ในช่วงเวลานั้น โทรศัพท์ของเฉินลู่ก็ดังขึ้น มีอีกหลายสายที่ไม่ได้รับ
สวีซุ่ยหนิงเหลือบมองโปรไฟล์วีแชท เธอรู้ได้ทันใดว่าเป็นสาวน้อยที่เฉินลู่กำลังคั่วอยู่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้
เมื่อครุ่นคิด เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ หรือเธอกำลังเสียใจที่เมื่อวานไม่ฆ่าเฉินลู่ให้ตายไปซะ
หลังจากนั้นก็โทรเข้ามาอีกสาย เสียงโทรศัพท์ดังนับครั้งไม่ถ้วน
เฉินลู่ชำเลืองมองหน้าจอและรับสายโทรศัพท์
ทั้งชีวิตของสวีซุ่ยหนิงประสบการณ์ในด้านนี้น้อยมาก และด้วยความเป็นคนซื่อ ทันทีที่เฉินลู่รับสาย เธออดไม่ได้ที่จะประหม่า
เขาเปิดลำโพงและวางโทรศัพท์ไว้ข้างเธอ
สวีซุ่ยหนิงรีบยกมือปิดปาก กลัวว่าเธอจะส่งเสียงร้องใดๆ
“เฉินลู่ วันนี้คุณออกไปทานข้าวกี่โมง?” เธอฟังออกว่านี่คือเสียงผู้หญิงคนเมื่อวาน เธอเอ่ยขอโทษ "เมื่อวานต้องขอโทษด้วย ฉันคิดว่า พวกเราคบกันแล้ว"
เฉินก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนัก เขานิ่งเงียบ
"ผู้หญิงคนเมื่อวานนี้...."
เฉินลู่เอ่ยด้วยเสียงนิ่งเรียบ "ไม่ได้สนิท"
"งั้นตอนนี้คุณทำอะไรอยู่?"
เฉินลู่งับปลายจมูกของสวีซุ่ยหนิงและเอ่ยอย่างเย็นชา "ฉันกำลังอยู่บนเตียงกับผู้หญิงคนเมื่อวาน"
น้ำเสียงของปลายสายดูไม่พอใจเล็กน้อย เธอเอ่ย "ต่อให้คุณจะปฏิเสธฉัน ควรหาเหตุผลให้เหมาะกว่านี้...เมื่อกี้บอกไม่สนิท...ตอนนี้กลับบอก...."
เสียงของเฉินลู่แผ่วเบาเป็นอย่างมาก "หรือเธอคิดว่า ฉันไม่ได้กำลังมีเซ็กส์งั้นเหรอ?"
อีกฝ่ายวางสายทันใด
ภายในใจของสวีซุ่ยหนิงเต็มไปด้วยความโกรธ เฉินลู่ใช้เธอปฏิเสธคนนอก เขานั้นใจร้ายมาก
เฉินลู่ขยับไปด้านข้างของเธอและเอ่ย "นี่ทำให้เสียสมาธิเหรอ?"
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขามาส่งเธอที่บ้าน ที่แท้รออีกหนึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมาส่งเนื่องด้วยเหตุผลนี้
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันไม่เชื่อว่านายจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของพ่อของฉันไปตลอด นายโอนเงินมาให้ฉันก่อนสองล้านหยวน"
"อืม" เฉินลู่ไม่ปฏิเสธ ตั้งแต่เขาลุกจากเตียง ท่าทีของเขาก็ดูห่างเหินอีกครั้ง
สวีซุ่ยหนิงลงจากรถ ขาของเธอปวดมากกว่าเก่า โชคดีที่จางอวี้อยู่ด้านล่างแล้ว
จางอวี้มองรถที่ขับออกไปด้วยสายตาแปลกใจ เธอเอ่ย "นั่นใช่รถของเฉินลู่หรือเปล่า?"
"ใช่" สวีซุ่ยหนิงตอบ
"เธอกับเฉินลู่....."
สวีซุ่ยหนิงมองเธอและไม่ตอบอะไร
จางอวี้ขมวดคิ้ว เธอทอดถอนหายใจและเอ่ย "เมื่อวาน เป็นงานหมั้นของโจวอี้ นักธุรกิจต่างชาติที่ร่ำรวย เขาเป็นตาเฒ่า ฉันไม่เข้าใจเลย เฉินลู่ทั้งรักทั้งหลงเธอแล้วยังร่ำรวยอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นวัยรุ่นไฟแรง มีอะไรที่เทียบตาเฒ่าต่างชาติคนนั้นไม่ได้"
สวีซุ่ยหนิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว "ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาแล้ว ฉันจะขึ้นไปพักผ่อนด้านบน"
เดิมทีจางอวี้มาหาเธอเพื่อจะไปทานอาหารเย็นด้วยกัน เพียงแค่เห็นท่าทีของเธอ ทำได้เพียงแค่ปล่อยผ่านความคิดนั้นไป เธอประคองสวีซุ่ยหนิงขึ้นไปยังชั้นบน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอเห็นรอยกัดที่นับไม่ถ้วนบนร่างกายของเธอ
"เฉินลู่ทำงั้นเหรอ?"
สวีซุ่ยหนิงตอบรับ 'อืม' "เมื่อวานเขาเมามาก ตอนแรกดูเหมือนเขาจะคิดว่าฉันคือโจวอี้"
เพียงแค่จางอวี้ได้รับฟัง เธอก็รู้สึกสงสารสวีซุ่ยหนิง เธอไม่สามารถนึกถึงความอ่อนโยนของเฉินลู่ได้เลย เขาโหดเหี้ยมมากขึ้นทุกวัน
"ไม่ใช่ว่าเธอจะไปเที่ยวเหรอ? ไปหาเพื่อนเถอะไป" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันจะพักเสียหน่อย"
"เธอแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร?"
สวีซุ่ยหนิงส่ายหน้าและสูดลมหายใจ "ไม่ อีกเดี๋ยวฉันจะไปแช่น้ำแล้วจากนั้นฉันก็จะไปกินข้าว"
เมื่อจางอวี้จากไป
ในขณะที่สวีซุ่ยหนิงกำลังแช่น้ำ เฉินลู่ก็โอนเงินเข้าบัญชีของเธอ เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยและถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในเมื่อสิ่งต่างๆได้เกิดขึ้นแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน
ในขณะที่กินอาหารค่ำ จางอวี้ได้ส่งภาพงานหมั้นของโจวอี้มาสองสามรูป ผู้ชายคือธรรมดามาก แต่โจวอี้นั้นงดงามจริงๆ ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้แต่งงานเข้าตระกูลร่ำรวยไม่ใช่เรื่องแปลก
ส่วนเฉินลู่นั้นหากว่าไม่ใช่เพราะแม่เขาปรามไว้ หล่อนเองก็สามารถเหยียบย่างเข้าบ้านเขาได้อย่างง่ายดาย
เธอนึกขึ้นได้ ภายในห้องของเฉินลู่ ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของเขาและโจวอี้ ยังไม่ถูกนำออกไป แน่นอนว่าต้องมีใครสักคนที่ไม่ยินดีในการเลิกรานี้ คนที่เอ่ยคำว่าเลิกคือเขา แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่นึกถึง
หากไม่นึกถึง เมื่อคืนก็คงจะไม่เมามายขนาดนั้น
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับสวีซุ่ยหนิง พูดตามตรง ทักษะของเฉินลู่ดีมาก เธอเองก็ได้รับความสุข มีชีวิตอยู่ก็ต้องเปิดโลกให้กว้างยิ่งขึ้น เธอเป็นเหยื่อ หรือว่าในทุกวันจะต้องไม่มีความสุขงั้นเหรอ?
ทุกวันของสวีซุ่ยหนิงแน่นอนว่าเธอผ่านมันไปอย่างยากลำบากแต่เธอก็ไม่ท้อถอย เพียงชั่วพริบตา ช่วงปิดเทอมภาคฤดูหนาวก็ใกล้เข้ามาแล้ว เธอกำลังเก็บของกลับบ้าน แม่ของเธอดูแลพ่อเพียงคนเดียว มันก็ค่อนข้างจะลำบาก
ทว่าเธอคาดไม่ถึงเลยว่าในตอนนี้เฉินลู่จะคั่วแม้กระทั่งเด็กมหาลัย มีครั้งหนึ่งเธอเห็นเขามาส่งนักเรียนหญิงคนหนึ่งในชั้นเรียนของเธอ หากว่าสวีซุ่ยหนิงจำไม่ผิด น่าจะเป็นเด็กบริหารธุรกิจ1702 เธอสอนวิชา "การค้าระหว่างประเทศ" ให้กับเธอ
เมื่อเด็กสาวเห็นเธอ เธอแสดงท่าทีเขินอายเล็กน้อยพลางเอ่ย "อาจารย์คะ อาจารย์อย่าเข้าใจผิดนะคะ หนูไม่ได้ถูกเขาเลี้ยงดูนะคะ พวกเราเป็นเพื่อนกันค่ะ ไปทานข้าวด้วยกันเท่านั้นเอง"
สวีซุ่ยหนิงพยักหน้า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เธอต่างหากที่ดูเหมือนถูกเขาเลี้ยงดู "แต่ก็ต้องระวังหน่อยนะ ผู้ชายคนนั้น เขามีคนในใจอยู่แล้ว เลี่ยงไว้ก็ดี"
เด็กสาวกลอกตา "อาจารย์ แต่เขาดีมากจริงๆ ต่อให้ในใจของเขามีใครอยู่แล้ว แต่หนูก็อาจจะเป็นคนต่อไปก็ได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...