เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 21

สวีซุ่ยหนิงนั่งยองอยู่บริเวณมุมห้อง ได้ยินผู้ป่วยกล่าวแสดงความยินดี : "หมอเฉิน คุณกับคู่ชีวิตของคุณคบกันมานานเท่าไรแล้วเหรอ?"

"หกปีครับ"

"พระเจ้า หมอเฉิน อย่าบอกฉันนะว่าคุณเป็นคนจีบหล่อน"

"ใช่ครับ" เฉินลู่เอ่ยด้วยท่าทีสบายๆและน้ำเสียงของเขานิ่งเรียบ "ชอบเธอมาสิบกว่าปีแล้วครับ"

ผู้ป่วยร้องอุทานเบาๆด้วยความประหลาดใจ

ก้นบึ้งหัวใจของสวีซุ่ยหนิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่าชอบเฉินลู่ อาจเป็นเพราะว่าผู้ชายคนแรกของหญิงสาวคนหนึ่ง มักจะมีความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของที่ไม่อาจอธิบายได้

จริงๆแล้วเธอมีลางสังหรณ์ โจวอี้กลับมาในครานี้ เฉินลู่มีความรู้สึกครอบครองอย่างแรงกล้า เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่นอน วิธีเดียวที่จะผูกพันธนาการเธอไว้กับเขาคือการแต่งงาน

บางทีไม่แน่ว่าเฉินลู่อาจวาดฝันให้โจวอี้ตั้งท้องลูกสักคนหนึ่งให้แก่เขา

สวีซุ่ยหนิงไม่ค่อยชอบโจวอี้สักเท่าไร เธอมักจะเพิกเฉยต่อเธอและแสดงท่าทีดูถูกดูแคลนเธอ ทว่าเธอเองก็พอรู้ ตัวเธอนั้นไร้คุณสมบัติที่จะเป็นศัตรูความรักของโจวอี้

เฉินลู่ชอบเธอมาก

ความจริงแล้วสวีซุ่ยหนิงรู้ดี เมื่อวานนี้หากโจวอี้ไม่อยู่ เขาอาจไม่ยื่นมือมาช่วยเธอเลยด้วยซ้ำ แต่โจวอี้ไม่ชอบใจเท่าไรนัก เขาจึงตัดสายโทรศัพท์เธอทิ้ง

เพื่อที่จะทำให้คนรักของเขามีความสุข เขาเพิกเฉยต่อคำสัญญาที่ไร้ซึ่งความสำคัญของเธอ

เฉินลู่ตรวจอาการผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว เมื่อจากไปเขาเดินผ่านเธอและไม่มองเธอแม้แต่หางตา

สวีซุ่ยหนิงรอจนกระทั่งเจียงเจ๋อจากไป จากนั้นเธอจึงออกจากห้องผู้ป่วย

ระหว่างทางเดิน พยาบาลทุกคนต่างพูดถึงเรื่องเฉินลู่กำลังจะแต่งงาน เธอเพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วโจวอี้เป็นคนเอ่ยปากขอ เมื่อวานเธอนำแหวนเพชรออกมา ในวันนี้เฉินลู่ก็สวมใส่มัน

สวีซุ่ยหนิงถอนหายใจ เธอไร้ซึ่งอารมณ์ที่จะลงไปเดินเล่นด้านล่าง เธอกลับมายังห้องพักผู้ป่วยและเอนกายนอนลง

เดิมทีเธอไม่ได้รู้สึกง่วงนอนเลย แต่ขณะนั้นเธอต้องการที่จะนอนหลับ ในไม่ช้า สวีซุ่ยหนิงก็ผล็อยหลับไป เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ฉับพลันเธอรู้สึกได้ว่าในระยะใกล้มีคนนั่งอยู่บนโซฟา

หัวใจของสวีซุ่ยหนิงจมดิ่ง เกรงว่าจะอาจเป็นเจียงเจ๋อ เธอแทบจะพลิกตัวกลับและหันหลังวิ่งหนี ทว่าคนคนนั้นเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าวและคว้าเธอไว้จากด้านหลัง

สวีซุ่ยหนิงยังไม่ทันจะเปิดประตูด้วยซ้ำ

เธอทรุดตัวลงและน้ำตารินไหลในทันที

ลั่วจือเห้อไม่ได้เปิดไฟ เขากังวลว่าจะกระทบต่อการนอนหลับของเธอ คาดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอจะรุนแรงถึงเพียงนี้ โดยไม่สนใจมารยาทระหว่างชายหญิง มือทั้งสองข้างเคลื่อนไปโอบรอบเอวของเธอ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนและเอ่ย "ฉันเอง"

ท่าทีของสวีซุ่ยหนิงเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เธอหันกลับมาและโอบรอบคอของเขา "ฉันคิดว่านายคือเจียงเจ๋อ"

ถ้าจะพูดให้เข้าใจโดยง่าย สำหรับเจียงเจ๋อ เธอมีสภาวะตึงเครียดต่อเขา ภายในจิตใจยังคงมีเงามืด ความคิดภายในเสี้ยววินาทีคือการหลบหนี

การเคลื่อนไหวที่กะทันหันของเธอ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงคำว่าแม่สาวหน้าอกใหญ่ได้โดยง่าย ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อเรียก

ลั่วจือเห้อรู้สึกว่าตัวเขานั้นมีปฏิกิริยาตอบโต้ ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ บางสิ่งอิงแอบแนบชิดอยู่ในอ้อมอก ร่างกายก็ไม่อาจควบคุมได้ แต่นับว่ายังดีที่ความคิดยังสามารถควบคุมได้

"ฉันมาเยี่ยมเธอแล้วก็เอาของกินมาให้เธอด้วย เจียงเจ๋อบอกว่าเขาไม่เห็นเธอ ฉันก็คิดว่าเธอหนีไปแล้ว" หนึ่งกอดทำให้ทั้งสองเกิดความรู้สึกคุ้นเคย เขาคิดจะอุ้มเธอไปข้างเตียง หยิบกระดาษทิชชู่ให้เธอเช็ดน้ำตา

ทันทีที่อุ้มเธอขึ้น ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกผลักและเปิดออก

เฉินลู่มองดูท่าทางการโอบอุ้มของทั้งสอง เขาชะงักชั่วขณะ เขามองไปยังสถานที่โดยรอบโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้ายังอยู่ครบชิ้น สายตาของเขาชำเลืองมองไปยังใบหน้าของสวีซุ่ยหนิง

ศีรษะของสวีซุ่ยหนิงเอนซบไหล่ของลั่วจือเห้อ แขนทั้งสองข้างของเธอโอบรอบคอของเขา ดวงตาของเธอแดงก่ำ

สายตาของลั่วจือเห้อประสานสายตาของเฉินลู่ สายตาของเฉินลู่มืดมน ลั่วจือเห้ออุ้มสวีซุ่ยหนิงและวางเธอลงบนเตียง

โจวอี้ที่อยู่ด้านหลังเฉินลู่เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม "ลั่วจือเห้อ เมื่อไรกันที่นายปฏิบัติต่อหญิงสาวได้สุภาพถึงขนาดนี้? ทั้งโอบอุ้มทั้งปลอบโยน ดูแลเสมือนลูกสาวเลยทีเดียว สวีซุ่ยหนิงสวยสะพรั่งขนาดนี้ นายก็พาเธอกลับบ้านให้เธอเป็นพาร์ทเนอร์สาวของนายไปเลยสิ"

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกได้ว่าคำว่า "พาร์ทเนอร์สาว" ดังก้องอยู่ภายในโสตประสาทของเธอ

เธออธิบาย "ฉันไม่เหมาะสมกับลั่วจือเห้อเพื่อนร่วมชั้นของฉันหรอก เขาเพียงแค่ช่วยเหลือฉันก็เท่านั้นเอง"

"ท่าทางของพวกเธอเมื่อกี้นี้ ถ้าไม่รู้ คงคิดว่าพวกเธอ...." โจวอี้เอ่ยคำพูดที่แฝงความนัย

สีหน้าของลั่วจือเห้อเปลี่ยนไปในทันใด ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่นี้สวีซุ่ยหนิงเมินเฉยต่อปฏิกิริยาของเขาหรือเปล่า

สวีซุ่ยหนิงใบหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเก่า เธอกลัวจริงๆว่าเธอจะทำลายชื่อเสียงของเขา เธอมองเขา : "ฉัน...."

เฉินลู่มองสีหน้าท่าทางของสวีซุ่ยหนิง เขาขัดบทสนทนาของเธอ "ที่เคยตอบรับเธอ ฉันมาคุยกับเธอเรื่องของเจียงเจ๋อ"

ลั่วจือเห้อถอยออกไปอย่างอัตโนมัติ

สวีซุ่ยหนิงจึงรีบเอ่ย "ให้โจวอี้ออกไปด้วย เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจียงเจ๋อ"

เฉินลู่เงียบ

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าหากโจวอี้ไม่ออกไป เขาอาจจะไม่อยากขัดใจเธอ

โชคดีที่โจวอี้เพียงชำเลืองมองเธอด้วยสีหน้านิ่งเฉย ริมฝีปากกระตุกยิ้มเล็กน้อยและเอ่ย "ฉันจะออกไปสูบบุหรี่"

ภายในห้องพักผู้ป่วยเหลือเพียงแค่เฉินลู่และสวีซุ่ยหนิง

ผ่านไปครู่ใหญ่ชายคนนั้นก็นิ่งเงียบไม่ปริปากพูด เขาเพียงแค่จ้องมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างไม่อาจอธิบายได้

หนังศีรษะของเธอรู้สึกชาเล็กน้อย

"จงใจยั่วยวนลั่วจือเห้องั้นเหรอ?" ผ่านไปนาน เฉินลู่เอ่ยปาก "ให้เขาหลับนอนกับเธอแล้วจะให้เขาจัดการเรื่องนั้นให้เธองั้นเหรอ?"

เธอเอ่ย "เรื่องของเจียงเจ๋อ นายจะจัดการยังไง?"

เฉินลู่เอ่ยด้วยเสียงนิ่งเรียบ "หากเธอมีความสามารถจับลั่วจือเห้อได้จริง เริ่มจากการสัมผัสร่างกายของเขาก็ได้ เธอต้องทำให้เขาชอบเธอ ชอบแบบหัวปักหัวปำ เมื่อถึงเวลานั้นความเป็นพี่เป็นน้องก็ไม่สำคัญแล้ว"

สวีซุ่ยหนิงเงียบไปชั่วขณะ "หากเจียงเจ๋อจับมือถือแขนโจวอี้ นายจะทำไง?"

"เขาไม่มีทางกล้าแตะต้องโจวอี้" เฉินลู่เอ่ย

ในน้ำเสียงของเขาสัมผัสได้ถึงความมั่นใจ

"หากเธอต้องการจะจับลั่วจือเห้อ ฉันช่วยเธอได้นะ" เฉินลู่กล่าว "ช่วยให้เธอจีบเขาได้สำเร็จ เรื่องของเจียงเจ๋อก็ลืมไปซะ เราทั้งสองก็ไม่ติดค้างอะไรกันอีก"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน