เฉินลู่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ซับซ้อนของเฉินเหลียน ก่อนเอื้อมมือเช็ดมุมปากที่บาดเจ็บอย่างสบายๆ และพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “แน่นอน ฉันก็แค่เดาเอาน่ะ”
เฉินเหลียนลังเล หลังจากเงียบไปนาน เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยความไม่เชื่อว่า “คนข้างนอกพูดกันว่าเซียวหร่านไม่ได้รักหล่อน ทำไมถึงต้องหาเรื่องโจวอี้แทนหล่อนด้วยล่ะ?”
เฉินลู่เหลือบมองสวีซุ่ยหนิงซึ่งอยู่ไม่ไกลและพยักหน้าอย่างเฉยเมย "คนข้างนอกพูดกันแบบนั้นก็จริง แต่ความจริงเป็นยังไง มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ นายคิดยังไงก็มีแค่นายเท่านั้นที่รู้เช่นกัน "
ใบหน้าของเฉินเหลียนแข็งทื่อ
เฉินลู่กลับไม่มองเขาอีกต่อไป แต่เดินไปหาสวีซุ่ยหนิงซึ่งอยู่ไม่ไกลแทน
เมื่อเธอเห็นเขา เธอยังคงมีใบหน้าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง
เขายืนอยู่ข้างๆและคุยกับเธอ เธอกำลังจะจากไป แต่เขาเรียกเธอเอาไว้ ดูเหมือนเขากำลังรออะไรบางอย่าง ราวกับว่าเขาไม่รีบร้อนที่จะจากไป
ไม่กี่นาทีต่อมา เฉินเหลียนก้าวไปข้างหน้าด้วยความคิดที่ตีกันในหัว แต่ก็ยังขอโทษเธอ "คุณสวี ขอโทษด้วยที่ทำหยาบคายกับคุณ"
สวีซุ่ยหนิงตอบเขาอย่างไม่เต็มใจ
เป็นเพราะซูหว่านจิ้ง ไม่ว่าคำขอโทษของเฉินเหลียนจะจริงใจแค่ไหน แต่เธอไม่มีทางรู้สึกดีกับเขาได้
เฉินลู่เหลือบมองเธอและพบว่าเธอจิตใจล่องลอยเล็กน้อย
แต่เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ถาม สวีซุ่ยหนิงก็ไม่พูดอะไรอีก สิ่งที่เขาพูดกับเฉินเหลียนเมื่อครู่ เธอได้ยินมาไม่มากก็น้อย เมื่อจัดระเบียบทุกอย่างที่เธอได้ยิน เธอก็พอจะเข้าใจ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนอยู่บ้าง
เธอรู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ได้ถามอะไรมาก
เฉินลู่ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นสวีซุ่ยหนิงจึงต้องรับหน้าที่ไปส่งเขา ขณะที่ทั้งสองลงมาชั้นล่าง หลี่ถูก็ปรากฏตัวขึ้น
เฉินลู่เหลือบมองหลี่ถูอย่างเย็นชา
หลี่ถูกระแอมเบา ๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าและพูดขึ้นว่า "ผมจะขับรถให้"
สวีซุ่ยหนิงตามเฉินลู่ไปที่เบาะหลัง เป็นเพราะแขนขาอันยาวเหยียดของเฉินลู่ทำให้พื้นที่ในรถดูเล็กลงมาก เธอขึ้นไปนั่งบนรถโดยไม่พูดอะไร
เธอชำเลืองมองโดยไม่ได้ตั้งใจ รอยแผลเป็นบนฝ่ามือของ เฉินลู่ยังคงอยู่ ตอนที่เธอแปะพลาสเตอร์ยาให้เขาครั้งล่าสุด เธอเดาไว้แล้วว่าแผลคงไม่หายเร็วๆนี้
เธอเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “มันกระทบกับงานของนายหรือเปล่า?”
“ช่วงนี้ฉันไม่ได้ผ่าตัดให้ใคร” เฉินลู่ตอบ “เอาไว้หายแล้วค่อยเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง”
สวีซุ่ยหนิงตอบรับว่า "อ๋อ" เบาๆและไม่ได้พูดอะไร แต่เธอรู้สึกถึงการจ้องมองของเขา ที่ดูเหมือนตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจ
ผ่านไปหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง มองจนเธอเริ่มรู้สึกขนหัวลุกอย่างอธิบายไม่ได้
แต่เขาไม่ได้รบกวนเธอ
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงพูดกับหลี่ถูว่า "นายอย่าลืมตามหาคนให้ฉันนะ"
เฉินลู่จึงถามขึ้น “เธอกำลังตามหาใครอยู่?”
ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้กับเขา สวีซุ่ยหนิงพูดตามความจริง "เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่หลงรักฉันสมัยม.ปลายน่ะ คนที่ฉันเคยเล่าให้นายฟัง เขาใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่เจอฉัน แต่ต่อมาเขาก็หายตัวไป ฉันอยากจะรู้ว่า... ตอนนี้เขาสบายดีไหม?”
เฉินลู่เหลือบมองเธอ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตามหาเขาไปทำไม?"
“ฉันแค่อยากรู้ว่าเขาสบายดีไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...