เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 271

สรุปบท บทที่271 พระจันทร์: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

บทที่271 พระจันทร์ – ตอนที่ต้องอ่านของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

ตอนนี้ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการโต้แย้งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่271 พระจันทร์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อสวีซุ่ยหนิงถูกลั่วจือเห้อพาออกไปจากบริษัท เสี่ยวเย่มองดูพวกเขาด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีลับลมคมใน

ลั่วจือเห้อมองกลับมาที่เธอ กล่าว "สาวน้อยผู้นี้มีความไม่พอใจต่อฉันใช่ไหม?”

สวีซุ่ยหนิงไม่สามารถบอกเขาได้ว่า เธอเป็นพวกเฉินลู่

สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับการจับคู่เธอกับเฉินลู่ เสี่ยวเย่รู้สึกว่าเธออาจจะกังวลมากกว่าเฉินลู่ด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นกรณีทั่วไปของจักรพรรดิที่ไม่กังวลแค่ขันทีกังวลกว่า

คราวนี้ลั่วจือเห้อ ไม่ได้เจอกับสวีซุ่ยหนิงมาหลายวันแล้ว เขาไม่ว่าง ดังนั้นวันนี้จึงหาเวลามาเจอเธอ และยังเพราะมีธุระด้วยเล็กน้อย

“เด็กชายที่เธอบอกฉัน ฉันไปตรวจสอบแล้ว ไม่ปฏิเสธว่ามีหลายสิ่งที่ยังตรวจหาไม่พบ แต่แปลกมาก ฉันหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย ตามคำอธิบายของเธอ เด็กคนนั้นอาจจะเป็นพวกคนเถื่อน หรือไม่ก็ได้รับการปกป้องไว้อย่างดี” ลั่วจือเห้อนิ่งไป จากนั้นพูดว่า “เธอแน่ใจหรือว่ากองเลือดที่เพื่อนของเธอเห็น ล้วนเป็นของเขา”

สวีซุ่ยหนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "เป็นไปได้ไหมว่า นั่นคือเลือดของไอ้สารเลวนั่น?”

“ยังจำมีดเล่มนั้นได้ไหมว่ามีลักษณะอย่างไร?”

ความทรงจำในเวลานั้นของสวีซุ่ยหนิง ค่อนข้างคลุมเครือ สิ่งเดียวที่จำได้ชัดเจนที่สุด ก็คือดวงตาของผู้ชายคนนั้น งดสวยมาก แต่เย็นชา

ระหว่างตกอยู่ในภวังค์ สวีซุ่ยหนิงจู่ๆ ก็นึกได้ว่า มีดเล่มนั้น มีช่วงหนึ่ง ที่ถูกตัวเองจับไว้ แต่สำหรับเธอแล้วเป็นไปไม่ได้ว่า จะมีความสามารถที่จะจับมีดนั้นไว้ได้

เมื่อเธอนึกความทรงจำนี้ขึ้นมาได้ สีหน้าของเธอก็ซีดเผือดตลอด

“ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องคิดมากแล้ว” ลั่วจือเห้อพูดปลอบเธอ “ฉันคิดว่า ตอนนั้นเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยซ้ำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา พ่อแม่ของเธอทำไมถึงจำเขาไม่ได้ล่ะ? เห็นได้ชัดว่าเขาหายไป อีกทั้งยังฉลาดมาก ละแวกนั้นมีกล้องวงจรปิด เพื่อนเธอเรียกตำรวจเพราะเธอ เพียงแค่พวกเธอไม่พูดถึงคนอื่นๆ นี่ก็จะถูดการจัดการให้เป็นคดีข่มขืนทั่วไป ตอนนั้น เธอได้พูดถึงคนนั้นหรือเปล่า?”

สวีซุ่ยหนิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า ในหัวของเธอว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง และจู่ๆ ก็มีคำสองสามคำผุดขึ้นในหัวเธอ

เธอนึกขึ้นได้ว่า ตอนนั้นตัวเองถูกตำรวจขวางไว้ เหตุใดเธอจึงส่งสัญญาณให้เพื่อนคนนั้นไปดู แต่ไม่ได้แจ้งกับตำรวจ

ตอนที่ผู้ชายคนนั้นเดินตามเธอไป ได้พูดว่า "อย่าพูดถึงฉัน"

สวีซุ่ยหนิงมีความทรงจำที่สับสนอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเวลานั้น เธอไม่ได้เริ่มวิ่งก่อน

เป็นเหมือนอย่างที่เขาบอกเธอว่า ฉันควรไปแล้ว เธอได้วิ่งไปข้างนอก

ในช่วงเวลานั้น สภาพจิตใจของเธอแย่มาก ไข้ขึ้นสูงไม่ลง เธออยู่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน พอตำรวจมาซักถามเธอ ก็เป็นแค่การบันทึกปากคำเอาไว้เท่านั้น

……

สวีซุ่ยหนิงขมวดคิ้วด้วยความปวดหัว

“ถ้าคิดแล้วไม่สบาย ก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องแย่ๆ เหล่านั้นแล้ว” ลั่วจือเห้อกล่าว

สวีซุ่ยหนิงพยักหน้า แต่หลังจากกลับไป ก็ได้โทรไปหาแม่สวี

เมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้ แม่สวีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว สวีซุ่ยหนิงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย แม้ว่าบุคคลนั้นจะถูกตัดสินจำคุกก็ตาม เธอไม่เคยถามเลยสักครั้ง น้ำเสียงของเธออดที่จะหนักแน่ไม่ได้ "ซุ่ยซุ่ย เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีค่ะแม่ หนูแค่ถามเฉยๆ” สวีซุ่ยหนิงพยายามทำน้ำเสียงให้ผ่อนคลาย “ในปีนั้นคนผู้นั้นถูกตัดสินลงโทษอย่างไร?”

ตอนนั้นหรือว่าเขาจะโกหกตัวเอง?”

แต่ไม่ว่าอย่างไร หลังจากที่อนุมานได้ว่าเขาน่าจะไม่เป็นอะไร ทั้งตัวถึงได้ผ่อนคลายลง

สวีซุ่ยหนิงจำได้ไม่ชัดเจนนัก ในครั้งแรกที่ได้เห็นเด็กชายคนนั้น ตอนนั้นอายุแค่สิบสอง สิบสามขวบเท่านั้น เมื่อเธอกลับมาจากโรงเรียน ได้เห็นเขาเล่นกับเสี่ยวจังซานที่มีขึ้นชื่อในความขี้โกง

ตลอดชีวิตของเสี่ยวจังซาน ในวัยเด็ก ดูชื่นชอบการคดโกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชอบที่จะฉกของจากมือของคนที่ชอบเก็บตัวไป

เพราะคนกลุ่มนี้ ถึงแม้จะทำผิด ก็ไม่กล้าพูดออกไป ส่วนใหญ่ต้องทนกับการเสียเปรียบที่ไม่อาจพูดได้อย่างเงียบๆ หรือร้องไห้ในใจอย่างเงียบๆ

สวีซุ่ยหนิงเกลียดเสี่ยวจังซาน ที่รังแกคนอย่างไร้ยางอาย ดังนั้นเธอจึงเดินไปยกเสี่ยวจังซานและพูดว่า “นายห้ามไปหาเขาอีก นายสามารถเล่นฉันได้เท่านั้น”

เด็กสวมหน้ากากอนามัยมองเธออย่างเย็นชา

พวกผีห่าซาตานทั้งหลาย

สวีซุ่ยหนิงคิด ภายใต้หน้ากากอนามัย จะต้องมีใบหน้าที่น่าเกลียดแน่

สวีซุ่ยหนิงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น จึงได้พาเสี่ยวจังซานออกไป เมื่อมองย้อนกลับไป รู้สึกว่าเด็กคนนั้นอยู่ตัวคนเดียว และดูน่าสงสาร ดังนั้นจึงให้เงิน สั่งให้เสี่ยวจังซานเอาขนมพวกนั้นไปให้

เสี่ยวจังซานเป็นพวกที่ชอบทำตัวเป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำกับเธอ

เธอไม่รู้ว่าเสี่ยวจังซานพูดอะไรกับเขา แต่เมื่อเห็นเด็กชายสวมหน้ากากนั้น แววตามองมา ดูเหมือนยิ่งเกลียดเธอมากขึ้นไปอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน