ความสูงของสวีซุ่ยหนิงและเฉินลู่ต่างกันมาก เธอเขย่งปลายเท้าจนเหนื่อย เขาจึงโอบรอบเอวเพื่อช่วยพยุงร่างกายของเธอไว้
เมื่อทั้งสองมอบจูบให้แก่กันแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้แยกจากกันไปในทันใด พวกเขากอดกันแน่น
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "เฉินลู่ ฉันไม่ขอให้นายลบวิดีโอแล้ว แต่ฉันขอให้นายช่วยเป็นตัวนายเอง พ่อและแม่ของฉันอายุมากแล้ว พวกเขามีมิตรไมตรีและโอบอ้อมอารีกับผู้อื่นมาตลอดทั้งชีวิต แต่กลับถูกลูกพี่ลูกน้องของนายทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ ช่วยทำดีกับพวกเขาหน่อยจะได้หรือเปล่า? ในตอนที่ครอบครัวของพวกเราตกต่ำ มีแต่คนคอยเหยียบซ้ำย่ำยี พวกเขาผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย ความรู้สึกนั้นช่างขมขื่นและอ่อนไหว นายให้พวกเขาได้ทานอาหารดีๆสักครั้งเถอะ"
เฉินลู่ก้มศีรษะลง หยอกเย้าปลายจมูกของเธอ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยและประทับจูบลงมาอีกครั้ง
มีคนเดินผ่านไปมาและมองดูพวกเขา
เฉินลู่ไม่ได้สังเกตเรื่องเหล่านี้
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าเขาเป็นคนไร้ยางอายมากถึงมากที่สุด แสดงความสนิทสนมแบบนี้ต่อหน้าสาธารณะโดยไม่แคร์เลย
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ปล่อยเธอและจัดทรงผมให้เธอด้วยความอ่อนโยน
"ไม่กลัววิดีโอจะถูกเผยแพร่แล้วเหรอ?"
"กลัวสิ แต่สิ่งนี้มันไม่ได้สำคัญเท่ากับพ่อและแม่ของฉัน" สวีซุ่ยหนิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มทุกข์ระทม "ทำไม่ดีกับพ่อและแม่ของฉัน ฉันจะจำไว้ตลอดชีวิต นายก็รู้ ฉันน่ะแค้นเจียงเจ๋อและอยากให้เขาตายมากแค่ไหน"
เฉินลู่ก้มศีรษะและมองเธอ สีหน้าของเขานั้นไม่แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
"ฉันจำได้ จางอวี้เคยพูดกับฉัน นายเคยไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดของโจวอี้อยู่นาน นั่นคือพ่อตาแม่ยายของนาย นายดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิด หากนายลองใช้หัวใจเปรียบเทียบ หากว่าพ่อและแม่ของฉันคือพ่อตาและแม่ยายของนาย นายปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเย็นชา นายไม่รู้สึกว่าพวกเขาน่าสงสารบ้างเลยเหรอ?"
เฉินลู่ไม่ได้รู้สึกว่าจะมีอะไรที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ ไม่มีทางใช้หัวใจลองเปรียบเทียบกับหัวใจ เห็นกันอยู่ว่าพ่อสวีแม่สวีนั้นไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
"ในอีกสองวันข้างหน้า โรงพยาบาลจะมีโครงการดูงานที่ต่างประเทศ เธอไปกับฉันไหม?" เฉินลู่เย้าหยอกใบหูส่วนล่างของเธอ
สวีซุ่ยหนิงนิ่งเงียบ
เฉินลู่กล่าว "แน่นอนว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ได้จบอย่างรวดเร็วเช่นนั้น หากเมื่อถึงเวลาฉันจะบอกเลิกราเธอและปล่อยเธอไป ส่วนพ่อของเธอ ฉันจะรับผิดชอบดูแลไปตลอดชีวิต"
สวีซุ่ยหนิงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ริมฝีปากของเธอกระตุกยิ้มพลางเอ่ย "ได้สิ"
เขาพูดออกมาหมดแล้ว เธอจะมีทางเลือกไหมล่ะ?
เฉินลู่เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ทางที่ดี อย่าทำให้ฉันขัดเคือง มันจะดูน่าเบื่อน่ะ"
อันที่จริงสวีซุ่ยหนิงค้นพบแล้ว เฉินลู่ไม่ชอบให้ใครคัดค้านเขา หากไม่ทำตามใจเขา ความสนใจของเขาจะลดลงอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ได้ตอบอะไร
เมื่อกลับมายังห้องวีไอพีอีกครั้ง เฉินลู่นั้นเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของพ่อสวีและแม่สวีมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ทานอาหาร แต่กลับคุยด้วยอย่างเอาใจ
กระทั่งพ่อสวีเอ่ยถามด้วยความสงสัย "หมอเฉิน ทำไมจู่ๆถึงคิดจะช่วยฉันล่ะ? ค่าใช้จ่ายแพงใช่เล่นเลยนะพ่อหนุ่ม"
เฉินลู่ชำเลืองมองสวีซุ่ยหนิงพลางเอ่ย "ลูกสาวของคุณเคยช่วยผมไว้ครับ มีครั้งหนึ่งรถของผมโดนชน สวีซุ่ยหนิงก็คอยช่วยผมอยู่ตลอดทั้งคืน"
สวีซุ่ยหนิงยิ้มอย่างฝืนทนและนิ่งเงียบ
เมื่อถึงเวลากลับ เป็นเวลาราวสี่ทุ่ม ทุกคนต่างแยกย้ายไปอย่างมีความสุข หรือเรียกอีกอย่างว่าความสุขเพียงเปลือกนอก
เฉินลู่ดูเวลาหลายครั้งจนไม่อาจนับได้ อันที่จริงคือเขาไร้ซึ่งความอดทนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...