ซูเหิงจิ่งตามมาจากด้านหลังเอ่ยขึ้น “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านเถิด” ไปตลาดเมื่อเช้านี้ ก็มีแต่เขาเป็นผู้ลงแรง บนร่างอีกฝ่ายก็บาดเจ็บมากพออยู่แล้ว

“เจ้าจักไปสันเขาเสี่ยวลู่มิใช่หรือ สันเขาเสี่ยวลู่มันอันตราย……”

ซูเหิงจิ่งยังมิทันได้เอ่ยขาดคำ กู้หมิงซวงก็กระโดดขึ้นปิดปากเขาไว้ “เบาๆหน่อยสิ อย่าให้ท่านแม่ข้าได้ยินเชียวหนา!”

ชายหนุ่มอึ้งไปชั่วขณะ เพราะยังไม่เคยมีผู้ใดปฏิบัติกับเขาด้วยท่าทีเช่นนี้มาก่อน

ฝ่ามือของหญิงสาวนั้นอ่อนนุ่ม และมีกลิ่นหญ้าสมุนไพรปะปนอยู่ ออกจะหอมน่าดมอยู่หน่อยๆด้วย

กู้หมิงซวงปล่อยมือ แล้วเอ่ยกระซิบเบาๆ“จักไปก็ไป แต่ต่อไปห้ามเอ่ยชื่อสันเขาเสี่ยวลู่อีกเป็นอันขาด หากว่าแม่ข้ารู้เข้า ข้ากับเจ้าเป็นเรื่องแน่”

“ได้สิ”

ชายหนุ่มคว้าเอาขวานในมือนางกับตะกร้าไม้ไผ่ไป จากนั้นจึงพากันมุ่งหน้าขึ้นสันเขาเสี่ยวลู่

เหมือนดั่งเมื่อก่อนอีกเช่นเคย ข้างในสันเขาเสี่ยวลู่นั้นเงียบสงัดเป็นอย่างมาก ป่าไม้หนาสกุณาอยู่สูง แม้ฝนจะไม่ได้ตก แต่ข้างในป่ากลับล้วนมีหมอกปกคลุมอยู่เต็มไปหมด หากมิใช่คนคุ้นทางล่ะก็ เดินไปสองก้าวก็อาจจะหลงทางได้

คราก่อนทางที่กู้หมิงซวงเหยียบออกมานั้นก็หายไปแล้ว ดีที่นางยังจำทิศทางได้ เดินไปไม่ทันไร ก็ได้เจอเข้ากับต้นบ๊วยดำกลางหุบเขาต้นนั้นเข้าซะแล้ว

กู้หมิงซวงตาเป็นประกาย แล้วรีบวิ่งเข้าไปทันที

ตรงนี้มีต้นบ๊วยดำราวๆห้าหกต้น เกิดเรียงกันอยู่ข้างลำธาร แต่ละต้นล้วนออกลูกห้อยอยู่เต็มไปหมด กู้หมิงซวงจำได้ว่าตนมาเมื่อครั้งก่อนนั้น ผลบ๊วยดำเหล่านั้นยังเป็นสีเขียวอยู่เลย

ผ่านไปไม่กี่วัน ก็สุกงอมไปไม่น้อยทีเดียว ล้วนเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำไปแล้ว

ซูเหิ่งจิ่งจ้องมองที่ผลไม้ลูกสีม่วงดำเหล่านั้น นัยน์ตาพลันฉายแววครุ่นคิด“ลูกไม้เหล่านั้นกินได้แน่หรือ?”

“ก็กินได้แน่น่ะสิ นี่เรียกว่าบ๊วยดำ หากกินเข้าไปตรงๆเลยรสชาติจะเปรี้ยวมาก โดยปกติแล้วไม่ค่อยมีคนนิยมเอาไปกินเป็นผลไม้ ต้องเอามาทำเป็นแกงน้ำบ๊วยเปรี้ยว หรือไม่ก็ต้มปรุงเป็นยา อันที่จริงข้อดีมันก็ไม่ได้มีมากไปกว่านี้แล้วแหละ”

ซูเหิงจิ่งดวงตาเป็นประกาย “ซวงเอ๋อร์ เจ้านี่ความรู้มากเสียจริงหนา”

บทที่ 41 เก็บลูกหมาป่าได้ตัวหนึ่ง 1

บทที่ 41 เก็บลูกหมาป่าได้ตัวหนึ่ง 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน