เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 229

สวีซุ่ยหนิงมองตั้งแต่เฉินลู่เดินขึ้นรถโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ไปจนถึงตอนที่เขาสตาร์ตรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าคำพูดเหล่านี้ไม่ได้มาจากใจของเธอ แต่ถ้าใจอ่อนกับเฉินลู่ เขาอาจจะคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไร ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีเยื่อใยหลงเหลือต่อกัน เธอจึงต้องทำแบบนี้ ซึ่งมันเป็นวิธีสุดท้าย

อันที่จริงสวีซุ่ยหนิงก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีบุญคุณในเรื่องของพ่อสวี เดิมทีเธอเป็นคนแบบที่เจอกันด้วยดีก็ขอให้จากกันด้วยดี แต่เฉินลู่ยังคงตั้งใจวางแผนเข้าหาเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เธอไม่มีทางเลือก

สวีซุ่ยหนิงถอนหายใจแรงๆ และเมื่อเธอเดินขึ้นไปชั้นบนเธอก็เห็นถุงขนมถุงใหญ่แขวนอยู่ที่หน้าประตู และยังมีร่มสีชมพูที่เธอให้เฉินลู่ยืมเมื่อไม่นานมานี้

เฉินลู่เป็นคนที่ไม่ชอบกินขนมขบเคี้ยว และเขาก็ซื้อขบเคี้ยวให้เธอไม่บ่อยนัก แต่มีบางครั้งที่ทั้งสองคนออกไปซื้อของข้างนอกด้วยกันเธอก็จะเป็นคนเลือกส่วนเขาเป็นคนจ่ายเงิน

และมีเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาซื้อของหวานมาเพื่อเอาใจเธอ

ขนมขบเคี้ยวกับของหวานนั้นไม่เหมือนกัน ของหวานยังมีแบบที่ดีต่อสุขภาพอยู่บ้าง แต่การไม่กินขนมขบเคี้ยวแสดงถึงนิสัยการใช้ชีวิตของเฉินลู่ เขาไม่ชอบให้คนรอบข้างกินอาหารขยะที่มีน้ำมันและโซเดียมสูง ในแง่ของนิสัยเขายังไม่ค่อยประนีประนอมกับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของสุขภาพ เขารักษาทัศนคติที่เข้มงวดนี้อยู่เสมอ

สวีซุ่ยหนิงจ้องไปที่ถุงที่เต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบร่ม และก็ได้เห็นการ์ตูนรูปนกอินทรีที่ตาโตและดุที่วาดโดยเฉินลู่

เฉินลู่มีจุดอ่อนเรื่องนกอินทรี และสวีซุ่ยหนิงก็รู้ดี แต่ยิ่งเธอจ้องไปที่นกอินทรี เธอก็รู้สึกว่าเธอสามารถเห็นเงาของตัวเองเล็กน้อยอยู่ในนั้น เธอรู้สึกว่าท่าทางของนกอินทรีค่อนข้างคล้ายกับเธอ

เธอไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปหรือเปล่า

มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของสวีซุ่ยหนิง เธอขมวดคิ้ว แต่เธอก็นึกไม่ออก รู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ

สวีซุ่ยหนิงนึกถึงรอยสักที่เอวด้านหน้าของเฉินลู่ และตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อเธอได้สติกลับมาเธอก็เห็นเฉินลู่ยืนอยู่ไม่ไกล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน