อ่านสรุป บทที่ 30 (1) จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น
บทที่ บทที่ 30 (1) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จิ่นอวิ๋น อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หลังจากที่เฉินลู่ส่งข้อความนั้นไป เขาก็เรียกคืนข้อความในทันที
คำคำนั้นให้ความรู้สึกที่ชัดเจนจนเกินไป เฉินลู่มีความคิดที่อยากจะคั่วสวีซุ่ยหนิง ทว่าเขากลับไม่เคยคิดจะปลูกต้นรักกับเธอ
ที่เขาส่งคำพูดนั้นไป เขาเพียงแค่อยากหยอกล้อสวีซุ่ยหนิง แต่คงห้ามให้เธอไม่คิดมากไม่ได้
เฉินลู่ประกาศตัวเองว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอะไร แต่อย่างไรก็ไม่ได้คิดจะกักขังผู้หญิงตัวเล็กๆ ข้อตกลงคือข้อตกลง มีความรู้สึกเจือปนไปก็ไร้ความหมาย
หลังจากที่ได้คิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วสามารถเห็นบางอย่างได้ ในระยะเวลาสั้นๆนี้ เฉินลู่ผ่านเรื่องราวที่ดีมามากมาย มีทั้งดารา มีทั้งลูกคุณหนู มีทั้งนักเรียนหัวกะทิ ทว่าไม่มีคนธรรมดาทั่วไปเลย นอกเสียจากโจวอี้ที่เวลาผ่านมาเนิ่นนานหลายปี สามารถเห็นได้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อยู่ข้างกายเขานั้นล้วนแต่เป็นคนที่มีความเพียบพร้อม
เห็นได้ว่าเขานั้นเป็นคนที่มีเหตุมีผล รู้ว่าคนแบบไหนที่มีคุณสมบัติเป็นคู่ควงของเขา คนแบบไหนที่ไม่มีวันที่จะได้รับโอกาส
เฉินลู่ทำลายข้อจำกัดไปแล้วครั้งหนึ่ง และเขาไม่มีทางดื้อรั้นทำลายอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดเขาก็ส่งไปเพียงประโยคเดียว : ไปนัดบอดเหรอ?
หลังจากที่เฉินลู่ส่งข้อความนั้นไปแล้ว เขาก็เก็บโทรศัพท์ ตรงไปยังห้องทำงาน
เจี่ยงหนานตั๋วพบเขาพอดีและเอ่ย "ภาพถ่ายระหว่างนายและเซียวจือที่ถูกถ่ายไว้ที่สนามบิน ถูกแชร์ลงบนโลกโซเชียลแล้ว มีคนเริ่มตั้งคำถามกับเธอแล้วด้วยว่าเธอและนายมีความสัมพันธ์กันอย่างไร"
เฉินลู่เพิกเฉย
เจี่ยงหนานตั๋วเอ่ยด้วยท่าทีลังเล : "โจวอี้กล่าวในเวยป๋อว่านายไม่ชอบหน้าพลาสติกของเซียวจือ"
"เธอดูมีความมั่นอกมั่นใจในความชอบของฉัน" เมื่อได้ฟัง น้ำเสียงของเฉินลู่นั้นคงที่และสงบนิ่ง แต่เมื่อได้ไตร่ตรองอย่างละเอียด ภายในประโยคนั้นมีน้ำเสียงประชดประชันอยู่ไม่มากก็น้อย
ในค่ำคืนนั้น เฉินลู่ได้ริเริ่มโพสต์ภาพที่เขาจับมือกับเซียวจือลงบนเวยป๋อ เป็นการประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างชัดเจน
และยังใจป๋าซื้อรถหรูคันละห้าล้านหยวนให้แก่ฝ่ายหญิงอีกด้วย
.......
เมื่อสวีซุ่ยหนิงกำลังมองดูรูปภาพนั้น พลันนึกได้ว่าเฉินลู่ส่งข้อความหาเธอ
เธอมองเห็น แต่ไม่ได้ตอบกลับ
เฉินลู่ปฏิเสธที่จะช่วยเธอแล้ว เธอจะเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเขาหรือไม่ มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมาย
ขณะเดียวกันเธอเองก็เห็นความคุ้มค่าภายในใจของเฉินลู่ได้อย่างชัดเจน เมื่อเขาเปิดเผยความสัมพันธ์ เขามอบรถยนต์มูลค่าห้าล้านหยวนให้แก่คนของเขา เห็นได้เลยว่าสำหรับเขาแล้วเรื่องเงินคือเรื่องเล็ก เฉินลู่ไม่ช่วยเหลือเธอ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพราะเขาแคร์ในเรื่องการใช้จ่ายเงินจำนวนหลายล้านหยวน แต่เป็นเพราะว่าเขานั้นไม่เต็มใจที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือ
จางอวี้กล่าวว่าในระยะนี้เฉินลู่กระชับความสัมพันธ์แล้ว อันที่จริงการมอบของขวัญที่มีราคามากกว่าห้าล้าน สามารถประกาศได้เลยว่าเธอเป็นแฟนสาวของเขาแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาไม่กี่วันก็ตาม
เงินน้อย ไร้สถานะ โดดเดี่ยวมีเพียงเธอคนเดียว
หนึ่งในเหตุผล อาจเป็นเพราะเธอคือแฟนเก่าของเจียงเจ๋อ เฉินลู่คิดว่าเธอนั้นไม่อาจคบกันอย่างเปิดเผยได้
สวีซุ่ยหนิงยอมรับชะตากรรมของตนเองแล้ว อาการป่วยของพ่อสวีก็สามารถเห็นได้ทุกวัน อย่างไรก็ตามในระยะนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วใช่หรือเปล่า?
ในช่วงวันปีใหม่ สวีซุ่ยหนิงยุ่งมาก ในวันแรกของปีใหม่เธอได้พาพ่อแม่ไปหายายที่เขตชนบท กระทั่งวันที่สาม ทั้งสามคนก็เดินทางออกจากเขตชนบทและกลับสู่เขตเมือง
ในวันที่สามสวีหร่านรีบเดินทางออกจากบ้านเกิด และนำอาหารมากมายมาให้สวีซุ่ยหนิง
แม่สวีให้เขาอยู่ร่วมทานอาหารเย็นที่บ้าน
ความสัมพันธ์นี้ดูเหมือนจะเปิดใจให้กันมากยิ่งขึ้น หากว่าได้คบหากันจริงๆ สวีซุ่ยหนิงคิดไว้ว่าเธอจะไม่อยู่ที่เมืองaอีกแล้ว จะกลับมาสอบบรรจุที่เมืองb เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกพอใจกับสวีหร่านไม่น้อย เขาเพิ่งจะมีความรักครั้งแรก เธอเองก็ยินดีที่จะอยู่เป็นเพื่อนเขาและให้ความใส่ใจกับความรู้สึกของรักครั้งแรก
ในระยะนี้พ่อสวีอารมณ์คงที่ เช่นนี้สวีซุ่ยหนิงจึงมีเวลาให้กับการออกเดต ในช่วงวันปีใหม่ทั้งสองดูหนังทุกเรื่องที่สามารถดูได้
สวีหร่านให้เธอดูข่าวเกี่ยวกับการสอบบรรจุที่ใกล้เข้ามา กล่าวว่าในเดือนมีนาคมที่นี่จะมีการสอบบรรจุครู อีกสองสามวันก็สามารถลงสมัครสอบได้ สวีซุ่ยหนิงวางแผนไว้ว่าเธอจะลองสอบ หากสอบได้เธอก็จะลาออกจากงานที่เมืองa
สวีหร่านเอ่ย "เธออยู่เมืองa รายได้ต่อเดือนเท่าไรเหรอ?"
สวีซุ่ยหนิงกล่าว "รวมทั้งปีก็ประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนได้นะ"
"เมืองbอาจจะไม่ได้สูงขนาดนั้น"
สวีซุ่ยหนิงชะงักงัน เธอเอ่ย "นายสนใจเรื่องรายได้งั้นเหรอ?"
สวีหร่านตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วยิ้ม "ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันรู้สึกว่า เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเธอก็ยังยินดีกลับมา ฉันดีใจมาก"
ห้างสรรพสินค้าในช่วงปีใหม่นี้คึกคักเป็นอย่างมาก ทั้งผู้ใหญ่และเด็กน้อยต่างก็มาเที่ยวเล่นกัน แสงจากดอกไม้ไฟส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
"เธอเคลียร์ธุระให้เสร็จ ค่อยมาหาฉัน" เมื่อเฉินลู่เอ่ยคำพูดที่แฝงความนัยจบ เขาชำเลืองมองสวีหร่านและหันหลังจากไป
ต่อมาอารมณ์ของสวีซุ่ยหนิงกลับดูหม่นหมองลง สวีหร่านมองเธอด้วยความกังวล "ซุ่ยหนิง เธอเป็นอะไรไป?"
เมื่อเขาเอ่ยปาก ดวงตาของเธอก็แดงระเรื่อ
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าสวีหร่านเป็นคนที่ดีมากจริงๆ เธอไม่อยากทำร้ายเขา เธออยากจะลองเปิดใจให้เขา แต่ความหมายของเฉินลู่คือไม่อนุญาต
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "สวีหร่าน เรื่องของเราปล่อยมันไปจะได้ไหม?"
สวีหร่านขมวดคิ้วพลางกล่าว "ซุ่ยหนิง ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ยังไม่ได้ชอบพอกันมากนัก แต่ความรู้สึกระหว่างเราอย่างไรก็จะค่อยๆฝังรากลึกลงไปอย่างช้าๆ ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เธอยังโอเคอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?"
เขาชะงักและเอ่ยถาม "เป็นเพราะการกระทำของฉันเมื่อกี้ทำให้เธอขัดเคืองและไม่พอใจใช่หรือเปล่า? หากว่าเป็นเพราะเหตุนี้ ฉันต้องขอโทษเธอด้วย ฉันวู่วามไปจริงๆ หลังจากนี้ฉันจะขออนุญาตจากเธอก่อน ได้หรือเปล่า?"
สวีซุ่ยหนิงหลับตาลง ส่ายหน้า เธอพูดอย่างลำบากใจ "ไม่ใช่เหตุผลนี้หรอก"
"ซุ่ยหนิง อย่าตัดสินใจอย่างรวดเร็วเลย หากว่ามีอะไรเธอลองกลับไปคิดดูก่อน คิดดูให้ดีแล้วค่อยคุยกันพรุ่งนี้" สวีหร่านกลับไม่ยอมปล่อย เขารู้สึกว่าสวีซุ่ยหนิงนั้นงดงามมากพอแล้ว ครอบครัวเธอมีห้องชุดถึงสองห้องด้วยกัน เขามาจากบ้านนอกและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อบ้านในเมืองนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้
หลังจากที่เขาส่งสวีซุ่ยหนิงกลับบ้าน ไม่รูว่าเฉินลู่ให้เวลาเธอเคลียร์ธุระนานเท่าไร หากว่านานเกินไปเขาอาจจะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า
เธอโทรหาเฉินลู่ ทว่าเฉินลู่ไม่รับสาย
หัวใจของสวีซุ่ยหนิงกระชับแน่น เฉินลู่นั้นเป็นคนที่อารมณ์ไม่แน่นอน ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะรู้สึกเสียดายอยู่ก็เป็นได้
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เฉินลู่โทรหาเธอและบอกว่าเขาอยู่ด้านล่าง
เมื่อสวีซุ่ยหนิงเห็นเฉินลู่ เขาอ้าแขนทั้งสองข้างและหันไปหาเธอ สวีซุ่ยหนิงขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างเชื่อฟังและโอบรอบเอวของเขาไว้
"กับผู้ชายคนนั้นเคลียร์เสร็จแล้วหรือยัง?" เฉินลู่โน้มตัวลง กัดติ่งหูของเธอ จากนั้นประทับจุมพิตลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอ
สวีซุ่ยหนิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดสลัว เธอรู้สึกว่าภายในหัวใจของเธอก็มืดมนเช่นกัน มองไม่เห็นแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ยังคงให้ความร่วมมือกับเขาด้วยความรู้สึกที่ด้านชา เธอเพียงเอ่ยตอบ "เฉินลู่ ฉันสามารถเล่นกับนายได้ทุกอย่าง แต่คำพูดที่นายได้พูดไป ในครั้งนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว"
เฉินลู่เอ่ย "ขึ้นไปด้านบน ไปห้องของเธอ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...