ยากนักที่เฉินลู่จะมีอาการปวดหัว
เมื่อถูกเธอตั้งคำถามแบบนั้น เขารู้สึกหมดความอดทน ไม่ว่ากับโจวอี้จะเป็นอย่างไร แต่เขาไม่ได้มีรสนิยมชอบแชร์รูปถ่ายบนเตียงกับบุคคลอื่น "ฉันเอาวิดีโอของเธอให้โจวอี้ดูแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร หรือคิดว่าเธอมีอะไรที่โจวอี้ไม่มีงั้นเหรอ?"
"งั้นนายก็ลบวิดีโอสิ" สวีซุ่ยหนิงจ้องมองเขา เธอยืนกรานและเอ่ย "นายลบ ฉันก็จะเชื่อนาย"
เฉินลู่เอ่ย "ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะมีรสนิยมความชอบ เธอไม่รู้เหรอ?"
สวีซุ่ยหนิงไม่เชื่อในความร้ายกาจของเขา "ฉันเคยทำแบบนี้กับนายแค่คนเดียว ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าผู้ชายจะมีรสนิยมแบบนี้? ต่อให้นายโกหกฉัน ฉันก็ไม่อาจแยกแยะได้หรอก ฉันเพียงแค่ต้องการให้นายลบวิดีโอก็เท่านั้น"
เฉินลู่เลิกคิ้ว
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก โจวอี้เกลียดชังเธอมาก เมื่อถึงตอนนั้นหากเธอเผยแพร่คลิปวิดีโอลงบนโลกโซเชียลไปจะทำยังไง? เธอสามารถให้เฉินลู่ได้ แต่เธอจะต้องน่าเวทนาอย่างแน่นอน
"เฉินลู่ นายยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ไหม?" เธอเอ่ยอย่างอดทน "รังแกฉันที่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว นี่มันเป็นความสามารถภาษาอะไรกัน?"
“เมื่อเธออยู่ภายใต้ฉันก็ดูกระตือรือร้นอยู่ไม่น้อย” เฉินลู่เอ่ยด้วยท่าทีสนอกสนใจ "ก็แค่คนอย่างเธอ ต่อให้เป็นคนอื่น ใครก็สามารถรังแกเธอได้"
หัวใจของสวีซุ่ยหนิงรู้สึกหนาวยะเยือก เธอรู้ ไม่ว่าเธอจะอยู่หรือตาย อย่างไรเขาก็ไม่แม้แต่จะเหลียวแลเธอ
หากวันหนึ่ง เฉินลู่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเธอ เธอจะทำให้เขาได้ลิ้มรสความรู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอกแบบนี้อย่างแน่นอน
"หนิงหนิง แกเป็นอะไรหรือเปล่า?" ฉับพลันเสียงของพ่อสวีก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เขาจ้องมองเฉินลู่ด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราด จากนั้นขยับสวีซุ่ยหนิงไปอยู่ด้านหลังเขาพลางเอ่ย "เขารังแกแกเหรอ?"
ท่าทีของพ่อสวีราวกับกำลังจะเข้าไปหาเรื่องเฉินลู่
สวีซุ่ยหนิงตื่นตระหนก รีบคว้าพ่อสวีไว้ เธอเกรงว่าเฉินลู่จะขัดเคือง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มพลางเอ่ย "พ่อ ไม่ใช่นะคะ เขาคือหมอเฉิน เขาคือคนที่หาแพทย์เฉพาะทางมารักษาพ่อไงคะ หนูดีใจมากเลยล่ะค่ะ"
เฉินลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย "คุณลุง สวัสดีครับ"
พ่อสวีกล่าวขอโทษ "ต้องขอโทษด้วย ฉันนึกว่าลูกสาวของฉันโดนรังแก ขึ้นไปทานอาหารเช้าด้านบนด้วยกันดีไหม? ภรรยาของฉันไปซื้ออาหารเช้าแล้ว คงกำลังกลับมาแล้วล่ะ"
เห็นได้ชัดว่าเฉินลู่ไม่ได้คิดจะเชื่อมมิตรไมตรีกับครอบครัวสวี เขาเอ่ยด้วยท่าทีเหินห่าง "มีธุระนิดหน่อย ต้องขอตัวก่อนครับ"
สวีซุ่ยหนิงพะว้าพะวังเป็นทุกข์ใจตลอดทั้งวันเพราะเรื่องวิดีโอ ทางด้านแม่สวีเกิดความสงสัย สวีหร่านจากไปได้อย่างไร เธอจึงโทรติดต่อหาเขา อีกฝ่ายยังคงสุภาพแต่ทว่ามีท่าทีที่ไม่อยากสนิทชิดเชื้อ
เมื่อได้ถามสวีซุ่ยหนิง เธอได้คำตอบมาว่าระหว่างสวีหร่านและลูกสาวของเธอนั้นไม่อาจจะพัฒนาได้อีกแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ แม่สวีรู้สึกเสียดายบุพเพสันนิวาสในช่วงระยะเวลานั้น
เวลานัดพบที่เฉินลู่นัดไว้กับแพทย์เฉพาะทางและครอบครัวสวีคือเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม
เมื่อสวีซุ่ยหนิงมาถึง เฉินลู่กำลังนั่งอยู่บนที่นั่งของเขา เขาเพียงชำเลืองมองเธอ
เขาแสดงท่าทีให้เธอนั่งข้างกายเขา ทว่าข้างกายของสวีซุ่ยหนิงมีพ่อและแม่ของเธอ ไปนั่งข้างเขาก็เกรงว่าพ่อและแม่จะคิดเกินเลย เธอจึงไม่ได้ทำตามความปรารถนาของเขา
สำหรับความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยสะอาดนี้ เธอมักจะรู้สึกเห็นเงาธนูในจอกเป็นงู[1]
แพทย์เฉพาะทางยื่นนามบัตรให้และเอ่ย "คุณสวี นี่คือนามบัตรของผม พรุ่งนี้คุณมาที่โรงพยาบาล ผมจะทำการอธิบายให้คุณได้ฟัง"
พ่อสวีตอบรับ
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยด้วยความเคารพนับถือ "ขอบคุณค่ะคุณหมอ"
เฉินลู่นั้นเย็นชาและสงบนิ่ง เขาไม่มีท่าทีจะเอ่ยปากพูดสิ่งใด สิ่งนี้ทำให้พ่อสวีแม่สวีอึดอัดและรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
เธอเคยเห็นท่าทีที่เขากล่าวทักทายแวดวงกลุ่มผู้อาวุโสของเขา การเข้าหาผู้ใหญ่ของเขาดูช่ำชองเป็นอย่างมาก ดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี เห็นได้เลยว่าเขาไม่ยินดีจะพูดคุยกับพ่อและแม่ของเธอ บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่าพ่อและแม่ของเธอนั้นไม่คู่ควรที่เขาจะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน
แม้แต่จานอาหารบนโต๊ะ พ่อและแม่ของเธอก็ทานไปบ้างแล้ว แต่เขากลับไม่ได้แตะเลยแม้แต่น้อย
พ่อสวีและแม่สวีต่างก็รู้สึกได้ จากนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าทานอาหารอีก
หัวใจของสวีซุ่ยหนิงแตกเป็นเสี่ยง เธอทำให้พ่อและแม่ต้องตกอยู่ในสภาวะที่น่าอับอาย
เธอแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้อะไร จากนั้นคีบอาหารให้พ่อสวีและแม่สวีพลางเอ่ย "พ่อคะ แม่คะ พวกคุณทานข้าวกันเถอะ หมอเฉินบอกกับหนูไว้ว่าก่อนหน้านี้เขาได้นัดเพื่อนทานข้าวไว้แล้ว เขาคงจะไม่หิว พ่อกับแม่ไม่ต้องสนใจเขาหรอกค่ะ"
เฉินลู่มองสวีซุ่ยหนิง เขาเอ่ยปาก "คุณลุง คุณป้าไม่ต้องเกรงใจ ผมทานมาแล้วครับ"
ทว่าพ่อสวีและแม่สวีไม่เชื่อในคำพูดทั้งหมดของเขา หมอเฉินผู้นี้คงจะหยามเหยียดพวกเขาอยู่ไม่น้อย พวกเขาสามารถสัมผัสได้ ต่อไปนี้ต้องระวังให้มากขึ้น พวกเขาทานอาหารไปเพียงไม่กี่คำ
สวีซุ่ยหนิงไม่รู้รสอาหาร ความคิดที่อยากจะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของเฉินลู่นั้นทวีคูณมากยิ่งขึ้น เธออยากจะตบใบหน้าทั้งสองฝั่งของเขาอยู่ตลอดเวลา
ทว่าสวีซุ่ยหนิงไม่มีความสามารถนั้น
เธอทำได้เพียงแค่แสดงท่าทางอ่อนแอ ผ่านช่องทางวีแชท เธอเกลี้ยกล่อมให้เฉินลู่ออกไป ท้ายที่สุดระหว่างทางเดินเธอก็ติดสินบนเขา เธอเขย่งปลายเท้าและประทับจุมพิตให้แก่เขา ความโกรธทั้งหมดที่อยากจะตบเขาระบายผ่านจุมพิตนี้
เห็นเงาธนูในจอกเป็นงู[1] ใช้เปรียบเทียบกับคนขวัญอ่อน แตกตื่นตกใจกลัวไปกับจินตนาการที่ตนเองสร้างขึ้นโดยไม่สำรวจความจริงให้ถ่องแท้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน