เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 29

ไม่ใช่ว่าเธอเกรงใจ แต่ลั่วจือเห้อไม่อาจช่วยเธอได้ อันดับแรกคือเรื่องของเจียงเจ๋อ ครั้งก่อนเขาเคยพูดไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจียงเจ๋อก็เป็นพี่น้องที่เติบโตร่วมกันมา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสำหรับเรื่องนี้เขาไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้

นอกจากนี้เรื่องของพ่อสวี จะต้องว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ใช้จ่ายเงินหลักล้านอยู่เสมอ หยิบเงินหลักล้านมาช่วยคนคนหนึ่งที่ไม่สนิทชิดเชื้อมันดูเป็นไปไม่ได้ หากจะให้ใช้จ่ายในเรื่องอุปกรณ์สิ่งของต่างๆ ดูเหมือนเธอจะรบกวนเขา

หากเธอเอ่ยปากถึงเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ ลั่วจือเห้ออาจจะลำบากใจก็ได้ สวีซุ่ยหนิงไม่อยากให้เกิดเรื่องอึดอัดแบบนั้นขึ้น

สวีซุ่ยหนิงครุ่นคิดและเอ่ย "หากฉันต้องการความช่วยเหลือจากนาย ฉันจะบอกนายอย่างแน่นอน"

ลั่วจือเห้อพยักหน้าและไม่ถามอะไรอีก

ค่ำคืนนั้นสวีซุ่ยหนิงฝันร้าย

ในฝันร้ายนั้นมีชายวัยกลางคน ร่างกายเปลือยเปล่า บังคับให้เธออ้าปาก รอยยิ้มของเขาเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกขนพอง

เธออ้อนวอนร้องขอความเมตตาไปก็เปล่าประโยชน์

ท้ายที่สุดสวีซุ่ยหนิงก็ใช้มีดแทงชายคนนั้น

เลือดกระเซ็นเข้าดวงตาของเธอ ภาพตรงหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงฉาน มองภาพทุกอย่างไม่ชัดเจน

สวีซุ่ยหนิงก็ตื่นขึ้น

เมื่อเธอตื่นขึ้นแล้วเธอก็นอนไม่หลับอีกเลย

กระทั่งฟ้าสว่าง เธอรู้สึกตื่นตัวเป็นอย่างมากและไปถึงสนามบินก่อนเวลาสองชั่วโมง

สวีซุ่ยหนิงไม่รู้ว่าทำไมถึงบังเอิญได้ขนาดนี้ เธอพบกับเฉินลู่ที่สนามบิน เธอเห็นว่าเจี่ยงหนานตั๋วก็มาด้วย เธอเดาว่าพวกเขาอาจจะไปทำงานนอกพื้นที่

ข้างกายเฉินลู่มีหญิงสาวคนหนึ่ง เธออาจจะมาส่งเขา สวีซุ่ยหนิงคลับคล้ายคลับคลาว่าหญิงสาวคนนี้คือเน็ตไอดอล เธอค่อนข้างมีชื่อเสียง

หญิงสาวคนนั้นโน้มตัวและพูดอะไรบางอย่างข้างหูเขา เขาพยักหน้า

ท่าทีของเฉินลู่ที่มีต่อผู้หญิงคนนั้น เธอสามารถมองเห็นได้ถึงความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

บางทีเมื่อคืนเฉินลู่อาจจะนอนค้างกับหญิงสาวคนนี้

สวีซุ่ยหนิงจ้องมองเขา อาจเป็นเพราะการจ้องมองที่ชัดเจนจนเกินไป ในขณะที่เฉินลู่กำลังดื่มน้ำ เขาเอียงศีรษะและมองมาทางเธอ

จากนั้นเขาก้าวเท้าและเดินตรงมายังทิศทางที่เธอยืนอยู่

สวีซุ่ยหนิงหลับตาลง ภายในใจครุ่นคิดว่าควรพูดอะไรดี ขณะที่เขาเดินผ่านเธอ เธอเอ่ยเรียกเขา "เฉินลู่"

ทว่าเธอนั้นคิดมากไป เขาเพียงแค่มาทิ้งขวดน้ำก็เท่านั้น ไม่ได้ปรารถนาอยากจะสนทนากับเธอ เขาตอบรับ'อืม'อย่างขอไปทีและเดินจากไป

เธอชะงักงัน จากนั้นเธอลากกระเป๋าเดินทางไปยังสถานที่อื่น

สวีซุ่ยหนิงผ่านจุดสแกนก่อนขึ้นเครื่องบิน เธอคิดอยากจะไปหาอะไรทานสักหน่อย แต่แล้วเธอก็เจอกับเฉินลู่อีกครั้ง เจี่ยงหนานตั๋วเห็นเธอ เขาตบไหล่ของเฉินลู่ พลางชำเลืองมองเธอและละสายตาไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สวีซุ่ยหนิงออกจากร้านนั้นและตรงเข้าไปยังร้านด้านข้าง

เธอสั่งข้าวหมูตุ๋น ทานไปไม่ถึงสองคำ เมื่อออกจากร้านก็เผอิญเจอกับเฉินลู่ ทั้งสองคนเกือบจะชนกัน โชคดีที่เจี่ยงหนานตั๋วตอบสนองได้ทันท่วงทีและประคองเธอไว้ได้ทัน

"คุณสวี บังเอิญจัง" เขาเอ่ย

สวีซุ่ยหนิงพยักหน้าให้เขาพลางเอ่ย "อืม พวกนายไปทำงานนอกพื้นที่กันเหรอ?"

"มีสัมมนา" เจี่ยงหนานตั๋วกล่าว "ไปสองวันน่ะ"

สวีซุ่ยหนิงไม่มีกะจิตกะใจจะทักทายพวกเขา อารมณ์ของเธอไม่ดีนัก คิดอยากจะปลีกตัวออกไป "โอเค งั้นฉันขอตัวก่อน"

"ลาก่อน" เจี่ยงหนานตั๋วหันกลับมาและพูดกับเฉินลู่ "เมื่อคืนนายกับเซียวจือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม? เห็นเธอตัวติดนายเสียยิ่งกว่าอะไร หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเราไม่อนุญาตให้พาคนนอกไปด้วย ฉันว่าเธอจะต้องไปกับนายแน่"

เฉินลู่ชำเลืองมองย่างก้าวของสวีซุ่ยหนิงที่เพิ่มระดับความเร็ว ระหว่างเขาและเธอก็ไม่ได้พูดคุยกัน

"เมื่อกี้ฉันเห็นมีคนถ่ายรูป คาดว่าเรื่องระหว่างเซียวจือและทายาทตระกูลมหาเศรษฐีจะแพร่กระจายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ตภายในสองวัน"

เฉินลู่เอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง "ฉันไม่ใช่ดารา เกี่ยวอะไรด้วย?"

เจี่ยงหนานตั๋วเอ่ยถามคล้ายไม่ได้ตั้งใจ "โจวอี้อยู่ต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถเห็นข่าวนี้ได้ด้วยใช่ไหม?"

เฉินลู่นิ่งเงียบและไม่พูดอะไรอีก

ขณะที่สวีซุ่ยหนิงอยู่บนเครื่องบิน เธอนอนหลับอย่างสบาย หลังจากที่เครื่องบินลงจอด แม่สวีก็มารับเธอ วันนี้พ่อสวีไม่ได้ไปโรงพยาบาล สวีซุ่ยหนิงกลับบ้าน อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก "หนิงหนิงกลับมาแล้วเหรอ?"

เพียงแต่พ่อสวีซูบผอมลงอีกแล้ว

สวีซุ่ยหนิงโผเข้าสู่อ้อมอกของเขาและทำตัวออดอ้อนเอาแต่ใจ "พ่อคะ ช่วงนี้ไม่ยอมกินข้าวใช่หรือเปล่า พ่อตกลงกับหนูแล้วว่าจะกินข้าวเยอะๆ พ่อลืมไปแล้วใช่หรือเปล่า คงไม่ใช่ว่าตอบรับหนูไปแบบส่งๆหรอกนะ"

พ่อสวีหัวเราะ "วันนี้พ่อจะกินเยอะๆอย่างแน่นอน"

แม่สวีทำอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้พ่อสวีกินอาหารไปไม่น้อย หลังจากกินอาหารเสร็จ พ่อสวีก็พูดคุยกับสวีซุ่ยหนิง

"ทำไมแกไม่พาแฟนกลับมาด้วย?" พ่อสวีพูดคุยกับเธอไปพักใหญ่ ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยถาม

สวีซุ่ยหนิงยิ้ม "ก่อนหน้านี้นิสัยของเราเข้ากันไม่ได้ เลิกกันแล้วค่ะ"

พ่อสวีชะงักงัน จากนั้นไม่นานก็เอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ "วัยรุ่นสมัยนี้คบๆเลิกๆเป็นเรื่องปกติ คนรวยจะบอกว่าดีก็ไม่ได้ดีหรอก ฉันอยากให้แกแต่งงานกับคนธรรมดามากกว่า"

อันที่จริงสวีซุ่ยหนิงเองก็อยากแต่งงานกับคนธรรมดาที่เป็นคุณครูเหมือนกับเธอ หรือไม่ก็เป็นบุคลากรภายในก็ยังได้ ทั้งสองฝ่ายมีอาชีพการงานมั่นคง แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย

วันถัดมา สวีซุ่ยหนิงไปโรงพยาบาลกับพ่อสวี ในทุกวันเขาต้องเข้ารักษากับจิตแพทย์

การพบจิตแพทย์หนึ่งชั่วโมงต้องจ่ายเงินหลายพันหยวน ไม่รู้ว่าเงินเก็บของเธอจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร

อันที่จริง ในตอนแรกเธอไม่ได้คาดหวัง มันก็ดีอยู่แล้ว เฉินลู่กลับให้ความหวังเธอ จากนั้นเขาก็บดขยี้ความหวังนั้นด้วยมือของเขา โหดร้ายมากจริงๆ

ทว่าเขานั้นไม่ได้ผิด มันคือข้อตกลงระหว่างเธอและเขา เธอกลับไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้

เพื่อพ่อสวีแล้ว สวีซุ่ยหนิงสามารถเอาชนะเงาภายในหัวใจได้ แต่ไม่ใช่ว่าเพียงครั้งเดียวก็จะสำเร็จ เฉินลู่ไม่ใช่คนที่มีความอดทนอดกลั้นที่จะคอยมอบโอกาสมากมายหลายครั้งให้แก่เธอ

ท่าทีของพ่อสวีในวันนี้นับว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว

สวีซุ่ยหนิงไปเดินเล่นกับเขา ทั้งสองซื้อนกแก้วกลับบ้าน

ไม่กี่วันถัดมา เธอดูแลพ่อสวีและพาเขาไปยังโรงพยาบาล มีอยู่วันหนึ่ง จิตแพทย์กลับนัดพบเร็วขึ้นและเอ่ย "วันนี้พอดีฉันมีนัดทานข้าวกับเพื่อน พวกเราเริ่มกันเช้าหน่อย ครั้งนี้บังเอิญว่าเพื่อนคนนั้นมาจัดสัมมนาพอดี โดยปกติแล้วไม่เคยได้เจอกันเลย"

สวีซุ่ยหนิงหยุดชะงักไปครู่หนึ่งและเอ่ย "ใช่เฉินลู่หรือเปล่า?"

“ไม่ใช่หมอเฉิน แต่คือเจี่ยงหนานตั๋ว” จิตแพทย์กล่าว

เห็นได้ว่าเฉินลู่เองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

สวีซุ่ยหนิงไม่เอ่ยตอบสิ่งใด เธออยู่เป็นเพื่อพ่อสวีทำการตรวจรักษา เมื่อถึงเวลากลับ บังเอิญว่าจิตแพทย์ลงไปชั้นล่างพร้อมกับพวกเขา เมื่อเจี่ยงหนานตั๋วลงมายังชั้นล่าง ท่าทีของเขาดูอึกอักเล็กน้อย

"คุณสวีบ้านเกิดของคุณอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?"

สวีซุ่ยหนิงพยักหน้าและเตรียมพร้อมที่จะเรียกแท็กซี่

จิตแพทย์กล่าว "ประตูนี้แท็กซี่เข้ามาไม่ได้ คุณต้องเดินออกไปอีกหน่อย"

เจี่ยงหนานตั๋วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาเอ่ย "ฉันไปส่งคุณ"

จิตแพทย์นั่งข้างคนขับ พ่อสวีเอ่ยขอบคุณและเปิดประตูที่นั่งด้านหลัง หลังจากที่สวีซุ่ยหนิงเห็นชายที่นั่งอยู่ด้านใน เธอไม่คิดจะเข้าไปนั่งด้วย ทว่าพ่อสวีกลับนั่งลงเรียบร้อยแล้วและยังกล่าวทักทายเฉินลู่แล้วด้วย

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "พวกคุณไปกันก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะไปนั่งแท็กซี่"

เฉินลู่จ้องมองเธอพร้อมกับเอ่ย "เธอจะปล่อยให้พ่อของเธออยู่ที่นี่เพียงลำพังงั้นเหรอ?"

พ่อสวีมองเธอและขมวดคิ้ว

สวีซุ่ยหนิงทำได้เพียงแค่เปิดประตูรถอีกฝั่งและนั่งข้างเฉินลู่ เธอพยายามนั่งชิดประตูให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่กล้านั่งใกล้กับเขาและพูดคุยกับพ่อสวี เฉินลู่มองเธอ เขารู้สึกขบขันเล็กน้อยและเขาเลิกคิ้วขึ้น

เมื่อออกมาได้พักใหญ่ สวีซุ่ยหนิงรู้สึกหนาวจนปลายจมูกของเธอแดงก่ำ

"กินข้าวหรือยัง?" เฉินลู่เหลือบมองหน้าอกใหญ่ของเธอ

สวีซุ่ยหนิงประหลาดใจเล็กน้อยที่เขาเอ่ยปาก เธอหลบตาพร้อมเอ่ย "ยัง"

"ไปด้วยกัน?"

"ไม่จำเป็น ฉันต้องกลับบ้าน" สวีซุ่ยหนิงกล่าว "แม่ของฉันเตรียมอาหารไว้ให้เรียบร้อยแล้ว"

เธอครุ่นคิดและเอ่ยเพิ่มเติม "ขอบคุณ"

เฉินลู่ชำเลืองมองเธออีกครั้งและไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นานก็ถึงที่หมาย เธอประคองพ่อสวีลงจากรถ

จิตแพทย์กล่าว "หมอเฉินรู้จักกับคุณสวีเหรอ?"

เฉินลู่ปลดเนกไท เอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทีเมินเฉย "ก็แค่เล่นๆ เมื่อสองวันก่อนพูดจารุนแรงไปหน่อย สงสัยยังกลัวอยู่"

ด้วยใบหน้าของสวีซุ่ยหนิง ไม่ยากที่จะกระตุ้นความสนใจของเขา

ท่าทีของเจี่ยงหนานตั๋วดูซับซ้อน

จิตแพทย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลนี้ ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะเข้ามาก็เข้ามาได้เลย แน่นอนว่าที่พ่อสวีเข้ามาได้ย่อมเป็นเพราะว่าเฉินลู่เป็นคนที่ส่งตัวมา

คืนนั้นสวีซุ่ยหนิงได้รับข้อความวีแชทจากเฉินลู่

[ดื่มหนักไปหน่อย มารับฉัน]

สวีซุ่ยหนิงต้องช่วยแม่สวีแก้การบ้านของนักเรียน เธอตอบกลับไป : ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่

เธอสงสัยว่าเขาส่งผิดหรือเปล่า เธอไม่ได้ผ่านทางที่จะไปกับเขาเสียหน่อย จะไปแวะรับเขาได้อย่างไร

สถานะของสวีซุ่ยหนิงในตอนนี้ไม่ได้ขึ้นแท่นดีเด่น เธอพลาดความปรารถนาดีจากเฉินลู่แล้ว หากคนอื่นได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การที่ให้เธอไปรับ นั่นไม่ใช่ว่าสนิทสนมกันเหรอ? เห็นได้ชัดว่าเขานั้นไม่แยแสต่อความเศร้าโศกที่มีต่อหน้าเขา

เมื่อแม่สวีอาบน้ำเสร็จ เธอกล่าวว่า "ในโรงเรียนของเรามีครูเข้ามาใหม่ เขาดูดีใช้ได้ การงานมั่นคง สภาพครอบครัวไม่ดีเท่าไรนัก คนบ้านนอก แต่นิสัยใจคอถือว่าใช้ได้ ไม่ใช่ว่าแกโสดอยู่หรอกเหรอ ลองไปเจอหน่อยไหม?"

สวีซุ่ยหนิงครุ่นคิด ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ "แม่มีรูปภาพไหม?"

แม่สวีเอ่ย "พรุ่งนี้แกมาดูที่โรงเรียนไหมล่ะ?"

ทันทีที่ได้เห็น สวีซุ่ยหนิงพอใจกับรูปลักษณ์มาก เธอชอบผู้ชายสูงแต่ไม่ต้องหล่อเหลาจนเกินไป หากว่าหล่อเหลามากนัก เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองนั้นอาจจะควบคุมไม่ได้

เมื่อสวีซุ่ยหนิงพอใจ แม่สวีก็เป็นตัวแทนของเธอและนัดพบเขา

สกุลของชายคนนี้ก็คือสวีเช่นเดียวกัน ชื่อว่าสวีหร่าน ในช่วงสุดสัปดาห์ สวีซุ่ยหนิงได้นัดทานข้าวกับเขา

การพบกันครั้งแรกระหว่างเธอและเขานับว่าใช้ได้เลยทีเดียว ทว่าสวีหร่านจะต้องกลับไปข้ามปีที่บ้านของเขา หลังจากนั้นก็คงต้องดูกันในปีถัดไป

สวีซุ่ยหนิงโพสต์ภาพดูหนังและกินข้าวในหน้าเพจของเธอ

ด้วยสายตาที่เฉียบคมของจางอวี้ เธอเห็นตะเกียบและชามที่อยู่อีกฝั่งของภาพ เธอแสดงความเห็นใต้ภาพว่า "กินข้าวกับใคร?"

สวีซุ่ยหนิงตอบ : นัดบอด

เมื่อเฉินลู่เห็นโพสต์นี้ เขาเพิ่งผ่าตัดเสร็จ เขาชำเลืองมองและส่งข้อความหาสวีซุ่ยหนิง

[สวมเขาฉัน?]

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน