“เหมือนจะเป็นสวีเฟิงฉิน”
“หรือจะมาชดใช้?”
กู้เจ้าสามถูกทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้ คนเราหากรู้สำนึก ต่อให้ไม่ชดใช้ค่าเสียหาย ก็ควรที่จะก้มหัวสำนึกผิดบ้าง
กู้เหวินจูนเหลือบมองบิดาที่นอนอยู่บนเตียงไม้ จากนั้นก็กำหมัดแน่น “ท่านแม่อยู่ในนี้ไปก่อน ข้าจะออกไปดู ไม่ว่าตระกูลสวีจะมาเพื่อขอชดใช้หรือไม่ ท่านพ่อถูกทำร้ายถึงเพียงนี้แล้ว ข้าจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆเด็ดขาด!”
นางเฉาพยักหน้าโดยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
นางเป็นพวกอ่อนแอขี้ขลาด พอสามีล้มป่วย จึงต้องฝากความเชื่อมันไว้ที่บุตรชาย
ด้านกู้หมิงซวงที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับกระตุกยิ้มออกมา
นางขำที่นางเฉากับกู้เหวินจูนใสซื่อเกินไป อย่างสวีเฟิงเฉินน่ะหรือจะยอมมาก้มหัวขอขมาถึงที่ เกรงว่าจะหาเรื่องเสียมากกว่า
แต่ก็ดีเหมือนกัน เดิมทีนางก็กำลังคิดอยู่แล้วว่าควรไปสั่งสอนตระกูลสวีเมื่อไหร่ ในเมื่ออีกฝ่ายมาหาถึงที่ขนาดนี้จักรอช้าอยู่ไย
ยิ่งชักช้าเท่าไหร่ สวีเฟิงฉินที่อยู่ข้างนอกก็พ่นคำด่าทอออกมาหยาบคาย
“กู้เอ้อยา อีหมูอ้วน นังลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน ถ้ายังไม่โผล่หัวออกมา ข้าจะพาคนมาด่าทอเจ้าถึงหน้าบ้าน ดูซิเจ้าจะหลบไปได้สักกี่น้ำ”
สีหน้าของกู้เหวินจูนย่ำแย่สุดขีด
เขาไม่ได้โง่ เดิมทีนึกว่าอีกฝ่ายจะมาชดใช้เสียอีก แต่หลังจากได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ก็รู้ได้ในทันทีว่ามาทวงหนี้
เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ทันทีที่กู้เหวินจูนเปิดประตูออก สวีเฟิงฉินก็กระชากเสื้อของกู้เหวินจูน ตะคอกถามเเสียงหวีดแหลมว่า “อีอ้วนกู้เอ้อยานั่นอยู่ไหน?”
สวีเฟิงฉินครบสูตรสตรีดุห่ามในชนบททุกระเบียดนิ้ว คนผอมกะหร่องอย่างกู้เหวินจูนไยจะไปต้านไหว เขาต้องออกแรงเกือบสุดตัวกว่าจะดึงชายเสื้อของตัวเองออกมาจากมืออีกฝ่ายได้ จากนั้นกู้เหวินจูนก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้ามาหาซวงเอ๋อร์ทำไม?”
“มาหานางทำไมงั้นหรือ? คิดว่าข้ามาหานางเพราะมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหรือกระไร? รีบเรียกนังบ้านั่นออกมาได้ละ นางทำร้ายข้าจนมีสภาพเช่นนี้ หากนางไม่ยอมชดใช้ให้ข้าล่ะก็ ข้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
สวีเฟิงฉินกล่าวอย่างเดือดจัด จนน้ำลายกระเด็นลอดไรฟันออกมา ร้อนถึงกู้เหวินจูนต้องถอยหลบ
“ซวงเอ๋อร์ไปทำร้ายเจ้าเมื่อใดกัน? มีแต่ตระกูลสวีของเจ้านั่นแหละที่ทำร้ายพ่อข้ากับซวงเอ๋อร์ ไยเจ้าต้องโยนความผิดให้ผู้อื่นเช่นนี้?”
“ข้าโยนความผิด? มาๆๆ เจ้ามาดูรอยฟันบนแขนข้ามันจะไม่ใช่รอยกัดของอีอ้วนได้เยี่ยงไร? หากเด็กเปรตอย่างกู้เอ้อยาเกิดขี้ขลาดไม่กล้าออกมาก็จงได้ อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตรสาวของตระกูลกู้ ดังนั้นแผลนี้ก็ให้ตระกูลกู้รับผิดชอบแทนนางก็แล้วกัน!”
ขณะที่พูด สวีเฟิงฉินก็กวาดสายตามองไปทั่ว จนหยุดมองที่แม่ไก่ในเหล้า จากนั้นก็เอ่ยด้วยท่าทางละโมบโลภมาก
“เอาเยี่ยงนี้ ข้าจะเห็นแก่ที่กู้เจ้าสามเพิ่งเกิดเรื่อง ข้าจักไม่เอากระไรมากมาย แต่เจ้าต้องให้ข้าจับแม่ไก่สามตัวนั้นไปต้มกินบำรุงกาย แล้วข้าจะยอมปล่อยพวกเจ้าไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เหวินจูนก็โกรธจนมือทั้งสองข้างสั่นเทา ใบหน้าดำคล้ำเขียว
หน้าไม่อาย!
ช่างน่าไม่อาย!
ท่านพ่อเพิ่งเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมา ซ้ำตอนนี้ยังนอนหมดสติยังไม่ฟื้น
แต่ตระกูลสวีไม่เพียงแค่ไม่ยอมชดใช้ แต่กลับฉวยโอกาสช่วงที่ตระกูลกู้กำลังชุลมุน มาขอค่าสินไหมถึงที่
พูดออกมาได้อย่างไร ว่าขอแม่ไก่สามตัว!
ไยพวกเขาไม่มาขโมยเอาเลยล่ะ?
คิดมาถึงตรงนี้ได้ไม่ทันไร ก็เห็นสวีเฟิงฉินข้ามเหล้าไก่เข้าไปโดยไม่แม้แต่จะขออนุญาตกู้หวินจูน แล้วไล่จับแม่ไก่ใส่กระสอบทั้งซ้ายขวา
“นี่มันไก่ของพวกข้า เจ้าจะเอาไปไม่ได้!”
แม้นกู้เหวินจูนจะเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัว แต่ก็มีอายุเพียงแค่สิบสี่ปี เมื่อเห็นสวีเฟิงฉินเอาของหนึ่งเดียวที่สามารถแลกเป็นเงินหาเลี้ยงท้องไส้ของคนในบ้านได้ กรอบตาของเขาพลันแดงก่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน
รอจ้าาาา...
ขอทางทีมงานลงต่ด้วยนะคะ...
แอดมินค่ะ จะมีอัพต่ออีกไหมค่ะ ชอบมากเลย รอๆนะค่ะ...
อยากอ่านเรื่องนี้มากกกก ค้างคาใจ แอดมินอีพเดตทีน๊าาา pleaseee...
อยากรู้จัง ซูเหิงจิ่วเป็นใคร แอดมินจ๋าอัพเดตที pleaseeeeee...
เรื่องนี้ก็สนุกมาก รออัพเดตนะค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออัพเดตนะคะแอดมิน...
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ รออัพเดทนะคะ...
รออัพเดทนะคะ please...
รออัพเดทอยู่นะคะ...