เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 29

คำพูดของเฉินลู่ ทำให้ผู้คนรอบข้างหันมามองเขา

สวีซุ่ยหนิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอกล่าว "นายจะไปหาฉันทำไม?"

เฉินลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ "ฉันเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากต่างประเทศมาให้พ่อเธอ เมื่อถึงเวลานั้นฉันก็ต้องรีบพาไปแนะนำ"

ที่แท้ทำตามสัญญาเรื่องบนเตียง

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "หากนายไปแล้วก็โทรหาฉัน ถึงตอนนั้นฉันจะเลี้ยงข้าวนาย"

เฉินลู่ตอบรับ'อืม'ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

เขาไม่พูดอะไรมากนัก เขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนรอบข้างและไม่เข้าร่วมหัวข้อสนทนาของพวกเขา ส่วนคนรอบข้างต่อให้ไม่มีเรื่องจะพูด พวกเขาก็จะหาเรื่องมาพูดคุยกับเขา

จางอวี้โน้มตัวและกระซิบกระซาบข้างหูเธอ "คนพวกนี้ทำธุรกิจร่วมกับตระกูลเฉิน พ่อของเฉินลู่เก่งของแท้ ดังนั้นเฉินลู่เองก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน"

สวีซุ่ยหนิงกำลังจะโน้วตัวและตอบกลับประโยคของเธอ ทว่าร่างกายกลับแข็งทื่อ

มือของเฉินลู่วางลงบนต้นขาของเธอ กำลังจะเคลื่อนไปยังที่ใดที่หนึ่ง

เมื่อเธอหันกลับมา กลับเห็นว่าท่าทีของเขานั้นสงบนิ่ง กำลังนั่งดื่มชา ใครจะรู้ได้ว่ามือของเขาที่อยู่ใต้โต๊ะกำลังอยู่ไม่สุข

"เป็นอะไรไป?" จางอวี้เห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ดีนักจึงเอ่ยปากถาม

"เปล่า" สวีซุ่ยหนิงนั่งตัวตรงและจับมือเขาไว้

เฉินลู่เมื่อมองแล้วเขาดูสุภาพอ่อนโยน ทว่าพละกำลังมือของเขานั้นแข็งแกร่งมาก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้กระทำเรื่องไม่เหมาะสมแบบนี้

นิ้วมือของเฉินลู่เรียวยาว....

ฉับพลันเธอลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ จางอวี้จ้องมองเธอด้วยความสงสัย

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันขอตัวไปห้องน้ำ"

เธอวิ่งและหายวับไปในทันที

เฉินลู่เลิกคิ้ว เขาเหยียดมือออกมาหยิบกระดาษทิชชู่และเช็ดมือ เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและตรงไปยังห้องน้ำ

.......

เมื่อสวีซุ่ยหนิงจัดการธุระของตนเองเสร็จ เธอสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง และก้าวเท้าและเดินออกจากห้องน้ำ

จากนั้นเธอเห็นว่าเฉินลู่กำลังยืนรออยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ

"นายตามฉันมาห้องน้ำทำไม?" สวีซุ่ยหนิงเอ่ยด้วยความระมัดระวัง

เขาเอ่ยแฝงความนัยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "มือเปื้อนน้ำก็เลยมาล้างไง"

น้ำมาได้อย่างไร นั่นคืออีกหัวข้อที่ข้ามเส้น

สวีซุ่ยหนิงมองมือที่เรียวยาวและมองกระดูกข้อต่อที่ชัดเจนของเขาโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าเขาล้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เธอทำหน้าตาบูดบึ้ง ไม่สามารถยั่วยุเขาได้ นิ่งและเงียบไว้

เฉินลู่เอื้อมมือออกมาและทัดผมไว้กับใบหูของเธอพลางเอ่ย "เธอนี่ร้ายไม่เบาเลยนะ"

“เฉินลู่ นายไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว นายทำด้วยตัวนายเอง เอาแต่บอกว่าฉันทำ ฉันทำอะไร?” สวีซุ่ยหนิงอดไม่ได้ที่จะพูด

สายตาของเธอชำเลืองมองเขา กลับเห็นว่าท่าทีของเขานั้นสงบนิ่ง เธอไม่อาจสงบได้อีกต่อไป

ในตอนนี้เฉินลู่ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อเธอเลย เขาเพียงแค่หยอกล้อเธอเล่นเท่านั้น

มือของเขาเคลื่อนจากใบหูของเธอไปยังด้านหลัง จากนั้นเขาคว้าเอวของเธอไว้ เอวของสวีซุ่ยหนิงนั้นบางมาก บอบบางกระทั่งเมื่อโอบกอด ทำให้คนรู้สึกอยากทำลาย เฉินลู่ก้มศีรษะลงมองใบหูของเธอพลางเอ่ย "คืนนี้ไปบ้านฉันไหม?"

ภายในใจของสวีซุ่ยหนิงมีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น เธอเอ่ยด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ "พรุ่งนี้ฉันต้องกลับตั้งแต่เช้าตรู่ ถ้าไปบ้านนายก็คงกลับไม่ทัน"

เฉินลู่ปล่อยเธอ เมื่อคิดว่าเธอสามารถจากไปได้ เขาก็ลากเธอเข้าไปยังห้องน้ำชาย

แม้ว่าในตอนแรกจูบของเฉินลู่จะดูเหมือนค่อยเป็นค่อยไป เพียงแค่สังเกตด้วยความละเอียด มีพลังงานครอบงำที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ซ่อนเอาไว้

มือทั้งสองของสวีซุ่ยหนิงวางลงบนแผงอกของเขาและคิดอยากจะผลักไส ทว่ามันก็ไร้ผล

เฉินลู่กล่าว "คุกเข่า"

สวีซุ่ยหนิงกับเขามีอะไรผ่านกันมาหลายครั้ง พอจะเข้าใจในความหมายของเขา นั่นคือต้องการให้เธอใช้ปาก เธอไม่ยินยอมและเอ่ย "สกปรกเกินไป"

สัมผัสได้ถึงอารมณ์ฉุนเล็กน้อยของเขา น้ำเสียงของเขายังคงเหมือนเดิม "ฉันบอกให้คุกเข่าลงไป"

"ไม่" ภาพทรงจำเลวร้ายของสวีซุ่ยหนิงต่างก็พรั่งพรูออกมา ร่างกายเธอสั่นเทิ้ม เอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ "ฉันต้องกลับไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคนข้างนอกจะสงสัยเอาได้"

"สวีซุ่ยหนิง" เฉินลู่หรี่ดวงตาและเอ่ยเตือน

สวีซุ่ยหนิงยังคงไม่กล้ายั่วยุโทสะเขา อย่างไรก็ตามอนาคตของพ่อเธอก็อยู่ในกำมือของเขา เสียงของเธอเบาลงเล็กน้อย เธอไม่เอ่ยคำพูดใด แต่ยังคงแสดงท่าทีไม่ยินยอม

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอกัดริมฝีปากล่างแล้วเอ่ย "สิ่งนี้ฉันทำไม่ได้จริงๆ"

ตั้งแต่ที่เฉินลู่หลับนอนกับสวีซุ่ยหนิงครั้งล่าสุด เขาสนใจในตัวเธอมากขึ้น ให้ความใส่ใจแก่เธอมากขึ้น คำขอของเธอ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็สนองให้เธอ เขาชอบความกล้าและความตื่นตัว ในตอนนี้ความรู้สึกน่าเบื่อพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เฉินลู่นั้นมีความสนใจในคนที่พร้อมจะปรนเปรอตนเอง ต่อให้จะน่าสนใจเป็นพิเศษ เขาอยากทำก็ต้องทำให้ได้ หากสิ่งของที่เขาไม่สนใจ เขาก็จะไม่เสียเวลาไปนึกถึงมัน

เขาปล่อยสวีซุ่ยหนิง

"จัดการตัวเองแล้วออกไป" เขาเอ่ยอย่างไร้อารมณ์

วินาทีที่เขาปล่อยสวีซุ่ยหนิง เธอสัมผัสได้ถึงความแปลกแยกและเหินห่างจากเขา

แท้จริงแล้วผู้หญิงนั้นมีความไวต่อความรู้สึก ท่าทีของผู้ชาย ผู้หญิงสามารถรู้สึกได้ไม่มากก็น้อย

เธอรู้ว่าท่าทีของเฉินลู่นั้นไม่ใช่ว่าเขาจะปล่อยเธอไป เพียงแต่ว่าเธอนั้นทำให้เขาไม่พอใจเล็กน้อย

สวีซุ่ยหนิงจับมือของเขาไว้โดยไม่รู้ตัว เธอเอ่ย "ขอโทษ มันคือปัญหาของฉัน สำหรับเรื่องนี้ก้นบึ้งจิตใจของฉันไม่อาจรับได้ แต่ทว่าเรื่องพ่อของฉัน รบกวนนายช่วยให้การสนับสนุนด้วย"

เฉินลู่หันกลับมาและชำเลืองมองเธอ ใบหน้าของเธอซีดเซียว มือของเธอจับไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะจากไป

โดยปกติของคนทั่วไปมักใจอ่อน ทว่าเฉินลู่นั้นก็มีเหตุผล อารมณ์ของความเห็นอกเห็นใจนั้นสัมพันธ์กับความต้องการทางร่างกายของเขา หากร่างกายของเขาไม่พอใจ ความรู้สึกเห็นใจจะเท่ากับศูนย์

เขาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เขาดึงมือของเธอออกและเอ่ย "เธอวางใจ เงินสองล้านนั่นมอบให้เธอแล้ว มันเป็นของเธอ เจียงเจ๋ออยู่ต่างประเทศ เขายังคงอยู่ต่างประเทศอีกระยะหนึ่ง"

เขาบอกว่าอีกระยะหนึ่ง

หัวใจของสวีซุ่ยหนิงทรุดลงอย่างรุนแรง เธอเอ่ย "แล้วหมอคนใหม่ที่นายพบล่ะ?"

"ในการให้เขามา จำเป็นจะต้องอยู่ในประเทศอีกนานและต้องใช้เงินหลายล้าน เงินของฉันไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้า" เฉินลู่เอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง "หวังว่าคุณลุงจะสามารถสร้างบุญกุศลที่มากพอ"

สวีซุ่ยหนิงยืนนิ่งงันด้วยความว่างเปล่า ความหมายของเขาชัดเจนมาก เขาไม่ช่วยอีกแล้ว แท้จริงแล้วท่าทีของเขาที่มีต่อเธอเมื่อครู่นี้นั้นไม่ได้เลวร้ายเลย ไม่อย่างนั้นทันทีที่เขามาถึง เขาคงไม่มานั่งข้างกายเธอ

เมื่อมาคิดในตอนนี้ เฉินลู่ทำเรื่องราวให้เธอมากมาย นั่นหมายความว่าเขาต้องการร่วมมือกับเธอในระยะยาว เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อครั้งเดียว

การเอาใจใส่ของผู้ชาย ไม่ใช่ว่ามีเหตุผลทั้งหมดหรอกเหรอ?

สวีซุ่ยหนิงรักพ่อสวีมาก เพื่อพ่อสวีแล้วอะไรเธอก็สามารถทำได้ ทว่าเหมือนว่าเธอทำเรื่องนี้พังทลายลงไปแล้ว

เธอหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้น หยดน้ำตาร่วงหล่นกระทบพื้น

สวีซุ่ยหนิงนั่งลงอย่างหมดสภาพ จากนั้นไม่กี่นาที มีมือข้างหนึ่งยื่นกระดาษทิชชู่ให้กับเธอ

มือของเฉินลู่ เธอคุ้นเคยกับมันอย่างดี

สวีซุ่ยหนิงขอบคุณเขาและรีบเอ่ยทันทีทันใด "สำหรับเรื่องนี้ ฉันรับไม่ได้จริงๆ ฉันมีปม"

"นั่นมันเรื่องของเธอ" เฉินลู่เอ่ยเบาๆ "เช็ดน้ำตาซะ การร้องไห้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ผู้หญิงสามารถร้องไห้ได้ แต่ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะเห็นอกเห็นใจกับการร้องไห้ของผู้หญิง อย่างน้อยสำหรับฉัน ฉันคิดว่ามันค่อนข้างน่ารำคาญ"

เขาหยุดชั่วขณะ จากนั้นเอ่ย "เหตุผลที่เธอไม่อยากทำ นั่นคือเรื่องของเธอ ฉันรู้สึกเบื่อก็คือรู้สึกเบื่อ ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะปฏิเสธฉันด้วยเหตุผลอะไร"

หลังจากนั้นไม่นาน สวีซุ่ยหนิงตอบรับ 'อืม'

"จัดการตัวเองให้ดี" เฉินลู่หันหลังกลับและจากไป

เมื่อสวีซุ่ยหนิงกลับมายังที่นั่งของเธอ เฉินลู่ก็ไม่อยู่แล้ว ได้ยินพวกเขาบอกว่าถูกผู้หญิงคนหนึ่งลากไป ส่วนจะเป็นใคร ไม่มีใครรู้จัก

มีคนหนึ่งเอ่ยติดตลก "ตอนนี้แวดวงผู้หญิงของเฉินลู่กว้างขวางมาก ในอนาคตหากต้องการเลือกผู้หญิง คงต้องขอคำแนะนำจากเฉินลู่"

"อย่างเฉินลู่นี่เรียกว่าอะไร ผลข้างเคียงจากโจวอี้?"

“ตอนนั้นไม่ใช่ว่าฉันเคยพูดไว้หรอกเหรอ ในกระดูกดำของเฉินลู่นั้นไม่ใช่ผู้ชายดั้งเดิมอะไรหรอก เพียงแต่ว่าเขาถูกโจวอี้ผูกมัดไว้ ทันทีที่โจวอี้จากไป นิสัยเดิมของเขาจะไม่ปรากฏออกมาได้ไง?”

ลั่วจือเห้อเห็นว่าสวีซุ่ยหนิงมาแล้ว เขาก็ยื่นน้ำให้กับเธอ

จางอวี้เอ่ย "หนิงหนิงของเรา คอก็แข็งใช้ได้ ดื่มน้ำเปล่ามีประโยชน์อะไรเล่า?"

ลั่วจือเห้อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายิ้ม "พรุ่งนี้เธอต้องกลับแล้ว ถ้าเธอดื่มจนเมา เมื่อถึงเวลาแล้วหลับเพลินจะทำไงล่ะ?"

ทันทีที่จางอวี้ได้ฟัง นั่นก็คือเหตุผล เธอเอ่ย "พี่คิดได้อย่างรอบคอบ สมกับที่เป็นผู้ชายอบอุ่นอันดับหนึ่งแห่งเมืองa"

ลั่วจือเห้อเป็นมิตรกับทุกคน แต่กับใครก็ตามก็ยังเว้นระยะห่าง

สวีซุ่ยหนิงกลับนึกถึงพ่อของเธอ พ่อสวีเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและใจดีกับทุกคน เมื่อตอนที่เขายังหนุ่มยังแน่น เขาทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว กระตือรือร้นทะเยอทะยาน แต่ตอนนี้ข้อมือของเขาเต็มไปด้วยรอยกรีด ทั้งหมดคือร่องรอยการทำร้ายตัวเอง ประโยคที่เอ่ยออกจากปากอยู่บ่อยครั้ง ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว

"หนิงหนิง พ่อเจ็บปวดมากเหลือเกิน ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ"

"ตายไปก็สิ้นเรื่อง แต่หนิงหนิงก็จะไม่มีพ่อแล้ว"

สวีซุ่ยหนิงทรุดตัวลงเล็กน้อย

จางอวี้ที่อยู่ด้านข้างตกใจไม่น้อยและรีบเข้ามาปลอบเธอ "เป็นอะไรไป? สวีซุ่ยหนิง ฉันพูดอะไรไปผิดหรือเปล่า?"

การร้องไห้นั้นไร้ประโยชน์ การร้องไห้นั้นไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย การร้องไห้ไม่ได้ทำให้เธอประทังชีวิตครอบครัวได้ เธอยิ้มและเอ่ย "อารมณ์ฉันอ่อนไหวเกินไป จู่ๆฉันก็นึกถึงหนังเรื่องหนึ่งและมันอดไม่ได้"

เธออยู่เพียงไม่นานและต้องการจะกลับ

จางอวี้ดื่มเหล้า ลั่วจือเห้อจึงเอ่ย "ฉันไปส่งเธอ"

สวีซุ่ยหนิงไม่ได้ปฏิเสธ เธอรู้สึกว่าเขาน่าจะมีบางอย่างอยากจะคุยกับเธอ

เมื่อลั่วจือเห้อจอดรถที่ชั้นล่างอาคารของเธอ เขาเอ่ยขึ้น "ถ้าเธอมีปัญหาอะไร เธอบอกฉันได้ ถ้าหากฉันสามารถช่วยอะไรเธอได้ เธอบอกฉันได้เลย"

สวีซุ่ยหนิงฝืนยิ้มและเอ่ย "ฉันสามารถจัดการได้ นายไม่ต้องห่วง"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน