ตอน บทที่ 153 จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 153 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่เขียนโดย จิ่นอวิ๋น เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย: "ไม่มี"
เธอเห็นเฉินลู่เบะปาก แต่เขาไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีก
สวีซุ่ยหนิงรำคาญจริงๆ แล้ว เฉินลู่มีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมพูด เอาแต่ทำสีหน้าเย็นชา ทำตัวห่างเหิน เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด
เธอยกเท้าเตะขาเฉินลู่ใต้โต๊ะ แต่ใช้แรงที่เบามาก เลยเหมือนกำลังจิ้มขาเขาอยู่
สวีซุ่ยหนิงตั้งใจจะทำเป็น 'ไม่ได้ตั้งใจ' เตะเขาเป็นครั้งที่สอง เฉินลู่ก็จับขาของเธอเอาไว้
ข้อเท้าของเธอเล็กมาก เฉินลู่ใช้เพียงมือเดียวก็กำได้รอบ เขาเหลือบตามามองเธอ แล้วก็เลื่อนของหวานจานนั้นให้เธอ
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย: "อีกเดี๋ยวฉันมีเรื่องต้องคุยกับนาย"
เฉินลู่ได้ยินแล้ว แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
อาหารมื้อนี้ พวกเธอใช้เวลากินไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เฉินลู่ก็เหมือนกับคุณครูที่ต้องรับผิดชอบเด็กๆ หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วเขาก็พาเด็กพวกนี้ไปส่ง สวีซุ่ยหนิงคือคนที่อยู่บนรถคนสุดท้าย
ท้ายที่สุดเขาก็พาเธอกลับไปที่บ้านเขา สวีซุ่ยหนิงก็เลยตามเขาเข้าไปด้วย
เธอนั่งอยู่ข้างเขาครู่ใหญ่ จึงได้รู้ว่าถึงเขาจะไม่ได้ห้าม แต่เขาก็ไม่ได้อยากคุยกับเธอ
สวีซุ่ยหนิงรู้ว่าคงเป็นเพราะเธอยังไม่ได้อธิบายสิ่งที่เขาได้ยินในวันนั้น เขาเลยเกลียดเธอ แต่ว่าการที่เขาทำตัวกึ่งเย็นชาแบบนี้ ก็วัดความอดทนของคนเราอยู่เหมือนกัน
เธอขี้เกียจเดาว่าเขารู้หรือได้ยินอะไรมาบ้าง
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่ามันน่าหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน เลยแค่เอาหลักฐานนั้นวางไว้ตรงหน้าเขา แล้วเอ่ยว่า: "ฉันไม่สนใจว่านายจะลำเอียงหรือเปล่า ที่มาวันนี้ ก็แค่อยากบอกนายว่าที่ฉันสงสัยเธอฉันก็มีเหตุผลเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะต้องการหาเรื่องเธอ"
เฉินลู่เหลือบตามองอยู่แป๊บหนึ่ง จากนั้นก็เบนสายตาไปทางอื่น
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย: "ถ้านายสงสัยว่าฉันแต่งรูปหรือเปล่า นายไปถามคุณซูหว่านจิ้งก็ได้ เธอเป็นคนให้หลักฐานนี้แก่ฉัน ฉันมีเรื่องจะพูดแค่นี้แหละ ถ้านายไม่ชอบฉัน อย่างนั้นฉันก็ขอตัวก่อน เลิกกันดีกับเราทั้งคู่ ของที่นายทิ้งไว้กับฉัน ฉันจะรีบส่งกลับมาให้"
ในที่สุดดวงตาของเฉินลู่ก็ไม่ได้มีแววตาดูถูกเหมือนเมื่อครู่เสียที แต่มันกลับดูเย็นชากว่าเดิม ที่จริงจะเรียกว่า แววตาก่อนพายุจะเข้าก็ไม่ผิดนัก
สวีซุ่ยหนิงหมุนตัวเตรียมกลับ ข้อศอกของเธอก็โดนเขากระชากเอาไว้
มือของเฉินลู่มีแรงเยอะมาก ผิวบริเวณนั้นของเธอเป็นรอยแดงในทันที
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเฉินลู่ถึงได้ถามคำถามแบบนี้ออกมา ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เขานั้นเกลียดการโดนเปรียบเทียบที่สุด
พูดง่ายๆ คือเขาคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น คิดว่าคนอื่นๆ สู้เขาไม่ได้
แต่ว่าเฉินลู่ก็มีสิทธิ์จะคิดแบบนั้น ไม่ว่าจะสมบัติของครอบครัว หรือการศึกษาของตัวเขาเอง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และสามารถส่งต่อให้รุ่นถัดไปได้
สวีซุ่ยหนิงเงียบอีกครู่ใหญ่ เอ่ยว่า: "พวกนายไม่ได้เหมือนกันเสียหน่อย"
"ตอนนี้มาพูดว่าไม่เหมือนกัน ตอนอยู่ต่อหน้ามันดันพูดอย่างมั่นใจว่าฉันดีไม่เท่าเขา"
เห็นแบบนี้สวีซุ่ยหนิงก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นได้รับความไม่เป็นธรรม: "ฉันพูดตอนไหนว่านายดีไม่เท่าเขา? ฉันแค่บอกว่าฉันชอบแบบเขามากกว่า การที่ฉันชอบแบบเขามากกว่าไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะคิดแบบนี้"
เฉินลู่เอ่ย: "ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอยังชอบแบบฉันอยู่เลย ตอนนี้ดันเปลี่ยนเสียแล้ว สวีซุ่ยหนิงเธอนี่ก็หลายใจเหมือนกันนะ"
สวีซุ่ยหนิงเงียบไป เฉินลู่ไม่ค่อยพูดเรื่องตอนเรียนมหาวิทยาลัยต่อหน้าเธอเท่าไหร่
ความทรงจำช่วงที่โดนรังเกียจนั้น มันก็ไม่ได้น่านึกถึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...