เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 23

ในคืนวันนั้นที่สวีซุ่ยหนิงได้เจอกับเฉินลู่ เธอได้รู้ว่าเขาขับรถผ่านถนนหน้าโรงเรียนที่เธอทำงาน นั่นก็เพราะว่าเขาพาโจวอี้กลับไปยังบ้านตระกูลเฉิน

เพียงแต่ว่าแม่เฉินปฏิเสธที่จะพบโจวอี้ เช่นนั้นเขาจึงพาเธอกลับมายังเส้นทางเดิม ในขณะที่รถติดไฟจราจร เธอเผอิญพบเข้าพอดี

ทั้งหมดนี้อ้างอิงมาจากการสันนิษฐานของจางอวี้ เธอยังบอกอีกว่าเมื่อข่าวเกี่ยวกับการแต่งงานของเฉินลู่ถูกป่าวประกาศ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยในแวดวงของเธอต่างก็ว่าร้ายโจวอี้

อันที่จริงไม่เพียงแต่กลุ่มแวดวงบุตรหลานของเหล่าคนรวย แม้แต่กลุ่มเพื่อนมหาลัยของสวีซุ่ยหนิงเองก็คึกคักเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้วภายในมหาวิทยาลัยต่างก็รู้ว่าเฉินลู่ชอบคนคนหนึ่งมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว แต่คนที่เคยเห็นโจวอี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

[ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเฉินลู่กำลังคบหากับสวีซุ่ยหนิงเหรอ?]

ทันใดนั้นสวีซุ่ยหนิงก็เห็นประโยคนี้ปรากฏขึ้นภายในแชทกลุ่ม

[ฉันพักอยู่ระแวกเดียวกับสวีซุ่ยหนิง ครั้งหนึ่งเคยเห็นเฉินลู่และเธอกำลังแนบชิดสนิทสนมกันภายในลิฟต์ ไม่ใช่ว่าพวกเขาคบกันมานานหลายปีแล้วเหรอ ตอนนั้นที่สวีซุ่ยหนิงเรียนจบ ได้ยินว่าเฉินลู่ก็มาหาเธอที่โรงเรียน]

ช่วงครึ่งแรกของประโยค อาจจะเป็นตอนที่เธอเผอิญเจอกับพวกเขา ช่วงครึ่งประโยคหลังนั่นเป็นคำพูดไร้สาระที่เกิดจากการปั้นน้ำเป็นตัว

ในช่วงนั้นเธอกำลังกุ๊กกิ๊กกับเจียงเจ๋อ และเธอไม่ได้พบเฉินลู่มานานมากแล้ว

เมื่อเห็นกลุ่มเพื่อนในชั้นเรียนต่างก็เรียกให้เธอออกมาให้คำตอบ สวีซุ่ยหนิงจำต้องออกมาอธิบายว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นจำผิดแล้ว

หัวหน้าชั้นกล่าว : [สวีซุ่ยหนิง อันที่จริงเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับเฉินลู่ ในช่วงที่มีการติวหนังสือกัน เฉินลู่ระบุว่าต้องการจะติวให้กับเธอ]

สวีซุ่ยหนิงออกจากแชทกลุ่ม หากพูดอะไรออกไปโดยไม่ทันระวัง ด้วยนิสัยของโจวอี้ เธอคงจะสร้างความลำบากใจให้เธออีกแน่

ไม่กี่วันถัดมา ตามข้อตกลงเฉินลู่ได้ให้ผู้ช่วยนำหลักฐานเรื่องต่ำทรามบางส่วนของเจียงเจ๋อมาให้กับเธอ

เมื่อสวีซุ่ยหนิงได้เห็น เธอโกรธจนแทบคลั่ง

หลักฐานทุกชิ้นนั้นทำให้สวีซุ่ยหนิงอยากจะฉีกเนื้อของเจียงเจ๋อออกมาเป็นชิ้นๆ

ภายในนั้นยังมีหลักฐานที่เจียงเจ๋อเล่นกลอุบายกับบริษัทของพ่อเธออีกด้วย

หลังจากที่สวีซุ่ยหนิงอ่านเอกสารอย่างละเอียดแล้ว เธอสงบสติอารมณ์และตัดสินใจจะทำการฟ้องร้องเจียงเจ๋อ

ใครจะรู้ว่าวันถัดมาเจียงเจ๋อจะมาหาเธอ

มือที่ถูกเธอแทงยังไม่หายดี เขาพันผ้าพันแผล เมื่อเธอกลับจากเลิกงาน เขานั่งอยู่บนกระโปรงรถหรูของเขา จ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือก

"สวีซุ่ยหนิง ต้องการฟ้องร้องฉันงั้นเหรอ?" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและเย็นเยียบ

สวีซุ่ยหนิงสัมผัสได้ถึงหนังศีรษะที่เริ่มชา หัวใจของเธอรู้สึกหนาวเย็น เธอรู้ว่าเบื้องหลังครอบครัวเจียงเจ๋อนั้นน่าเกรงขาม แต่คาดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่โอกาสที่เธอจะฟ้องร้องเขาก็ไม่มี

"คนที่มีหลักฐานของฉันมีจำนวนมากอยู่แล้ว ทำไมเธอถึงไร้เดียงสาขนาดนี้? สวีซุ่ยหนิง เธอทำให้ฉันผิดหวัง" เจียงเจ๋อเอ่ยอย่างเลื่อนลอย "อยากให้ฉันเข้าไปรับกรรมในคุกขนาดนั้นเลย?"

สวีซุ่ยหนิงยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ เธอยิ้มและเอ่ย "ใช่แล้ว ฉันอยากให้นายตายไปเลยด้วยซ้ำ มีปัญหาอะไรไหม? แน่นอน ฉันเอาชนะนายไม่ได้ แต่ฉันไม่กลัว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรต่อให้นายฆ่าฉันก็ตาม"

เจียงเจ๋อยิ้มด้วยรอยยิ้มมืดมน เขาลุกขึ้นจากกระโปรงรถของเขาและยืนนิ่งงัน "อยากให้ฉันเข้าไปน่ะ ง่ายนิดเดียว เธอถ่างขาต่อหน้าฉันสิ ฉันอาจจะยอมให้เธอฟ้องร้องฉันแต่โดยดี?"

สวีซุ่ยหนิงจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

เจียงเจ๋อลูบบาดแผลของตนเองพลางเอ่ย "หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเข้ามาแทงฉัน มีเหรอที่คนคนนั้นจะรอดไปได้ มีเพียงแค่เธอ ฉันเคยมาสร้างความลำบากให้เธอบ้างหรือเปล่า? สวีซุ่ยหนิง เธอไม่รู้เลยว่าฉันดีกับเธอมากเท่าไร"

"แม้แต่แม่ของฉันก็คิดว่าฉันดีกับเธอมาก ดังนั้นท่านจึงให้ฉันมารับเธอกลับไป ท่านอยากเห็นว่าเธอนั้นมีดีอย่างไรถึงได้ทำให้ลูกชายของท่านหลงใหลขนาดนั้น" เจียงเจ๋อยิ้มเย็น จากนั้นเขาลากเธอไปที่รถและกอดรัดเธอไว้แน่น

พละกำลังของเธอจะสามารถเทียบเท่าเจียงเจ๋อได้อย่างไร เมื่อขึ้นรถแล้วข้อมือของเธอถูกมัดไว้ด้วยเนกไทของเขา รถของเจียงเจ๋อขับด้วยความเร็วที่มากเกินกำหนด หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง สวีซุ่ยหนิงก็มาถึงบ้านตระกูลเจียง

บ้านตระกูลเจียงเป็นบ้านสไตล์คลาสสิค เมื่อสวีซุ่ยหนิงถูกเจียงเจ๋อลากเข้ามาภายในบ้าน เธอเห็นโจวอี้และเฉินลู่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา โจวอี้ขมวดคิ้ว เฉินลู่จ้องมองเธอด้วยแววตาสงบนิ่ง

แม่เจียงชำเลืองมองสวีซุ่ยหนิงด้วยท่าทีสงบนิ่ง จากนั้นเอ่ยอย่างไร้ซึ่งความรู้สึก "นี่คือใบหน้าที่ทำให้แกหลงใหลงั้นเหรอ?"

"ก็ใช่ไงครับ?" เจียงเจ๋อเลียมุมปากของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เฉินลู่มาส่งบัตรเชิญที่บ้านของฉันงั้นเหรอ?”

แม่เจียงเอ่ย "วันของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว"

"ไม่ใช่ว่าคุณอยากอุ้มหลานมาตลอดหรอกเหรอ?" เจียงเจ๋อเอ่ยถาม

แม่เจียงชำเลืองมองเขา จากนั้นมองสวีซุ่ยหนิงโดยไม่เอ่ยสิ่งใด

"คนอื่น ฉันไม่ชอบ" เจียงเจ๋อเอ่ย "คนตรงหน้าคุณ หากคุณตอบรับ ภายในปีหน้าผมจะให้คุณได้อุ้มหลาน"

แม่เจียงจิบชาอย่างสงบแล้วพูด "เรื่องของแก แกจัดการเอาเอง"

สวีซุ่ยหนิงตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ "เจียงเจ๋อ นายเป็นบ้าอะไร?"

เขาโอบรอบเอวของเธอจากนั้นยิ้มและเอ่ยกับแม่เจียง "คุณว่าฤกษ์วันเดียวกับพี่ลู่เป็นไง? เวลาครึ่งเดือนก็เพียงพอแล้วสำหรับการจัดเตรียม"

โจวอี้เอ่ย "วันแต่งงานของฉัน เป็นวันที่ดีมากจริงๆ"

สวีซุ่ยหนิงมองโจวอี้ น้ำตาคลอเบ้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เธอหุบปาก! การแต่งงานของฉัน เกี่ยวอะไรกับคนนอกอย่างเธอ? ถึงรอบเธอออกความเห็นแล้วหรือยังไง?"

โจวอี้ผงะไปชั่วครู่ จากนั้นนัยต์ตาเผยให้เห็นความเย็นยะเยือก เธอยิ้มเสมือนไม่ใช่รอยยิ้มและเอนกายซบไหล่ของเฉินลู่

สวีซุ่ยหนิงมองแม่เจียงและเอ่ย "ก่อนที่คุณจะปล่อยให้ลูกชายของคุณกระทำการอะไร ทำไมคุณไม่ลองถามเฉินลู่หลานชายของคุณดูล่ะว่าเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน?"

เฉินลู่เลิกคิ้วและเอ่ย "ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน"

สวีซุ่ยหนิงหลับตาลง เธอรู้ว่าเฉินลู่จะพูดแบบนั้น

"หากว่าต้องการจะพูดว่ามีอะไรกัน มันก็แค่เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างชายหญิงเท่านั้น" เฉินลู่มองท่าทีหมดหนทางของสวีซุ่ยหนิง ท้ายที่สุดเขาก็ปริปากพูด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน