แค่ความรังเกียจของสวีซุ่ยหนิงที่มีต่อเขา ก็แค่ยิ้มให้เขา
สวีซุ่ยหนิงซึ่งอยู่ในช่วงต้นสิบปี เทียบกับตอนนี้ ต้องเข้าใจความอ่อนหวานของผู้หญิง มีความสำคัญเพียงใด
แค่รอยยิ้มนี้ ความขยะแขยงของอีกฝ่าย ก็แทบจะอธิบายไม่ถูก นั้นคือท่าทางที่เกลียดเป็นอย่างมาก
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกอับอาย เธอก็แค่ทำเพื่อเขา และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำลาย ความประทับใจที่ดีของเพื่อนร่วมเล่นเพียงคนเดียวในหัวใจของเขา
แต่การทำความดี ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย ไม่ใช่แค่เพื่ออวดคนอื่น เธอไม่ถือเอาจริงเอาจัง
สวีซุ่ยหนิงได้ทำลาย "ชายหญิงทีีเป็นชู้” กันคู่นี้แล้วก็ลืมเรื่องนี้ไป จากนั้นเพียงไม่กี่วันต่อมา ได้พบกับเด็กที่สวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง วันนั้นฝนตกหนัก เธอไม่ได้นำร่มมาด้วย เมื่อหันกลับไป ได้เห็นเขาถือร่ม และยืนอยู่ข้างหลังเธอ
ดังนั้นเธอจึงเริ่มที่จะเบียดเข้าไปในร่มก่อน
มีดพกในมือของเด็กชายที่กำลังเล่นอยู่นั้นได้ชะงักเล็กน้อย และเหลือบมองเธออย่างเฉยเมย
สวีซุ่ยหนิงกล่าว "ในมือนายถึงถือมีดพกทำไมล่ะ?”
เด็กชายพูดเบา ๆ “แทงเธอ”
“เด็กชายไม่ควรใช้สิ่งนี้เพื่อแทงผู้หญิงไม่ใช่หรือ?” เห็นได้ชัดว่าสวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าเขาพูดไร้สาระ และเมื่อเห็นแววตาเขาประกายเบาๆ จึงได้คิดว่าคำพูดตัวเองมีอะไรแปลกๆ
หลังจากนั้นไม่นาน สวีซุ่ยหนิงก็ตระหนักว่าคำพูดของตัวเอง ดูจริงจังเกินไป
การพัฒนาต่อไปคือ: เช่นนั้นเด็กชายควรใช้อะไรในแทง?
สวีซุ่ยหนิงไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาได้คิดมากหรือเปล่า อย่างไรก็ตามเธอบริสุทธิ์เหมือนกระดาษเปล่า และไม่เชื่อว่าเขาจะแทงตัวเธอ เพียงแค่เอื้อมมือออกไปจับมือของเขา แล้วค่อยๆ ดึงมีดพกออกจากฝ่ามือของเขา และพูดว่า "อย่าแทงฉันเลย ฉันจะเลี้ยงบะหมี่นาย”
เด็กชายไม่สนใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...