เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 29

สรุปบท บทที่ 29 (2): เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน

สรุปตอน บทที่ 29 (2) – จากเรื่อง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น

ตอน บทที่ 29 (2) ของนิยายการโต้แย้งเรื่องดัง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดยนักเขียน จิ่นอวิ๋น เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ใช่ว่าเธอเกรงใจ แต่ลั่วจือเห้อไม่อาจช่วยเธอได้ อันดับแรกคือเรื่องของเจียงเจ๋อ ครั้งก่อนเขาเคยพูดไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจียงเจ๋อก็เป็นพี่น้องที่เติบโตร่วมกันมา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสำหรับเรื่องนี้เขาไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้

นอกจากนี้เรื่องของพ่อสวี จะต้องว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ใช้จ่ายเงินหลักล้านอยู่เสมอ หยิบเงินหลักล้านมาช่วยคนคนหนึ่งที่ไม่สนิทชิดเชื้อมันดูเป็นไปไม่ได้ หากจะให้ใช้จ่ายในเรื่องอุปกรณ์สิ่งของต่างๆ ดูเหมือนเธอจะรบกวนเขา

หากเธอเอ่ยปากถึงเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ ลั่วจือเห้ออาจจะลำบากใจก็ได้ สวีซุ่ยหนิงไม่อยากให้เกิดเรื่องอึดอัดแบบนั้นขึ้น

สวีซุ่ยหนิงครุ่นคิดและเอ่ย "หากฉันต้องการความช่วยเหลือจากนาย ฉันจะบอกนายอย่างแน่นอน"

ลั่วจือเห้อพยักหน้าและไม่ถามอะไรอีก

ค่ำคืนนั้นสวีซุ่ยหนิงฝันร้าย

ในฝันร้ายนั้นมีชายวัยกลางคน ร่างกายเปลือยเปล่า บังคับให้เธออ้าปาก รอยยิ้มของเขาเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกขนพอง

เธออ้อนวอนร้องขอความเมตตาไปก็เปล่าประโยชน์

ท้ายที่สุดสวีซุ่ยหนิงก็ใช้มีดแทงชายคนนั้น

เลือดกระเซ็นเข้าดวงตาของเธอ ภาพตรงหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงฉาน มองภาพทุกอย่างไม่ชัดเจน

สวีซุ่ยหนิงก็ตื่นขึ้น

เมื่อเธอตื่นขึ้นแล้วเธอก็นอนไม่หลับอีกเลย

กระทั่งฟ้าสว่าง เธอรู้สึกตื่นตัวเป็นอย่างมากและไปถึงสนามบินก่อนเวลาสองชั่วโมง

สวีซุ่ยหนิงไม่รู้ว่าทำไมถึงบังเอิญได้ขนาดนี้ เธอพบกับเฉินลู่ที่สนามบิน เธอเห็นว่าเจี่ยงหนานตั๋วก็มาด้วย เธอเดาว่าพวกเขาอาจจะไปทำงานนอกพื้นที่

ข้างกายเฉินลู่มีหญิงสาวคนหนึ่ง เธออาจจะมาส่งเขา สวีซุ่ยหนิงคลับคล้ายคลับคลาว่าหญิงสาวคนนี้คือเน็ตไอดอล เธอค่อนข้างมีชื่อเสียง

หญิงสาวคนนั้นโน้มตัวและพูดอะไรบางอย่างข้างหูเขา เขาพยักหน้า

ท่าทีของเฉินลู่ที่มีต่อผู้หญิงคนนั้น เธอสามารถมองเห็นได้ถึงความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

บางทีเมื่อคืนเฉินลู่อาจจะนอนค้างกับหญิงสาวคนนี้

สวีซุ่ยหนิงจ้องมองเขา อาจเป็นเพราะการจ้องมองที่ชัดเจนจนเกินไป ในขณะที่เฉินลู่กำลังดื่มน้ำ เขาเอียงศีรษะและมองมาทางเธอ

จากนั้นเขาก้าวเท้าและเดินตรงมายังทิศทางที่เธอยืนอยู่

สวีซุ่ยหนิงหลับตาลง ภายในใจครุ่นคิดว่าควรพูดอะไรดี ขณะที่เขาเดินผ่านเธอ เธอเอ่ยเรียกเขา "เฉินลู่"

ทว่าเธอนั้นคิดมากไป เขาเพียงแค่มาทิ้งขวดน้ำก็เท่านั้น ไม่ได้ปรารถนาอยากจะสนทนากับเธอ เขาตอบรับ'อืม'อย่างขอไปทีและเดินจากไป

เธอชะงักงัน จากนั้นเธอลากกระเป๋าเดินทางไปยังสถานที่อื่น

สวีซุ่ยหนิงผ่านจุดสแกนก่อนขึ้นเครื่องบิน เธอคิดอยากจะไปหาอะไรทานสักหน่อย แต่แล้วเธอก็เจอกับเฉินลู่อีกครั้ง เจี่ยงหนานตั๋วเห็นเธอ เขาตบไหล่ของเฉินลู่ พลางชำเลืองมองเธอและละสายตาไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สวีซุ่ยหนิงออกจากร้านนั้นและตรงเข้าไปยังร้านด้านข้าง

เธอสั่งข้าวหมูตุ๋น ทานไปไม่ถึงสองคำ เมื่อออกจากร้านก็เผอิญเจอกับเฉินลู่ ทั้งสองคนเกือบจะชนกัน โชคดีที่เจี่ยงหนานตั๋วตอบสนองได้ทันท่วงทีและประคองเธอไว้ได้ทัน

"คุณสวี บังเอิญจัง" เขาเอ่ย

สวีซุ่ยหนิงพยักหน้าให้เขาพลางเอ่ย "อืม พวกนายไปทำงานนอกพื้นที่กันเหรอ?"

"มีสัมมนา" เจี่ยงหนานตั๋วกล่าว "ไปสองวันน่ะ"

สวีซุ่ยหนิงไม่มีกะจิตกะใจจะทักทายพวกเขา อารมณ์ของเธอไม่ดีนัก คิดอยากจะปลีกตัวออกไป "โอเค งั้นฉันขอตัวก่อน"

"ลาก่อน" เจี่ยงหนานตั๋วหันกลับมาและพูดกับเฉินลู่ "เมื่อคืนนายกับเซียวจือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม? เห็นเธอตัวติดนายเสียยิ่งกว่าอะไร หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเราไม่อนุญาตให้พาคนนอกไปด้วย ฉันว่าเธอจะต้องไปกับนายแน่"

เฉินลู่ชำเลืองมองย่างก้าวของสวีซุ่ยหนิงที่เพิ่มระดับความเร็ว ระหว่างเขาและเธอก็ไม่ได้พูดคุยกัน

"เมื่อกี้ฉันเห็นมีคนถ่ายรูป คาดว่าเรื่องระหว่างเซียวจือและทายาทตระกูลมหาเศรษฐีจะแพร่กระจายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ตภายในสองวัน"

เฉินลู่เอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง "ฉันไม่ใช่ดารา เกี่ยวอะไรด้วย?"

เจี่ยงหนานตั๋วเอ่ยถามคล้ายไม่ได้ตั้งใจ "โจวอี้อยู่ต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถเห็นข่าวนี้ได้ด้วยใช่ไหม?"

เฉินลู่นิ่งเงียบและไม่พูดอะไรอีก

ขณะที่สวีซุ่ยหนิงอยู่บนเครื่องบิน เธอนอนหลับอย่างสบาย หลังจากที่เครื่องบินลงจอด แม่สวีก็มารับเธอ วันนี้พ่อสวีไม่ได้ไปโรงพยาบาล สวีซุ่ยหนิงกลับบ้าน อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก "หนิงหนิงกลับมาแล้วเหรอ?"

เพียงแต่พ่อสวีซูบผอมลงอีกแล้ว

สวีซุ่ยหนิงโผเข้าสู่อ้อมอกของเขาและทำตัวออดอ้อนเอาแต่ใจ "พ่อคะ ช่วงนี้ไม่ยอมกินข้าวใช่หรือเปล่า พ่อตกลงกับหนูแล้วว่าจะกินข้าวเยอะๆ พ่อลืมไปแล้วใช่หรือเปล่า คงไม่ใช่ว่าตอบรับหนูไปแบบส่งๆหรอกนะ"

พ่อสวีหัวเราะ "วันนี้พ่อจะกินเยอะๆอย่างแน่นอน"

แม่สวีทำอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้พ่อสวีกินอาหารไปไม่น้อย หลังจากกินอาหารเสร็จ พ่อสวีก็พูดคุยกับสวีซุ่ยหนิง

"ทำไมแกไม่พาแฟนกลับมาด้วย?" พ่อสวีพูดคุยกับเธอไปพักใหญ่ ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยถาม

สวีซุ่ยหนิงยิ้ม "ก่อนหน้านี้นิสัยของเราเข้ากันไม่ได้ เลิกกันแล้วค่ะ"

พ่อสวีชะงักงัน จากนั้นไม่นานก็เอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ "วัยรุ่นสมัยนี้คบๆเลิกๆเป็นเรื่องปกติ คนรวยจะบอกว่าดีก็ไม่ได้ดีหรอก ฉันอยากให้แกแต่งงานกับคนธรรมดามากกว่า"

อันที่จริงสวีซุ่ยหนิงเองก็อยากแต่งงานกับคนธรรมดาที่เป็นคุณครูเหมือนกับเธอ หรือไม่ก็เป็นบุคลากรภายในก็ยังได้ ทั้งสองฝ่ายมีอาชีพการงานมั่นคง แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย

วันถัดมา สวีซุ่ยหนิงไปโรงพยาบาลกับพ่อสวี ในทุกวันเขาต้องเข้ารักษากับจิตแพทย์

การพบจิตแพทย์หนึ่งชั่วโมงต้องจ่ายเงินหลายพันหยวน ไม่รู้ว่าเงินเก็บของเธอจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร

เฉินลู่ชำเลืองมองเธออีกครั้งและไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นานก็ถึงที่หมาย เธอประคองพ่อสวีลงจากรถ

จิตแพทย์กล่าว "หมอเฉินรู้จักกับคุณสวีเหรอ?"

เฉินลู่ปลดเนกไท เอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทีเมินเฉย "ก็แค่เล่นๆ เมื่อสองวันก่อนพูดจารุนแรงไปหน่อย สงสัยยังกลัวอยู่"

ด้วยใบหน้าของสวีซุ่ยหนิง ไม่ยากที่จะกระตุ้นความสนใจของเขา

ท่าทีของเจี่ยงหนานตั๋วดูซับซ้อน

จิตแพทย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลนี้ ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะเข้ามาก็เข้ามาได้เลย แน่นอนว่าที่พ่อสวีเข้ามาได้ย่อมเป็นเพราะว่าเฉินลู่เป็นคนที่ส่งตัวมา

คืนนั้นสวีซุ่ยหนิงได้รับข้อความวีแชทจากเฉินลู่

[ดื่มหนักไปหน่อย มารับฉัน]

สวีซุ่ยหนิงต้องช่วยแม่สวีแก้การบ้านของนักเรียน เธอตอบกลับไป : ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่

เธอสงสัยว่าเขาส่งผิดหรือเปล่า เธอไม่ได้ผ่านทางที่จะไปกับเขาเสียหน่อย จะไปแวะรับเขาได้อย่างไร

สถานะของสวีซุ่ยหนิงในตอนนี้ไม่ได้ขึ้นแท่นดีเด่น เธอพลาดความปรารถนาดีจากเฉินลู่แล้ว หากคนอื่นได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การที่ให้เธอไปรับ นั่นไม่ใช่ว่าสนิทสนมกันเหรอ? เห็นได้ชัดว่าเขานั้นไม่แยแสต่อความเศร้าโศกที่มีต่อหน้าเขา

เมื่อแม่สวีอาบน้ำเสร็จ เธอกล่าวว่า "ในโรงเรียนของเรามีครูเข้ามาใหม่ เขาดูดีใช้ได้ การงานมั่นคง สภาพครอบครัวไม่ดีเท่าไรนัก คนบ้านนอก แต่นิสัยใจคอถือว่าใช้ได้ ไม่ใช่ว่าแกโสดอยู่หรอกเหรอ ลองไปเจอหน่อยไหม?"

สวีซุ่ยหนิงครุ่นคิด ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ "แม่มีรูปภาพไหม?"

แม่สวีเอ่ย "พรุ่งนี้แกมาดูที่โรงเรียนไหมล่ะ?"

ทันทีที่ได้เห็น สวีซุ่ยหนิงพอใจกับรูปลักษณ์มาก เธอชอบผู้ชายสูงแต่ไม่ต้องหล่อเหลาจนเกินไป หากว่าหล่อเหลามากนัก เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองนั้นอาจจะควบคุมไม่ได้

เมื่อสวีซุ่ยหนิงพอใจ แม่สวีก็เป็นตัวแทนของเธอและนัดพบเขา

สกุลของชายคนนี้ก็คือสวีเช่นเดียวกัน ชื่อว่าสวีหร่าน ในช่วงสุดสัปดาห์ สวีซุ่ยหนิงได้นัดทานข้าวกับเขา

การพบกันครั้งแรกระหว่างเธอและเขานับว่าใช้ได้เลยทีเดียว ทว่าสวีหร่านจะต้องกลับไปข้ามปีที่บ้านของเขา หลังจากนั้นก็คงต้องดูกันในปีถัดไป

สวีซุ่ยหนิงโพสต์ภาพดูหนังและกินข้าวในหน้าเพจของเธอ

ด้วยสายตาที่เฉียบคมของจางอวี้ เธอเห็นตะเกียบและชามที่อยู่อีกฝั่งของภาพ เธอแสดงความเห็นใต้ภาพว่า "กินข้าวกับใคร?"

สวีซุ่ยหนิงตอบ : นัดบอด

เมื่อเฉินลู่เห็นโพสต์นี้ เขาเพิ่งผ่าตัดเสร็จ เขาชำเลืองมองและส่งข้อความหาสวีซุ่ยหนิง

[สวมเขาฉัน?]

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน