เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 129

สรุปบท บทที่ 129: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

สรุปเนื้อหา บทที่ 129 – เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น

บท บทที่ 129 ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ในหมวดนิยายการโต้แย้ง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จิ่นอวิ๋น อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

สวีซุ่ยหนิงหลับตาลง เธอเอ่ยด้วยท่าทีที่ไม่ได้แข็งกร้าวจนดูหยิ่งผยอง "เขาทำผิดก็สมควรที่จะถูกลงโทษนี่คะ คุณป้าคะ คำว่าเหยียบย่ำซ้ำเติมนี่มันใช้ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้นะคะ แล้วคุณป้าก็อย่าไปโทษคนอื่นเลยค่ะ ที่เจียงเจ๋อเป็นแบบนี้ก็เพราะการอบรมสั่งสอนที่ดีจากคุณป้านั่นแหละค่ะ"

แม่เจียงมีฐานะที่สูงส่งมาตลอดทั้งชีวิต ไหนเล่าที่เธอจะเคยถูกประชดประชันแบบนี้?

แต่ทว่าการโต้เถียงกับสวีซุ่ยหนิงในตอนนี้ คนฉลาดย่อมไม่ทำเช่นนั้นแน่ เธออดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ปัญหาในเรื่องการอบรมสั่งสอนอาเจ๋อนั้นเป็นความผิดของป้าเอง หลังจากนี้ป้าจะดัดนิสัยเขา หากว่าไม่ใช่เวลาที่บีบบังคับ ป้าเองก็คงจะไม่มารบกวนเธอ เธอปล่อยเจียงเจ๋อไป เธออยากได้อะไรเพียงแค่เอ่ยปากบอกมา"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ยอย่างใจเย็น "คุณมีลูกชายเพียงคนเดียว แล้วพ่อของหนูไม่ได้มีลูกสาวเพียงคนเดียวงั้นเหรอคะ? หนูอยู่ของหนูดีๆแล้วหนูควรถูกรังแกอย่างไร้เหตุผลแบบนั้นไหม? เด็กสาวที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ พ่อแม่ของเธอก็มีลูกสาวเพียงคนเดียวนะคะ และนั่นก็เป็นเพราะว่าลูกชายของคุณป้าที่ทำให้ครอบครัวของเขาได้รับความทุกข์ ทำลายครอบครัวเขาจนพังพินาศ ไม่ว่ายังไงเจียงเจ๋อก็สมควรได้รับโทษนั่นแหละค่ะ"

แม่เจียงเงียบไปครู่ใหญ่และเอ่ย "สำหรับครอบครัวนั้น ฉันจะชดใช้ให้เขามากยิ่งขึ้น"

สวีซุ่ยหนิงกล่าว "คุณป้าจะมอบเงินให้มากเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ ความคิดของเราเหมือนกันค่ะ เจียงเจ๋อสมควรแล้วที่จะต้องรับโทษ ในมือของหนูมีหลักฐานและไม่สามารถมอบให้คุณได้"

เธอหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ "คนอื่น ไม่สามารถตัดสินใจแทนหนูได้หรอกนะคะ"

เฉินลู่ชำเลืองมองเธอด้วยสายตาที่ไร้ความหมายใด

สวีซุ่ยหนิงไม่ได้อยากจะสูดลมหายใจร่วมห้องกับหล่อนนานนัก เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่ย "ไม่มีอะไรจะคุยแล้วงั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ"

ฉับพลันแม่เจียงกลับเอ่ยว่า "อาลู่ ฉันจำได้ แกจ่ายเงินให้หมอจิตเวชคนนั้น คนที่คอยช่วยเหลือและดูแลรักษาพ่อของสวีซุ่ยหนิงใช่ไหม?"

คำพูดหล่อนเต็มไปด้วยความรู้สึกของการข่มขู่

เมื่อเห็นว่าการอ่อนข้อไม่ได้ผลก็เลยใช้ลูกไม้สกปรก

หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เฉินลู่ตอบรับ'อืม'ด้วยเสียงแผ่วเบา

ร่างกายของสวีซุ่ยหนิงแข็งทื่อ จากนั้นเธอค่อยๆหันกลับไปมองเฉินลู่

เขาดูเหม่อลอยเล็กน้อย สายตาคู่นั้นที่จ้องมองเธอไร้ซึ่งความรู้สึก

สวีซุ่ยหนิงไม่แม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำพูดใด

ราวกับว่าแม่เจียงค้นพบทางรอดชีวิตของเธอ เธอยิ้มกริ่ม "คุณสวี พวกเราต้องมีความเห็นอกเห็นใจและมีน้ำใจต่อกัน พวกเราถอยคนละก้าว คุณจะพบท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ เรื่องที่อาเจ๋อทำร้ายเธอ ป้าเองก็ให้เขาได้ชดใช้แล้ว แต่เรื่องของคนอื่น ทำไมเธอจะต้องเข้ามาข้องเกี่ยวด้วยล่ะ เหตุผลนี้เธอว่าใช่หรือไม่?"

สวีซุ่ยหนิงกลับจ้องมองเฉินลู่

ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอสูดลมหายใจและเอ่ย "เฉินลู่ ความคิดนี้นายเสนอให้เธองั้นเหรอ?"

ฝ่ายชายกลับเงียบ เขาเอ่ยเพียงว่า "ใครมอบหลักฐานให้เธอ?"

ยังคงเป็นคำถามเดิมที่เอ่ยถามเธอในตอนแรก

สวีซุ่ยหนิงยิ้ม จากนั้นเธอเดินเข้ามาหาเขา หยิบแก้วน้ำที่เขารินให้เธอและสาดลงใบหน้าของเขา

เฉินลู่กลับก้าวเท้ามาตรงหน้าเธอและคว้ามือของเธอไว้

ในเวลานี้สวีซุ่ยหนิงตอบสนองอย่างรุนแรง ดวงตาของเธอแดงก่ำและพยายามดิ้นรนขัดขืน

เฉินลู่รีบหยิบบางอย่างออกจากฝ่ามือของเธอ จากนั้นเขาโยนมันลงบนโต๊ะ มันเป็นเครื่องบันทึกเสียง

ใบหน้าของแม่เจียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ย "ก็ฉลาดนี่ รู้ด้วยว่าจะต้องบันทึกเสียง ดีนะที่แกรู้ทัน แต่ว่านะคุณสวี บันทึกเสียงไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก"

สวีซุ่ยหนิงเพิกเฉยต่อหล่อน

เฉินลู่หันหน้าไปทางแม่เจียงและเอ่ย "คุณออกไปรอผมด้านนอก"

แม่เจียงพยักหน้าและเดินจากไป ท่าทีของหล่อนดูสบายใจมาก เนื่องจากว่าหล่อนมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วยังไงล่ะ

เฉินลู่จ้องมองสวีซุ่ยหนิง เมื่อเห็นว่าเธอยังคงนิ่งเฉย เขาจึงนั่งลงบนเก้าอี้ของเขา หักปากกาบันทึกเสียงด้ามนั้นและโยนมันลงไปในถังขยะ

สวีซุ่ยหนิงยกเปลือกตาขึ้น ปากกาด้ามนั้นแหลกละเอียดไม่สามารถซ่อมได้อีกแล้ว

เฉินลู่พูดอย่างเฉยเมย "วิดีโอพวกนั้นเธอได้มาจากใครกันแน่?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน