เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 30

สวีซุ่ยหนิงอยากจะตะโกนก่นด่าสาปแช่งเขา แต่เธอไม่สามารถทำได้ ไม่เพียงแต่ทำไม่ได้ แต่เธอยังต้องนำทางเขาตรงไปยังห้องของเธอด้วยความเชื่อฟัง

พ่อและแม่ของเธอเข้านอนแล้ว ภายในบ้านมืดสนิท เมื่อเข้ามาในห้องของเธอ ไฟก็สว่างขึ้น

เฉินลู่ผลักเธอลงบนเตียง ขาข้างหนึ่งคุกเข่าลงข้างกายเธอ ส่วนขาอีกข้างหนึ่งกำลังเหยียบพื้น เขามองเธอด้วยสายตาประชดประชัน

สวีซุ่ยหนิงจ้องมองเขาและคลายเข็มขัดอย่างคุ้นเคย

ในห้องของเธอไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ อากาศกลับหนาวเย็น ผิวที่เย็นยะเยือกของเฉินลู่สัมผัสเธอ ร่างกายของเธอสั่นเทาด้วยความหนาวและคิดอยากจะหลีกหนี

"เมื่อคืนนี้ อยากสนุกกับเธอมาก เป็นฉันเองที่ประเมินค่าเธอต่ำไปสวีซุ่ยหนิง เรือนร่างนี้ผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่ต้องการมัน?" ในวันนี้การกระทำของเฉินลู่อ่อนโยนเป็นอย่างมาก

ด้านข้างนี้คือห้องของพ่อและแม่ สวีซุ่ยหนิงปฏิเสธที่จะส่งเสียง

ในไม่ช้า เธอก็รู้ว่าไม่ใช่ว่าเขานั้นอ่อนโยน เพียงแต่เป็นการเรียกน้ำย่อยก็เท่านั้น

เสียงเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นดังเกินไป ดังมากเสียจนแม่สวีมาเคาะประตูในกลางดึก "หนิงหนิง แกกำลังทำอะไร? ดึกดื่นเที่ยงคืนนอนได้แล้ว เลิกเสียงดังได้แล้ว"

เฉินลู่เพิกเฉยและทำตามอิสระเสรีของตนเอง

สวีซุ่ยหนิงเรียกเขาอยู่หลายครั้งแต่เขาไม่รับฟัง เธอจึงประทับจูบลงบนคางของเขาและเอาใจเขา

แต่ทว่าการเอาใจนั้นเหมือนกับว่าไร้ประโยชน์ ตรงกันข้ามเขาดูสนใจยิ่งกว่าเก่า เฉินลู่เห็นท่าทีผลักไสและปฏิเสธของเธอ เขาอุ้มเธอไปยังพื้นพรม การกระทำนี้ไม่มีเสียงใด มีเพียงความหนาวเย็น

เธอทำได้เพียงแค่แนบชิดกับเขาไว้เพื่อรับความอบอุ่นจากเขา

ช่วงประมาณตีสอง ทั้งสองคนก็เสร็จสิ้นภารกิจ

สวีซุ่ยหนิงจ้องมองเพดาน ไล่จี้ถามคำถามเขาอีกครั้ง "เฉินลู่ ครั้งนี้นายช่วยพ่อฉัน นายต้องช่วยให้ถึงที่สุด"

เฉินลู่เอ่ย "งั้นก็ต้องดูความประพฤติของเธอ"

"จะให้ฉันประพฤติตัวยังไง?" เธอเอ่ยถามด้วยความอดกลั้น "เฉินลู่ เดิมทีฉันสามารถมีชีวิตที่ดีได้ แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถทำได้แล้ว ฉันยังกระทำผิดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองและเป็นมือที่สาม ฉันกลายเป็นคนต่ำทราม แล้วฉันต้องประพฤติตัวยังไงอีกเหรอ?"

เฉินลู่เชิดคางเธอขึ้น มองสำรวจใบหน้าของเธอครู่หนึ่ง นัยต์ตานั้นทั้งหยอกเย้า ทั้งเย็นชาและดูเหินห่าง ราวกับว่าเธอกำลังเป็นตัวตลก

ในที่สุดสวีซุ่ยหนิงก็ไม่อาจต้านทานสายตาของเขาได้ เธอเบือนหน้าหนีและไม่มองเขา

เฉินลู่กล่าว "ฉันไม่ได้คบหากับเซียวจือจริงๆ ไม่นับว่าเป็นมือที่สาม อย่างมากที่สุดเธอก็คือชู้ของฉัน อีกอย่างสวีหร่าน เธอคิดว่าเขาคือผู้ชายที่ดีงั้นเหรอ?"

เฉินลู่ปัดผมบริเวณแผ่นหลังของเธอ ประทับจูบลงบนแผ่นหลังและเอ่ย "สวีซุ่ยหนิง คิดให้กว้างหน่อย บนโลกนี้ มันไม่มีผู้ชายที่ดีเลยสักคน"

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ฉันแค่ต้องการการรับรองในเรื่องพ่อของฉัน"

เฉินลู่กล่าว "แพทย์ก็หามาให้แล้ว ยังไม่มีอะไรที่สามารถรับรองได้อีกเหรอ? อีกอย่าง ต่อให้ฉันรับปากเธอ คำพูดของผู้ชายบนเตียงน่าเชื่อถือมากแค่ไหนกันเชียว?"

สวีซุ่ยหนิงเงียบ

เฉินลู่พลิกตัวและหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ด้านข้างมาดู สวีซุ่ยหนิงได้ยินเสียงการบันทึก ภายในนั้นคือเสียงหอบที่ถี่ระรัวของเธอเอง ใบหน้าของเธอซีดขาวพลางจ้องมองเฉินลู่ "นายบันทึกวิดีโองั้นเหรอ?"

เฉินลู่ไม่พูดอะไร วางโทรศัพท์ลงข้างเตียง จากนั้นเขายืมห้องน้ำของเธอ เมื่อออกมา เขาเปิดผ้าห่มขึ้น เตียงของสวีซุ่ยหนิงไม่ใหญ่ ผ้าห่มก็ผืนเล็ก มีคนเพิ่มมาคนหนึ่งก็รู้สึกอึดอัด

ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องปรับอากาศก็ไม่ได้เปิด

หลังจากเกิดเรื่องขึ้น สวีซุ่ยหนิงก็ไม่เข้าใกล้เฉินลู่ ช่วงเท้าทั้งหมดของเธอนั้นไม่มีสิ่งใดปกปิด หนาวจนสั่นสะท้าน แต่เธอก็ไม่กล้าขยับ

เธอนั้นแบ่งแยกได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ทำข้อตกลง จะเข้าใกล้อย่างไรก็ย่อมได้ แต่ถ้าหากว่าสิ้นสุดข้อตกลง ระหว่างเธอและเขาควรรักษาระยะห่าง

เฉินลู่หลับใหลไปด้วยความสบายใจ

กระทั่งเช้าตรู่ เรือนร่างที่เย็นเยียบขยับเข้ามาแนบชิดเขา เฉินลู่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ภายในใจรู้สึกหงุดหงิด ในระหว่างนั้นสวีซุ่ยหนิงก็ถูกปลุกให้ตื่น

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "เฉินลู่ นายทำอะไร"

"ให้ความร่วมมือหน่อย แม่โสเภณีตัวน้อย" เฉินลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

สวีซุ่ยหนิงเม้มริมฝีปาก จะหลบเลี่ยงก็ไม่อาจทำได้ ในเวลานี้พ่อและแม่คงลงไปออกกำลังกายด้านล่าง ทำได้เพียงแค่เออๆออๆให้ความร่วมมือกับเขา

อย่างไรเสียเธอก็เป็นคนต่ำทรามอยู่แล้ว งั้นก็ต่ำให้มันถึงที่สุด เธอรู้สึกเกลียดตัวเอง

สวีซุ่ยหนิงเสียแรงกำลังไปมาก ในไม่ช้าเธอก็ผล็อยหลับไป

หลังจากเฉินลู่พักสายตาอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้ยินเสียงจากด้านนอก เขาได้ยินแม่สวีเอ่ย "สวีซุ่ยหนิงยังหลับอยู่เลย นายรออีกสักพักเถอะ ฉันกับคุณลุงจะออกไปโรงพยาบาลก่อน"

จากนั้นก็คือเสียงของสวีหร่าน "ครับ"

เฉินลู่ชะงัก สายตาของเขาจ้องมองสวีซุ่ยหนิงที่ยังคงหลับใหล เขาผลักเธอและเอ่ย "ไปรินน้ำให้ฉันหนึ่งแก้ว"

สวีซุ่ยหนิงไร้ซึ่งสติไม่รู้ว่าเป็นคำพูดของใคร เธอเพียงเอ่ย "ไปที่ห้องรับแขกเองสิ"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินลู่ลุกขึ้น ท่อนบนไม่สวมเสื้อผ้า ท่อนล่างสวมเพียงกางเกงลำลองตัวเมื่อวาน ไม่สวมกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาเปิดประตูห้องและเดินออกไป

เมื่อสวีหร่านมองเห็นเขา สีหน้าแปรเปลี่ยนในทันใด

เขาจ้องมองไปทางประตูห้องอย่างไม่เชื่อสายตา ย้ำให้แน่ชัดว่านั่นใช่ห้องของสวีซุ่ยหนิงหรือไม่ จากนั้นหันกลับมามองรูปลักษณ์ของเฉินลู่อีกครั้ง ร่างกายทุกส่วนราวกับถูกฟ้าผ่า

เฉินลู่เพียงแค่เหลือบมองเขา หยิบแก้วสีชมพูบนโต๊ะที่เหมือนกับแก้วที่สวีซุ่ยหนิงเคยเติมน้ำลงไป เขาดื่มไปครึ่งแก้วและวางแก้วใบนั้นกลับที่เดิม

ในขณะที่เขาเดินผ่าน เขายิ้มเล็กน้อย "มาหาสวีซุ่ยหนิงเหรอ? เธอยังไม่ตื่น ฉันจะไปเรียกเธอให้"

สวีหร่านใช้เวลานานกว่าจะฟื้นคืนเสียงของตนเองได้ "นายกับสวีซุ่ยหนิง.....พวกนาย..."

เฉินลู่กลับเพิกเฉยและไม่สนใจเขา เขาเพียงแต่ส่งเสียงเรียกภายในห้อง ผ่านไปครู่หนึ่งก็ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ จากนั้นเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ "ยังไม่ตื่น นายคงต้องรออีกสักพัก"

สวีหร่านตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาเร่งรุดก้าวเท้าไปด้านหน้าและคว้าคอของเขาไว้ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด "นายไม่ใช่เพื่อนของเธอ?"

ในตอนที่เฉินลู่ยังวัยรุ่นเป็นเพราะโจวอี้เขาได้ลงไม้ลงมือไปหลายครั้ง ตอนนี้เขาไม่ได้หุนหันพลันแล่นเลือดร้อนและเจ็บตัวเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งอีกแล้ว เขาเพียงแค่ดึงมือของชายคนนั้นออกไปอย่างเชื่องช้าพลางเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ย "มีเพื่อนประเภทหนึ่งที่เรียกว่าคู่นอน นายเคยได้ยินมาบ้างหรือเปล่า?"

ใบหน้าของสวีหร่านดูดุร้ายและน่ากลัว เขาคิดจะก้าวมาด้านหน้า เฉินลู่เอ่ย "ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของเธอ เราแค่แลกเปลี่ยนความสุขกันก็เท่านั้น ฉันไม่ได้อยากทะเลาะกับนาย"

เฉินลู่เหลือบมองเขาแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ "เดิมทีฉันอยากให้เธอเคลียร์กับนายให้ชัดเจน นายจะได้ไม่ต้องเสียใจ แต่ถ้านายไม่ถือสา นายอยากจะคบหากับเธอต่อก็ได้นะ ฉันแค่รู้สึกว่าเธอเป็นของชิ้นใหม่ แต่อีกสามถึงหกเดือนก็คงจะเบื่อแล้วล่ะ"

สวีหร่านเอ่ย "นายมันสัตว์เดรัจฉานชัดๆ!"

เฉินลู่ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ "ธรรมชาติของมนุษย์ต่างล้วนมีความปรารถนา"

สวีซุ่ยหนิงรับฟังอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอเดินออกจากห้อง เธอมองสวีหร่าน ส่วนลึกของจิตใจทั้งรู้สึกผิดและเสียใจ ทว่าเธอกลับยิ้ม "สวีหร่าน นายได้เห็นแล้ว ฉันนั้นใช้ไม่ได้เลย ฉันเป็นชู้ของคนอื่น ไม่เหมาะสมกับนายหรอก อย่ามาหาฉันอีกเลย"

สวีหร่านจ้องมองร่องรอยบนเรือนร่างของเธอ เขาจากไปราวกับกำลังวิ่งหนี

จากนั้นสวีซุ่ยหนิงหันกลับมามองเฉินลู่ เธอเอ่ย "นายคิดจะกลับเมื่อไร?"

เฉินลู่ไม่แม้แต่จะมองเธอ แต่หันหลังกลับและเข้าไปในห้องของเธอ

เมื่อสวีซุ่ยหนิงเข้ามา เขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอมองครู่หนึ่งและเอ่ย "นายกับเซียวจือไม่ได้คบกันจริงๆ หมายความว่าอะไร?"

เฉินลู่เอ่ยอย่างเฉยเมย "ก็ตามนั้น"

"พวกนายสร้างภาพเป็นคู่รักกันทำไม?" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "เป็นเพราะโจวอี้พูดไว้งั้นสิ นายไม่ได้ชอบเซียวจือ นายจงใจทำให้เธอโกรธ?"

เฉินลู่มองกลับมาที่เธอและกล่าว “เธอก็คิดได้นะ”

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "นอกจากเหตุผลนี้ ฉันก็คิดเหตุผลอื่นไม่ออกแล้ว นายดูยุ่งมาก ไม่เหมือนกับคนที่มีเวลามาสร้างภาพเรื่องคนรัก"

เฉินลู่สวมเนคไทและเพิกเฉยต่อเธอ

กระทั่งเขากำลังจะลงไปชั้นล่าง เขาเอ่ย "เดี๋ยวคืนนี้ ฉันจะให้แพทย์เฉพาะทางมาทานอาหารกับพ่อและแม่ของเธอ"

"อืม ประมาณกี่โมงเหรอ?"

เฉินลู่เอ่ย "ถึงเวลาฉันจะติดต่อหาเธอ"

สวีซุ่ยหนิงพยักหน้าและลงไปส่งเขา เพื่อนบ้านชั้นล่างมองเห็นพวกเขา และมองพวกเขาอยู่หลายครั้ง

เธอกำลังคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเฉินลู่อยู่อย่างแน่นอน แต่หากโดนถาม เธอเองก็คงพูดไม่ออก ความสัมพันธ์นี้สกปรกเกินไปจริงๆ

เมื่อสวีซุ่ยหนิงเดินไปยังลานจอดรถกับเขา เธอเอ่ย "เฉินลู่ อันที่จริงฉันรู้สึกได้ นายยังเป็นแบบนี้เพราะโจวอี้ ยิ่งโจวอี้พูดถึงนาย นายก็ยิ่งต่อต้านเธอ นายกำลังประชดประชันเธอ"

ฝีเท้าของชายคนนั้นหยุดชะงัก จากนั้นเขาหันกลับมามองเธออย่างไร้อารมณ์และพูด "ในเมื่อเดาได้ถูกต้องแล้ว ยังจะถามไปเพื่ออะไร?"

สวีซุ่ยหนิงชะงัก เธอกล่าว "ก็ถามไปอย่างนั้น เพราะฉันกลัวว่าหากเป็นเพราะคำพูดของเธอขึ้นมาจริงๆ นายบันทึกวิดีโอระหว่างฉันกับนาย ก็เพื่อส่งไปให้เธอดูและทำให้เธอโกรธ เพื่อพิสูจน์ว่านายจากเธอไปแล้ว และกำลังมีชีวิตที่ดี พิสูจน์ว่าในสายตาของนาย เธอไม่มีค่าอะไรแล้ว"

เฉินลู่นิ่งเงียบ

สวีซุ่ยหนิงยิ้มและเอ่ยด้วยท่าทีสะอึกสะอื้น "เฉินลู่ นายและเธอกำลังประชดประชันกัน ฉันขอร้องนาย อย่าลากฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยว"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน