เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 277

สรุปบท บทที่ 277: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

สรุปเนื้อหา บทที่ 277 – เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น

บท บทที่ 277 ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ในหมวดนิยายการโต้แย้ง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จิ่นอวิ๋น อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

วันถัดไปเมื่อถึงบริษัท ก็เห็นว่าจางอวี้มาเที่ยวเล่นที่บริษัทเธอ จางอวี้เอ่ยว่า: "ฉันได้ยินมาว่าเฉินลู่กับเฉินเหลียนต่อยกันเหรอ?"

สวีซุ่ยหนิงไม่ตอบ

"ครอบครัวของพวกเขาพี่น้องเคารพกันตลอดไม่ใช่หรือไง" จางอวี้เอ่ยอย่างมีนัย "แถมเฉินเหลียนเข้าข้างโจวอี้ เฉินลู่เข้าข้างเธอ แถมเห็นว่าเขาเป็นคนเริ่มก่อนด้วย แต่เขาไม่ใช่คนวู่วามนี่นา"

สวีซุ่ยหนิงยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม

"หลังจากครั้งก่อน ทำไมเธอถึงไม่สารภาพกับลั่วจือเห้อแล้วล่ะ?" อยู่ๆ จางอวี้ก็เอ่ยขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย "หนิงหนิง ฉันคิดว่าเธอกำลังทำแบบนี้เพื่อตอบแทนเขา เพราะว่าเขาอยากคบกับเธอ เธอก็เลยทนเห็นเขาเสียใจไม่ได้ เธอเลยอยากรีบทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาต้องการ"

จะเรียกได้ว่า ทำเพื่อเอาใจอีกฝ่ายก็ได้

เหมือนกับคนอื่นทำดีต่อเรา เราก็เลยทำดีต่อคนนั้นตอบ

สวีซุ่ยหนิงลองไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า: "บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังไม่พร้อม"

"ยังไงก็แล้วแต่ ฉันทำแบบนั้นก็เพราะหวังดีกับเธอ" จางอวี้เอ่ย "อีกเรื่อง เธอเอาแต่ปฏิเสธเฉินลู่ตลอด นั่นมันก็เหตุผลของเธอ ในเมื่อเธอคิดว่าเขาไม่มีทางทำดีกับเธอได้ อย่างนั้นก็ตัดบัวให้ไม่เหลือไยคือทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าเกิดเฉินลู่ทำดีกับเธอได้จริงๆ ละ?"

วันนี้เธอโดนรัวคำถามใส่จนไม่รู้จะตอบอะไร

จางอวี้ก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี เธอเอ่ยอีกว่า: "แต่คนอย่างเฉินเหลียนเนี่ย ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ วันนี้ฉันเจอเขา เขากำลังอยู่กับเซียวหร่านพอดี ฉันนึกว่าเขาต้องการจะถามเรื่องของโจวอี้ แต่เฉินเหลียนกลับเอาแต่ถามเซียวหร่านว่าตกลงแล้วเขานั้นชอบซูหว่านจิ้งจริงๆ หรือเปล่า"

"เซียวหร่านตอบว่าอะไร?"

"เขาพูดว่าเถ้าแก่ซูอะไรแล้วนะ บอกว่ารู้สึกดีกับเถ้าแก่ซู"

น้ำเสียงเขาดูไม่จริงใจ แถมยังเอ่ยออกมาตรงเกินไป จนจางอวี้ต้องใช้เวลาคิดอยู่พักใหญ่ว่ามีความอะไรแฝงอยู่หรือเปล่า

แต่ท่าทีไม่จริงจังกับชีวิตของเซียวหร่าน เพราะเขาอายุยังน้อยแถมยังนิสัยเหมือนนักเลง ประกอบกับน้ำเสียงไม่จริงใจของเขา ที่จริงมันดูเข้ากันมากๆ เลยล่ะ

จางอวี้มักจะมีความคิดที่ว่า เวลาอยู่บนเตียงเซียวหร่านจะต้องเป็นผู้ชายที่ดุดันเร่าร้อน แต่ว่า เคยได้ยินเถ้าแก่ซูบอกว่าส่วนใหญ่เธอมักจะหาวิธีมาบังคับเขามากกว่า

เราตัดสินคนจากหน้าตาไม่ได้จริงๆ

หรือบางที อาจเหมือนที่เขาชอบพูดก็ได้ เขารับไม่ได้ที่ซูหว่านจิ้งทั้งแก่ทั้งน่าเบื่อ แต่ก็เพื่อผลประโยชน์นิดๆ หน่อยๆ เลยต้องเสียสละตัวเองบ้าง

อย่างไรเสียเขาก็อดทนเป็นเด็กในปกครองของซูหว่านจิ้งมาหลายปี คนที่เขาชอบจริงๆ เขาก็แอบคบอยู่ตั้งนาน แต่หลังจากนั้นก็โดนซูหว่านจิ้งจับได้คาหนังคาเขา

ต้องโดนบังคับจนต้องเลิกกับคนที่ชอบ แถมยังทนอยู่กับซูหว่านจิ้งมานานขนาดนี้อีก

เห็นได้ชัดว่าเขาต้องใช้ความอดทนมาก เกลียดแต่ต้องทน ซูหว่านจิ้งก็กลายเป็นคนที่โดนนอกใจ แถมเซียวหร่านยังหน้าด้านแย่งสมบัติของเธอไปอีก ทรัพย์สินก่อนหน้านี้ของตระกูลซูโดนเซียวหร่านเอาไปไม่น้อย แต่ซูหว่านจิ้งไม่เคยเข้าไปยุ่งเลย

"ต่อจากนั้นเฉินเหลียนก็พูดกับเซียวหร่านว่า เขาต้องออกไปจากชีวิตของซูหว่านจิ้ง เซียวหร่านก็ถามเขากลับว่า เขาจะมาแย่งตำแหน่งหรือยังไง?"

สวีซุ่ยหนิงกำลังตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ แต่อยู่ๆ จางอวี้ก็หยุดเล่า

เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย จางอวี้ยักไหล่แล้วเอ่ยว่า: "ฉันได้ยินมาเท่านี้"

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกเซ็งเล็กน้อย แล้วสั่งให้เธอลองไปถามดู

แต่พอวันถัดไปที่จางอวี้มาหาใหม่ เธอไม่ได้เอาเรื่องที่ต่อจากเมื่อวานมาเล่า แต่เธอเล่าเรื่องของเฉินลู่: "เขาหยุดพักผ่อนมาสองสามวันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินมาว่าเขายกแขนไม่ไหว ช่วงนี้ก็ไม่ไปทำงาน จากเดิมที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง ดูเหมือนว่าจะชวดด้วยเหมือนกัน"

สวีซุ่ยหนิงเงียบ

"พี่ซุ่ยหนิงทำมาให้ค่ะ แต่ว่าเธอไม่ยอมมาเจอหน้าพี่ แต่ฉันเห็นนะคะว่าพี่ซุ่ยหนิงไปเลือกอาหารทะเลด้วยตัวเองเลย แถมยังตั้งใจตุ๋นจนข้าวฟ่างนุ่มจนข้นเลยค่ะ"

กลัวว่าเฉินลู่จะไม่รู้ สิ่งที่เธอต้องการจะสื่อก็คือ สวีซุ่ยหนิงกลัวว่าเฉินลู่จะเจ็บปาก ก็เลยต้มจนข้าวนั้นพองตัวจนเละข้น

เฉินลู่เอ่ยอย่างเกรงใจ: "รบกวนแล้ว"

เสี่ยวเย่บอกออกมาตามตรงจากใจ: "พี่เฉินลู่ พี่มีอะไรที่อยากฝากฉันไปบอกไหมคะ?"

"เธอบอกเธอว่า วิลล่าหลังนี้ ฉันเก็บจนสะอาดเรียบร้อยหมดแล้ว" เฉินลู่คิดนิดหน่อย แล้วพูดต่อ "ยินดีต้อนรับให้เธอมาเที่ยวเล่นตลอดเวลา รหัสประตูกับอย่างอื่น เธอก็แค่บอกว่า เธอน่าจะรู้ดี"

เสี่ยวเย่เอาสาสน์ไปบอกกับสวีซุ่ยหนิงตามตรงและครบถ้วน

สวีซุ่ยหนิงเผยนัยน์ตาซับซ้อน ไม่รู้ว่าที่เขาบอกว่าเก็บจดสะอาดเรียบร้อยแล้ว หมายความว่าของที่เกี่ยวกับโจวอี้ ไม่มีเหลืออยู่อยู่แล้วแม้แต่นิดเดียว

เพราะที่เก่า ที่ห้องนอนหลัก ยังมีรูปแต่งงานของเขากับโจวอี้แขวนเอาไว้อยู่เลย

แถมยังมีเสื้อผ้าของโจวอี้หลงเหลืออยู่

......

ตอนที่หลี่ถูมาเยี่ยมเฉินลู่อีกครั้ง เขาดูใจลอยเล็กน้อย

เฉินลู่เทน้ำให้เขา

"เฉินลู่ นายมันใจแคบมากเลย ทั้งที่เด็กหนุ่มคนนั้นเป็น......"

"เป็นอะไร?" เฉินลู่ถาม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน