สวีซุ่ยหนิงทำให้เฉินลู่รู้สึกโกรธจนอยากจะยิ้มเยาะ เขาบีบเอวของเธอพลางพูดว่า “เธอเป็นพยาธิในท้องของฉันหรือไง ฉันต้องรู้ตัวเองดีกว่าเธอไม่ใช่หรือไง?”
สวีซุ่ยหนิงตอบ "นายต้องพิสูจน์ตัวเอง ถ้างั้นก็ได้ นายบอกมาให้ชัดๆเลยว่านายไม่ยุ่งกับเรื่องของเจียงเจ๋อ"
เฉินลู่กล่าวว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งตั้งแต่แรกแล้ว เธอคิดว่าถ้าตำรวจต้องการสอบสวนจริงๆ การเข้าไปยุ่งจะมีประโยชน์อะไร พวกเขาไม่ใช่คนที่จะยุ่งด้วยง่ายๆสักหน่อย เรื่องของเจียงเจ๋อน่ะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”
นอกจากนี้ หากเรื่องราวถูกเปิดเผยในที่สุด ผลที่ตามมาของการเข้าไปพัวพันจะร้ายแรงมาก เฉินลู่คิดว่าถึงแม้จะต้องการเทคโนโลยีหลักของตระกูลเจียง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงกับการก่ออาชญากรรม
ทันทีที่เขารู้ว่ามีการแจ้งตำรวจ เฉินลู่ไม่ได้วางแผนที่จะช่วยแม่เจียงแต่อย่างใด แต่เลือกที่จะปกป้องตัวเองเพื่อรักษาผลประโยชน์
การเคลื่อนไหวของเธอมีประโยชน์อย่างชัดเจน
สวีซุ่ยหนิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เฉินลู่กล่าวว่า “ตอนนี้บอกได้แล้วสินะว่าใครเป็นคนเอาหลักฐานให้เธอ?”
สวีซุ่ยหนิงจะไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับลั่วจือเห้ออย่างแน่นอน เธอรู้สึกได้ว่าลั่วจือเห้อไม่มีเจตนาร้ายต่อเธอ และต้องการช่วยเธอจริงๆ
น่าแปลกที่สวีซุ่ยหนิงมีความไว้วางใจในตัวเขาอย่างอธิบายไม่ได้ แต่กลับไม่มีสิ่งนี้ในตัวของเฉินลู่
อาจเป็นเพราะลั่วจือเห้อใจดีกับเธอเสมอ และการที่เขาอยู่เป็นเพื่อนเธอในคืนนั้นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นจริงๆ
“ฉันบังเอิญไปเจอเข้าน่ะ” เฉินลู่ไม่สามารถถามอะไรต่อได้
เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากมุมมองของเฉินลู่ เขายังคงรู้สึกว่าบุคคลนั้นกำลังใช้ประโยชน์จากสวีซุ่ยหนิง และเธอคงจะไว้วางใจบุคคลนั้นมาก ความรู้สึกเบื้องหลังนี้คืออะไรกันแน่?
หากเป็นจางอวี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล แต่ถ้าเป็นคนอื่น หรืออาจเป็นผู้ชายสักคน...
แต่เขาไม่ได้กดดันถามเธอต่อ พูดเพียงว่า "ต่อไปอย่าลืมเผื่อใจไว้ด้วย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...