เดิมทีสวีซุ่ยหนิงอยากจะเลี้ยงข้าวลั่วจือเห้อ แต่เขายุ่งมาก แม้ว่าเขาจะออกมาพบเธอ นั้นเป็นเพียงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
ความเป็นจริงถ้ารู้ว่าเขายุ่งมากเช่นนี้ สวีซุ่ยหนิงคงจะไม่รบกวนเขา
เมื่อพูดถึงสิ่งที่เขากำลังยุ่ง ลั่วจือเห้อได้บอกเธออย่างใจกว้าง “ช่วงนี้ฉันติดต่อกับตระกูลเฉิน และเพิ่งจะเริ่มต้น มีหลายสิ่งที่ต้องให้ความสนใจ และบางอย่างก็ยุ่ง”
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ได้พูดอีกครั้งว่า “เฉินลู่เริ่มนัดบอดแล้ว”
สวีซุ่ยหนิงไม่ต้องการพูดถึงเฉินลู่ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย "การตกแต่งของร้านกาแฟแห่งนี้มีเอกลักษณ์มาก การจับคู่สีและดนตรียังเข้าด้วยกัน บรรยากาศความโรแมนติกก็มีเอกลักษณ์มาก"
ลั่วจือเห้อยิ้ม และร่วมมือกับเธออย่างเข้าใจ "ร้านกาแฟนี้เป็นงานของซูหว่านจิ้ง”
สวีซุ่ยหนิงมีความสนใจขึ้นเล็กน้อย เพราะซูหว่านจิ้งที่ดูเย็นชา ไม่เหมือนคนที่ชอบความโรแมนติก แต่เหมือนคนที่แสดงความสมจริงได้ถึงขีดสุด เป็นการยากที่จะจินตนาการว่างานที่อบอุ่นเช่นนี้มาจากเธอ
“ดูเหมือนว่าเถ้าแก่ซูจะค่อนข้างมีศิลปะนะ”
ลั่วจือเห้อกล่าว “อย่ามองดูความเย็นชาของเถ้าแก่ซูของตอนนี้ เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น ยังเคยไล่ตามจีบคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง รักคนอื่นรักจนเป็นบ้า ที่ไปหาเขาที่จงตงเพียงคนเดียว ไม่สนว่าที่บ้านจะคัดค้าน และได้นำเงินจำนวนมากไปช่วยเขาในช่วงที่ยากลำบาก และก็เป็นช่วงเวลานี้ จึงได้ออกแบบร้านกาแฟนี้ออกมา”
เมื่อมองใกล้ ๆ ความรักที่รุนแรงนั้นจะแผลงฤทธิ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าแห่งความรักบนผนัง หรือนกฟลามิงโกที่แสดงถึงความจงรักภักดี การออกแบบที่ซับซ้อนผสมผสานกับตำนานและความเป็นจริงช่างกลมกลืนกันอย่างน่าประหลาดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...