สายนี้ที่เขาโทรมาทำให้สวีซุ่ยหนิงรู้สึกแย่มากจริงๆ แค่คิดถึงโจวอี้ เธอก็ทนไม่ไหว
เธออยากจะกระโดดลงแม่น้ำนี่ให้ตัวเองป่วย ให้เฉินลู่เสียใจเสียบ้าง
แต่ลองคิดอีกที เฉินลู่นั้นไม่คู่ควร โจวอี้เองก็ไม่คู่กับการเสียสละของเธอ
วันนี้เป็นวันหยุดปลายสัปดาห์ เธอมีคนรู้จักอยู่ที่เมืองนี้หลายคน เธอก็เลยโพสต์ลงวีแชท ถามว่ามีใครว่างอยากออกมาเที่ยวด้วยกันไหม
และโพสต์นี้เธอก็ตั้งใจตั้งค่าไม่ให้เฉินลู่เห็นด้วย
ที่จริงสวีซุ่ยหนิงไม่ได้หวังอะไรมากนัก อย่างไรเสียเวลานี้ ทุกคนต่างก็น่าจะไปใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ว่าเรื่องบางเรื่อง ลองทำดู อาจจะมีผลลัพธ์ก็ได้
ไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเอง
สวีซุ่ยหนิงลองก้มมอง ที่แท้ก็ลั่วจือเห้อ เขาถามว่าเธออยู่ที่ไหน
เธอก็เลยส่งสถานที่ให้เขา
ลั่วจือเห้อชอบเที่ยวเด็กแต่ยังเด็ก ยิ่งเมืองนี้เขานั้นรู้จักดี เขาเลยบอกให้เธอรอ
สวีซุ่ยหนิงถาม: นายกลับมาจากเมืองhแล้วเหรอ?
ลั่วจือเห้อพิมพ์ตอบเธอว่ากลับมาแล้วไปด้วย พลางลุกขึ้นจากวงเหล้าไปด้วย เขาเอ่ยบอกทุกคนว่า: "พวกนายเล่นกันไปเลย ฉันขอตัวก่อน"
เพื่อนหลายๆ คน เอ่ยอย่างสงสัย: "ตอนเย็นก็แบบนี้ ตอนแรกนายนั่งเล่นไพ่อยู่ดีๆ อยู่ๆ ก็ขอให้คนข้างๆ ลงไพ่แทนนาย แต่ตัวเองกลับเดินไปรับโทรศัพท์ข้างๆ ไอ้ลั่ว ช่วงนี้ นายมีเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ใช่ไหมล่ะ?"
ลั่วจือเห้อเตะคนพูดไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ด่าเขายิ้มๆ: "พอๆๆ นายคิดว่าฉันเป็นสัตว์ป่าหรือไง? ฉันกำลังช่วยเพื่อนวางแผน ช่วยให้เธอหายโมโห"
"ดูสินายเตะคนอื่นอีกต่างหาก น่าอิจฉาจริงๆ"
ลั่วจือเห้อขี้เกียจจะสนใจเขาต่อ เขารีบขับรถไปตามที่อยู่ริมแม่น้ำที่สวีซุ่ยหนิงส่งมา
ในตอนที่เขามาถึง เธอกำลังใช้มือทั้งสองข้างทึ้งหัวตัวเอง ดูเครียดมาก เอาแต่ถอนหายใจ
สวีซุ่ยหนิงเป็นคนหน้าตาดี แต่ว่าหน้าตาดูเหมือนเด็ก เวลาเธอเครียดเลยดูเหมือนกับเด็กเล็กๆ ที่กำลังคิดอะไรไม่ออก ดูน่ารักน่าเอ็นดู
ในตอนนั้น ที่เธอเอาจดหมายมาสอดไว้ที่ห้องของเขา เธอก็มีท่าทีครุ่นคิดเคร่งเครียดแบบนี้เหมือนกัน เธอส่ายหน้าแล้วรีบยัดจดหมายไว้ใต้ประตู
ที่จริงตอนนั้นลั่วจือเห้อตั้งใจว่าจะเข้าไปทำความรู้จัก อย่างไรเสียก่อนหน้านี้เธอก็เคยส่งจดหมายให้เขาแล้ว เขานึกว่าเธอรู้จักเขา นึกว่าเธอนั้นพอจะสนใจเขาอยู่บ้าง
ส่วนเรื่องที่เธอส่งจดหมายมาหาหลายๆ ครั้ง เขาก็นึกว่าเธอเป็นเพลย์เกิร์ล ลั่วจือเห้อก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะจีบสวีซุ่ยหนิงไม่ติด
ถ้าเกิดว่าเธอเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขาสักประโยคสองประโยค ไม่แน่ทั้งสองคนอาจจะไหลไปตามสถานการณ์ เพิ่มเพื่อนกันบนวีแชท อาจได้พัฒนาความสัมพันธ์กันก็ได้ อย่างไรเสียตอนนั้นเขาก็ไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์ของครอบครัว
แต่คงเพราะว่าผิดเวลา สวีซุ่ยหนิงก็เลยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขา
เพื่อนๆ ที่อยู่ข้างๆ ลั่วจือเห้อพากันสูดปาก แต่เธอไม่แม้จะหันหน้ามามอง ราวกับไม่รู้ว่าที่คนอื่นสูดปากกันเสียงดังขนาดนี้ก็เป็นเพราะตัวเอง
หลังจากนั้นอีก เขาเห็นว่าเธอกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยกับเฉินลู่ เธอเอ่ยด้วยท่าทีรู้สึกผิด: "ขอโทษค่ะ ฉันอธิบายไม่ชัดเจนเอง"
เฉินลู่ตอบออกมาด้วยทีท่านิ่งเฉย: "เธออธิบายไม่ชัดเจน นั่นมันก็เรื่องของเธอ"
ลั่วจือเห้อสงสัย ที่เฉินลู่นั้นทำตัวเย็นชาใส่สวีซุ่ยหนิงเพราะว่าจดหมายฉบับนั้นหรือเปล่า จะมีผู้ชายคนไหนจะยอมโดนคนอื่นคิดว่าตัวเองนั้น 'เล็ก' ล่ะ แต่ในตอนที่เขานั้นเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษให้สวีซุ่ยหนิงนั้น มักจะมีบรรยากาศบางอย่างที่ไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง อย่างเช่นในตอนแข่งขัน ทั้งๆ ที่เธอก็เก่งใช้ได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธออยู่กลุ่มเดียวกัน
จะว่ายังไงดี เหมือนกันหาเรื่องแกล้งเธอ แน่ล่ะ แต่อาจเป็นเพราะคิดว่าเธอนั้นไม่เก่งจริงๆ ก็ได้
ส่วนตัวเขาเอง จีบไม่ติด พลาดแล้วก็พลาดเลย ไม่นานหลังจากนั้นลั่วจือเห้อก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางคิดเรื่องที่จะหาแฟน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...