เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 31

ความสูงของสวีซุ่ยหนิงและเฉินลู่ต่างกันมาก เธอเขย่งปลายเท้าจนเหนื่อย เขาจึงโอบรอบเอวเพื่อช่วยพยุงร่างกายของเธอไว้

เมื่อทั้งสองมอบจูบให้แก่กันแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้แยกจากกันไปในทันใด พวกเขากอดกันแน่น

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "เฉินลู่ ฉันไม่ขอให้นายลบวิดีโอแล้ว แต่ฉันขอให้นายช่วยเป็นตัวนายเอง พ่อและแม่ของฉันอายุมากแล้ว พวกเขามีมิตรไมตรีและโอบอ้อมอารีกับผู้อื่นมาตลอดทั้งชีวิต แต่กลับถูกลูกพี่ลูกน้องของนายทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ ช่วยทำดีกับพวกเขาหน่อยจะได้หรือเปล่า? ในตอนที่ครอบครัวของพวกเราตกต่ำ มีแต่คนคอยเหยียบซ้ำย่ำยี พวกเขาผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย ความรู้สึกนั้นช่างขมขื่นและอ่อนไหว นายให้พวกเขาได้ทานอาหารดีๆสักครั้งเถอะ"

เฉินลู่ก้มศีรษะลง หยอกเย้าปลายจมูกของเธอ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยและประทับจูบลงมาอีกครั้ง

มีคนเดินผ่านไปมาและมองดูพวกเขา

เฉินลู่ไม่ได้สังเกตเรื่องเหล่านี้

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าเขาเป็นคนไร้ยางอายมากถึงมากที่สุด แสดงความสนิทสนมแบบนี้ต่อหน้าสาธารณะโดยไม่แคร์เลย

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ปล่อยเธอและจัดทรงผมให้เธอด้วยความอ่อนโยน

"ไม่กลัววิดีโอจะถูกเผยแพร่แล้วเหรอ?"

"กลัวสิ แต่สิ่งนี้มันไม่ได้สำคัญเท่ากับพ่อและแม่ของฉัน" สวีซุ่ยหนิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มทุกข์ระทม "ทำไม่ดีกับพ่อและแม่ของฉัน ฉันจะจำไว้ตลอดชีวิต นายก็รู้ ฉันน่ะแค้นเจียงเจ๋อและอยากให้เขาตายมากแค่ไหน"

เฉินลู่ก้มศีรษะและมองเธอ สีหน้าของเขานั้นไม่แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

"ฉันจำได้ จางอวี้เคยพูดกับฉัน นายเคยไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดของโจวอี้อยู่นาน นั่นคือพ่อตาแม่ยายของนาย นายดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิด หากนายลองใช้หัวใจเปรียบเทียบ หากว่าพ่อและแม่ของฉันคือพ่อตาและแม่ยายของนาย นายปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเย็นชา นายไม่รู้สึกว่าพวกเขาน่าสงสารบ้างเลยเหรอ?"

เฉินลู่ไม่ได้รู้สึกว่าจะมีอะไรที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ ไม่มีทางใช้หัวใจลองเปรียบเทียบกับหัวใจ เห็นกันอยู่ว่าพ่อสวีแม่สวีนั้นไม่มีทางที่จะเป็นไปได้

"ในอีกสองวันข้างหน้า โรงพยาบาลจะมีโครงการดูงานที่ต่างประเทศ เธอไปกับฉันไหม?" เฉินลู่เย้าหยอกใบหูส่วนล่างของเธอ

สวีซุ่ยหนิงนิ่งเงียบ

เฉินลู่กล่าว "แน่นอนว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ได้จบอย่างรวดเร็วเช่นนั้น หากเมื่อถึงเวลาฉันจะบอกเลิกราเธอและปล่อยเธอไป ส่วนพ่อของเธอ ฉันจะรับผิดชอบดูแลไปตลอดชีวิต"

สวีซุ่ยหนิงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ริมฝีปากของเธอกระตุกยิ้มพลางเอ่ย "ได้สิ"

เขาพูดออกมาหมดแล้ว เธอจะมีทางเลือกไหมล่ะ?

เฉินลู่เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ทางที่ดี อย่าทำให้ฉันขัดเคือง มันจะดูน่าเบื่อน่ะ"

อันที่จริงสวีซุ่ยหนิงค้นพบแล้ว เฉินลู่ไม่ชอบให้ใครคัดค้านเขา หากไม่ทำตามใจเขา ความสนใจของเขาจะลดลงอย่างรวดเร็ว

เธอไม่ได้ตอบอะไร

เมื่อกลับมายังห้องวีไอพีอีกครั้ง เฉินลู่นั้นเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของพ่อสวีและแม่สวีมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ทานอาหาร แต่กลับคุยด้วยอย่างเอาใจ

กระทั่งพ่อสวีเอ่ยถามด้วยความสงสัย "หมอเฉิน ทำไมจู่ๆถึงคิดจะช่วยฉันล่ะ? ค่าใช้จ่ายแพงใช่เล่นเลยนะพ่อหนุ่ม"

เฉินลู่ชำเลืองมองสวีซุ่ยหนิงพลางเอ่ย "ลูกสาวของคุณเคยช่วยผมไว้ครับ มีครั้งหนึ่งรถของผมโดนชน สวีซุ่ยหนิงก็คอยช่วยผมอยู่ตลอดทั้งคืน"

สวีซุ่ยหนิงยิ้มอย่างฝืนทนและนิ่งเงียบ

เมื่อถึงเวลากลับ เป็นเวลาราวสี่ทุ่ม ทุกคนต่างแยกย้ายไปอย่างมีความสุข หรือเรียกอีกอย่างว่าความสุขเพียงเปลือกนอก

เฉินลู่ดูเวลาหลายครั้งจนไม่อาจนับได้ อันที่จริงคือเขาไร้ซึ่งความอดทนแล้ว

เมื่อสวีซุ่ยหนิงจากไป เฉินลู่จ้องมองเธอด้วยแววตาเย้ยหยัน

ดังนั้นเมื่อเธอกลับบ้าน เมื่อเวลาเที่ยงคืนเธอก็ออกมาอีกครั้ง ตรงมายังโรงแรมของเฉินลู่และเคาะประตูห้องของเขา

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีประตูก็เปิดออก เฉินลู่เอ่ย "มาเร็วใช้ได้"

ตลอดทางสวีซุ่ยหนิงรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้าน เมื่อเธออยู่ในห้องของเฉินลู่ เธอรู้สึกร้อน เธอถอดเสื้อผ้าและนอนเอนกายอยู่บนเตียง

เฉินลู่มองเธอนอนม้วนผ้าห่ม เขาทาบทับร่างกายลงไปอย่างใกล้ชิด

หลังจากเล่นกับเธอได้ครู่หนึ่ง เขาลุกขึ้นพลางเอ่ย "เธอมานี่ หากทนได้ถึงสิบนาที ฉันจะลบวิดีโอ"

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าเขานั้นใช้เล่ห์เหลี่ยมกับผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย ในทุกคำพูดทุกประโยคทำให้เธอโอนอ่อน ไม่อาจปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้เธอเสียจนไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นก็คงไม่สำคัญแล้ว เธอยอมทำตามเขาแต่โดยดี

อธิษฐานว่าสักวันหนึ่ง ชื่อเสียงและเกียรติยศของเฉินลู่จะถูกเหยียบย่ำจนป่นปี้ และเขาจะต้องกลายเป็นเพียงแค่ลูกไก่ในกำมือของเธอ

ทว่าสวีซุ่ยหนิงไม่อาจทนได้ถึงสิบนาที เพียงแค่เจ็ดถึงแปดนาทีก็ถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว ในขณะที่เฉินลู่เป็นฝ่ายริเริ่ม เธอนั้นลังเล รู้สึกว่าในเวลานี้ตนเองจะต้องแสร้งทำเป็นทนไม่ได้ ขณะนั้นเฉินลู่ก็จะเพ่งเล็งความสนใจ อาจจะไม่ได้ให้ความสนใจกับเวลา

"ลบวิดีโอเลย" เธอกล่าว

เฉินลู่ที่ทาบทับร่างกายของเธอ เขากำลังจ้องมองเธอ ริมฝีปากกระตุกยิ้ม ดูเย็นชาเล็กน้อย ทว่าเขายังคงทำตามในสิ่งที่สวีซุ่ยหนิงต้องการ หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างกายเคลื่อนไปวางบริเวณหัวเตียงและกดเล่นวิดีโอ

เมื่อสวีซุ่ยหนิงได้ฟังเสียงของตนเอง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ

วิดีโอนี้ระยะเวลานานมาก ครั้งแรกของเฉินลู่จบลงแล้ว ทว่าเขายังไม่ยอมปล่อย เฉินลู่น่าจะปล่อยให้เธอจัดการ เธอหยิบโทรศัพท์แล้วหันหลังเข้าห้องน้ำ

สวีซุ่ยหนิงคิดจะลบวิดีโอ ทว่ามีแชทของวีแชทเด้งเข้ามา โดยไม่ทันระวังเธอเผลอกดโดนแจ้งเตือนนั้น จากนั้นเธอเห็นภาพเปลือยของหญิงสาวคนหนึ่งที่ส่งมาให้เขา

ก่อนหน้านี้ก็เคยส่งมา คำตอบของเฉินลู่ก็ค่อนข้างวาบหวาม เขากล่าวว่า เมื่อเธออยู่บนเตียงค่อนข้างยั่วเย้าอารมณ์

อีกทั้งผู้หญิงคนนี้ยังขอบคุณเฉินลู่ที่มอบรถยนต์ให้กับเธอ

ผู้หญิงคนนี้เรียกเฉินลู่ว่าป๊ะป๋า คำพูดในบทสนทนาดูใสซื่อไร้เดียงสามาก ทว่าก็ให้ความร่วมมือกับประโยคที่หยาบคายของเฉินลู่ เมื่อตอบกลับมาก็ยังเป็นคำตอบที่ไร้เดียงสาที่เจือมาด้วยความขี้เล่น

สวีซุ่ยหนิงได้เรียนรู้แล้ว ผู้ชายมักชอบหญิงสาวประเภทนี้ ไม่น่าแปลกใจหญิงสาวคนนั้นมักพูดว่า "ไม่เอาสิคะ" "ไม่ค่ะ" ไม่เห็นว่าเฉินลู่จะไม่สนใจเธอเลย ตรงกันข้ามเขากลับให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น

สวีซุ่ยหนิงออกจากวีแชท เธอลบวิดีโอเป็นอันดับแรก จากนั้นเธอรู้สึกว่าการที่ได้อ่านวีแชทของเฉินลู่โดยไม่ได้ตั้งใจนั้นเหมือนกับว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนพรมเข็ม[1]

เฉินลู่ออกมาเอาโทรศัพท์ เขามองสวีซุ่ยหนิงอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เวลาเขาเข้านอนเขาไม่ชอบการนอนเบียด สวีซุ่ยหนิงจึงนอนอยู่คนเดียวภายในมุมหนึ่งของห้อง

ไม่กี่วันต่อมา เธอเดินทางไปต่างประเทศกับเฉินลู่และกลุ่มเพื่อนร่วมงานของเขา สวีซุ่ยหนิงมาในนามของคนคนหนึ่งและนั่งหลบมุม

แน่นอนว่าเฉินลู่ไม่อยากแนะนำเธอมากนัก

หากเธอและเขาอยู่ด้วยกัน คนอื่นจะต้องตั้งคำถามถึงสถานะของเธอ

เฉินลู่อยู่ท่ามกลางแวดวงเหล่าทายาทตระกูลชนชั้นสูง เขาดูแตกต่างไปจากแวดวงวิชาการ ต่อหน้าย่อมกล่าวว่าอะไรก็ได้ ลับหลังก็ค่อยแสดงท่าทีไม่พอใจ ทว่าเขาไม่เลือกแสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณชน พวกเขาจำต้องรักษาชื่อเสียงและระมัดระวังตัวไว้

ในไม่ช้าสวีซุ่ยหนิงก็ค้นพบบางอย่าง ภายในกลุ่มคนนี้ มีหญิงสาวคนหนึ่งดูเป็นวัยรุ่น เมื่อมองเห็นแล้วเหมือนกับว่าเธอคือนักเรียนคนหนึ่ง ดูสดใสและน่ารัก

ในตอนแรกสวีซุ่ยหนิงไม่ได้ให้ความสนใจ กระทั่งเด็กสาวคนนั้นกำลังลงจากเครื่องบิน เธอเขย่งเท้าเอื้อมหยิบกระเป๋าเดินทาง แต่ทว่าเธอเอื้อมไม่ถึง เธอหันกลับมามองเฉินลู่ด้วยหน้าตาน่าสงสารพลางเอ่ย "ป๊ะป๋าคะ ฉันเอื้อมไม่ถึง"

สวีซุ่ยหนิงมองไปยังกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอคนนั้น จากนั้นมองเฉินลู่ที่กำลังช่วยเธอหยิบกระเป๋า กระทั่งถือลงไปจากเครื่องบิน หญิงสาวคนนั้นก็รีบสาวเท้าไล่ตามหลังเขาไป

นั่งอยู่บนพรมเข็ม[1] เปรียบเปรยได้ว่า จิตใจพะว้าพะวังไม่เป็นสุข

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน