เดิมทีสวีซุ่ยหนิงกำลังจะพักผ่อน แต่อยู่ๆ เธอก็ได้รับข้อความจากลั่วจือเห้อ เขาถามเธอว่าอยากจะคุยกันหน่อยไหม เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ลงไปเจอเขา
หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเขาพูดว่า ไม่ใช่ว่าช่วยเธอไม่ได้
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกประหลาดใจ แต่ว่าเธอก็ยังคงท่าทีสงบเอาไว้ เมื่อกี้เขาไม่ยอม ดูเหมือนว่าเรื่องราวคงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด: "ฉันมีอะไรที่ช่วยนายได้หรือไง?"
"เธอพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเมื่อกี้ที่ฉันพูดมันแรงไปหน่อย" ลั่วจือเห้อหันหน้ามามองเธอ แล้วหยอกเล่น
สวีซุ่ยหนิงส่ายหน้า เธอเอ่ยว่า: "พวกเราไม่ใช่ศัตรูในคราบมิตรสหายเสียหน่อย นายไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องช่วยฉันตั้งแต่แรก"
ยินดีที่จะช่วย ก็ถือว่าใจดี ไม่ยินดีช่วย ก็เป็นเรื่องของเขา เขาไม่ได้ติดค้างอะไรเธอเสียหน่อย
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในร้านกาแฟ ลั่วจือเห้อจ้องเธอ นิ้วของเขาเคาะลงบนโต๊ะแก้เบื่อ: "แต่ที่ฉันบอกเธอว่าจะช่วย ไม่ได้หมายความว่าฉันจะวางแผนอะไรหรอกนะ ก็แค่ต่อไปถ้าเธอเจอเรื่องลำบากอะไร ก็มาหาฉันได้"
สวีซุ่ยหนิงเม้มปาก แล้วขอบคุณเขา
ลั่วจือเห้อยกยิ้ม แล้วเอ่ยว่า "เมื่อกี้เพื่อนของฉันบอกว่า ตอนเธอทำตัวดื้อรั้น เรียกให้คนมองเอ็นดูอยู่เหมือนกัน"
สวีซุ่ยหนิงขำเสียงเบา: "คงเป็นเพราะว่าฉันอ่อนแอเกินไป อ่อนแอจนคนอื่นสงสาร"
ลั่วจือเห้ออ้าปาก เหมือนเขาอยากเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ยอมเอ่ยมันออกมา แล้วเขาก็เอ่ยออกมาว่า: "เฉินลู่น่ะ พ่อแม่เขาค่อนข้างจะน่ารำคาญอยู่เล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะขาดความรัก เธอทำดีกับเขาหน่อย ไม่ว่าจะจริงหรือหลอก เธอแกล้งแสดงว่ารักเขาได้ก็ขอให้ทำ แล้วก็ยังมีทางด้านเจียงเจ๋อ-"
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงจะเอ่ยออกมา: "ตอนนี้เขาดูไม่มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว"
สวีซุ่ยหนิงไม่พูดอะไร
เมื่อกี้ลั่วจือเห้อก็เพิ่งจะได้ฟังเพื่อนเหมือนกัน เขามักจะนึกถึงตอนที่สวีซุ่ยหนิงจากไปด้วยท่าทางซึมๆ นั่นเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจเขามาก ดังนั้นก็เลยมาเจอเธออีกครั้ง
หลังจากที่ได้บอกออกไป ก็สบายใจขึ้นมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...