สวีซุ่ยหนิงมองเห็นเฉินลู่ในขณะนั้น หัวใจได้ตกลงไปที่พื้น เขาไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องสิ่งของของเขา และมีอาณาเขตของเขาอย่างมาก
ปฏิกิริยาแรกของเธอคือ หันเก้าอี้หนีเขาทันที โดยมีกลิ่นอายความโง่เขลาเล็กน้อย
เฉินลู่รู้สึกขบขัน เดินเข้ามา จับเก้าอี้หันกลับ จากนั้นวางมือคู่นั้นไปข้างเก้าอี้ แล้วมองดูเธออย่างประชดประชัน “ซ่อนอะไร?”
สวีซุ่ยหนิงนอกจากวินาทีนั้นแล้วยังไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย แต่ภายหลังรู้แล้วว่าส่วนใหญ่เขาล้อเล่น
“ฉันหิวแล้ว" เธอใส่แฟลชไดรฟ์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อให้เขา และมองเขาด้วยตาปริบๆ
เฉินลู่ไม่ได้ถอดเสื้อกาวน์ ยืดตัวขึ้น และพูดว่า “ไปเถอะ”
สวีซุ่ยหนิง “เราไปทานที่ไหน?”
“โรงอาหาร” เฉินลู่กล่าว “อีกหน่อยยังต้องทำงาน ออกไปกลัวกลับมาไม่ทัน”
สวีซุ่ยหนิงไม่เรื่องมากว่าจะกินอะไร เมื่อไปที่โรงอาหารของโรงพยาบาลกับเฉินลู่ มีหลายคนทักทายเธอ
เธอขี้เกียจเข้าแถว เมื่อเฉินลู่ไปตักอาหารเย็นเธอจงใจคุยกับเจี่ยงหนานตั๋ว สุดท้ายได้ยินเฉินลู่เรียกเธอจากระยะไกล "ซุ่ยซุ่ย”
น้อยครั้งมากที่สวีซุ่ยหนิงจะถูกคนเรียกแบบนี้ จึงตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก็ไม่มีการตอบสนองว่าเขากำลังเรียกตัวเองไหม และได้เห็นเขาจ้องมองมาที่ตัวเอง ถึงได้เดินเข้าไปหาเขา
“เธอเลือกดูว่าจะกินอะไร”
สวีซุ่ยหนิงมองไปที่กระจกอาหาร เลือกมาล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อ
เฉินลู่กล่าว "เธอไม่กินผักแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ”
สวีซุ่ยหนิงสั่งผักเพิ่มอีกสองจานอย่างไม่เต็มใจ และกล่าวว่า "นายไปหาที่นั่งนะ ฉันจะไปซื้อเครื่องดื่มหน่อย"
เธอกลับมาพร้อมชานม แวบแรกได้มองเห็นเฉินลู่นั่งอยู่ในมุมหนึ่ง เมื่อสวีซุ่ยหนิงเดินเข้าไปก็ได้ยื่นชานมให้เขา
เฉินลู่ไม่ได้ดื่มของแบบนี้ ไม่แตะต้อง แค่พูดว่า “เมื่อครู่เพิ่งรับสาย ป้าของฉันยังต้องการเจรจากับเธอเรื่องของเจียงเจ๋อ หล่อนอยากจะจัดการเงียบๆ”
คดีฟ้องร้อง ถึงแม้จะไม่สามารถถอนฟ้องและประนีประนอมได้ แต่สามารถขอการอภัยโทษและผ่อนปรนได้
สวีซุ่ยหนิงเม้มริมฝีปาก กล่าวว่า "นายคิดว่าฉันควรทำอย่างไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...