บทที่ 31 (2) – ตอนที่ต้องอ่านของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
ตอนนี้ของ เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการโต้แย้งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 31 (2) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ความสูงของสวีซุ่ยหนิงและเฉินลู่ต่างกันมาก เธอเขย่งปลายเท้าจนเหนื่อย เขาจึงโอบรอบเอวเพื่อช่วยพยุงร่างกายของเธอไว้
เมื่อทั้งสองมอบจูบให้แก่กันแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้แยกจากกันไปในทันใด พวกเขากอดกันแน่น
สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "เฉินลู่ ฉันไม่ขอให้นายลบวิดีโอแล้ว แต่ฉันขอให้นายช่วยเป็นตัวนายเอง พ่อและแม่ของฉันอายุมากแล้ว พวกเขามีมิตรไมตรีและโอบอ้อมอารีกับผู้อื่นมาตลอดทั้งชีวิต แต่กลับถูกลูกพี่ลูกน้องของนายทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ ช่วยทำดีกับพวกเขาหน่อยจะได้หรือเปล่า? ในตอนที่ครอบครัวของพวกเราตกต่ำ มีแต่คนคอยเหยียบซ้ำย่ำยี พวกเขาผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย ความรู้สึกนั้นช่างขมขื่นและอ่อนไหว นายให้พวกเขาได้ทานอาหารดีๆสักครั้งเถอะ"
เฉินลู่ก้มศีรษะลง หยอกเย้าปลายจมูกของเธอ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยและประทับจูบลงมาอีกครั้ง
มีคนเดินผ่านไปมาและมองดูพวกเขา
เฉินลู่ไม่ได้สังเกตเรื่องเหล่านี้
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกว่าเขาเป็นคนไร้ยางอายมากถึงมากที่สุด แสดงความสนิทสนมแบบนี้ต่อหน้าสาธารณะโดยไม่แคร์เลย
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ปล่อยเธอและจัดทรงผมให้เธอด้วยความอ่อนโยน
"ไม่กลัววิดีโอจะถูกเผยแพร่แล้วเหรอ?"
"กลัวสิ แต่สิ่งนี้มันไม่ได้สำคัญเท่ากับพ่อและแม่ของฉัน" สวีซุ่ยหนิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มทุกข์ระทม "ทำไม่ดีกับพ่อและแม่ของฉัน ฉันจะจำไว้ตลอดชีวิต นายก็รู้ ฉันน่ะแค้นเจียงเจ๋อและอยากให้เขาตายมากแค่ไหน"
เฉินลู่ก้มศีรษะและมองเธอ สีหน้าของเขานั้นไม่แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
"ฉันจำได้ จางอวี้เคยพูดกับฉัน นายเคยไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดของโจวอี้อยู่นาน นั่นคือพ่อตาแม่ยายของนาย นายดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิด หากนายลองใช้หัวใจเปรียบเทียบ หากว่าพ่อและแม่ของฉันคือพ่อตาและแม่ยายของนาย นายปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเย็นชา นายไม่รู้สึกว่าพวกเขาน่าสงสารบ้างเลยเหรอ?"
เฉินลู่ไม่ได้รู้สึกว่าจะมีอะไรที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ ไม่มีทางใช้หัวใจลองเปรียบเทียบกับหัวใจ เห็นกันอยู่ว่าพ่อสวีแม่สวีนั้นไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
"ในอีกสองวันข้างหน้า โรงพยาบาลจะมีโครงการดูงานที่ต่างประเทศ เธอไปกับฉันไหม?" เฉินลู่เย้าหยอกใบหูส่วนล่างของเธอ
สวีซุ่ยหนิงนิ่งเงียบ
เฉินลู่กล่าว "แน่นอนว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ได้จบอย่างรวดเร็วเช่นนั้น หากเมื่อถึงเวลาฉันจะบอกเลิกราเธอและปล่อยเธอไป ส่วนพ่อของเธอ ฉันจะรับผิดชอบดูแลไปตลอดชีวิต"
สวีซุ่ยหนิงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ริมฝีปากของเธอกระตุกยิ้มพลางเอ่ย "ได้สิ"
เขาพูดออกมาหมดแล้ว เธอจะมีทางเลือกไหมล่ะ?
เฉินลู่เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ทางที่ดี อย่าทำให้ฉันขัดเคือง มันจะดูน่าเบื่อน่ะ"
อันที่จริงสวีซุ่ยหนิงค้นพบแล้ว เฉินลู่ไม่ชอบให้ใครคัดค้านเขา หากไม่ทำตามใจเขา ความสนใจของเขาจะลดลงอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ได้ตอบอะไร
เมื่อกลับมายังห้องวีไอพีอีกครั้ง เฉินลู่นั้นเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของพ่อสวีและแม่สวีมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ทานอาหาร แต่กลับคุยด้วยอย่างเอาใจ
กระทั่งพ่อสวีเอ่ยถามด้วยความสงสัย "หมอเฉิน ทำไมจู่ๆถึงคิดจะช่วยฉันล่ะ? ค่าใช้จ่ายแพงใช่เล่นเลยนะพ่อหนุ่ม"
เฉินลู่ชำเลืองมองสวีซุ่ยหนิงพลางเอ่ย "ลูกสาวของคุณเคยช่วยผมไว้ครับ มีครั้งหนึ่งรถของผมโดนชน สวีซุ่ยหนิงก็คอยช่วยผมอยู่ตลอดทั้งคืน"
สวีซุ่ยหนิงยิ้มอย่างฝืนทนและนิ่งเงียบ
เมื่อถึงเวลากลับ เป็นเวลาราวสี่ทุ่ม ทุกคนต่างแยกย้ายไปอย่างมีความสุข หรือเรียกอีกอย่างว่าความสุขเพียงเปลือกนอก
เฉินลู่ดูเวลาหลายครั้งจนไม่อาจนับได้ อันที่จริงคือเขาไร้ซึ่งความอดทนแล้ว
อีกทั้งผู้หญิงคนนี้ยังขอบคุณเฉินลู่ที่มอบรถยนต์ให้กับเธอ
ผู้หญิงคนนี้เรียกเฉินลู่ว่าป๊ะป๋า คำพูดในบทสนทนาดูใสซื่อไร้เดียงสามาก ทว่าก็ให้ความร่วมมือกับประโยคที่หยาบคายของเฉินลู่ เมื่อตอบกลับมาก็ยังเป็นคำตอบที่ไร้เดียงสาที่เจือมาด้วยความขี้เล่น
สวีซุ่ยหนิงได้เรียนรู้แล้ว ผู้ชายมักชอบหญิงสาวประเภทนี้ ไม่น่าแปลกใจหญิงสาวคนนั้นมักพูดว่า "ไม่เอาสิคะ" "ไม่ค่ะ" ไม่เห็นว่าเฉินลู่จะไม่สนใจเธอเลย ตรงกันข้ามเขากลับให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น
สวีซุ่ยหนิงออกจากวีแชท เธอลบวิดีโอเป็นอันดับแรก จากนั้นเธอรู้สึกว่าการที่ได้อ่านวีแชทของเฉินลู่โดยไม่ได้ตั้งใจนั้นเหมือนกับว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนพรมเข็ม[1]
เฉินลู่ออกมาเอาโทรศัพท์ เขามองสวีซุ่ยหนิงอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เวลาเขาเข้านอนเขาไม่ชอบการนอนเบียด สวีซุ่ยหนิงจึงนอนอยู่คนเดียวภายในมุมหนึ่งของห้อง
ไม่กี่วันต่อมา เธอเดินทางไปต่างประเทศกับเฉินลู่และกลุ่มเพื่อนร่วมงานของเขา สวีซุ่ยหนิงมาในนามของคนคนหนึ่งและนั่งหลบมุม
แน่นอนว่าเฉินลู่ไม่อยากแนะนำเธอมากนัก
หากเธอและเขาอยู่ด้วยกัน คนอื่นจะต้องตั้งคำถามถึงสถานะของเธอ
เฉินลู่อยู่ท่ามกลางแวดวงเหล่าทายาทตระกูลชนชั้นสูง เขาดูแตกต่างไปจากแวดวงวิชาการ ต่อหน้าย่อมกล่าวว่าอะไรก็ได้ ลับหลังก็ค่อยแสดงท่าทีไม่พอใจ ทว่าเขาไม่เลือกแสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณชน พวกเขาจำต้องรักษาชื่อเสียงและระมัดระวังตัวไว้
ในไม่ช้าสวีซุ่ยหนิงก็ค้นพบบางอย่าง ภายในกลุ่มคนนี้ มีหญิงสาวคนหนึ่งดูเป็นวัยรุ่น เมื่อมองเห็นแล้วเหมือนกับว่าเธอคือนักเรียนคนหนึ่ง ดูสดใสและน่ารัก
ในตอนแรกสวีซุ่ยหนิงไม่ได้ให้ความสนใจ กระทั่งเด็กสาวคนนั้นกำลังลงจากเครื่องบิน เธอเขย่งเท้าเอื้อมหยิบกระเป๋าเดินทาง แต่ทว่าเธอเอื้อมไม่ถึง เธอหันกลับมามองเฉินลู่ด้วยหน้าตาน่าสงสารพลางเอ่ย "ป๊ะป๋าคะ ฉันเอื้อมไม่ถึง"
สวีซุ่ยหนิงมองไปยังกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอคนนั้น จากนั้นมองเฉินลู่ที่กำลังช่วยเธอหยิบกระเป๋า กระทั่งถือลงไปจากเครื่องบิน หญิงสาวคนนั้นก็รีบสาวเท้าไล่ตามหลังเขาไป
นั่งอยู่บนพรมเข็ม[1] เปรียบเปรยได้ว่า จิตใจพะว้าพะวังไม่เป็นสุข
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...