สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันที
การแสดงออกของสวีซุ่ยหนิงได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน น้ำเสียงของเขาเย็นชาในช่วงครึ่งหลังของประโยค เมื่อมองแวบแรก มันดูไม่เหมือนการพูดล้อเล่นเลย
“เฉินลู่” เธออดที่จะเรียกไม่ได้
“ล้อเล่นน่ะ” เฉินลู่พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ในสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมาย ใครจะกล้าทำเรื่องแบบนี้กันเล่า?”
สวีซุ่ยหนิงพูดในใจ ดูแล้วเหมือนว่านายสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ เขากลัวนายจนไม่อาจยืนตัวตรงได้แล้ว และก็ตัวสั่นด้วย
ชายคนนั้นยิ้มด้วยความฝืนใจ “คุณสวี เรื่องความร่วมมือเราได้คุยกันเสร็จแล้ว ผมก็ควรจะกลับแล้ว ค่อยติดต่อกันวันหลังนะครับ”
สวีซุ่ยหนิงพยักหน้าให้เขา หลังจากที่อีกฝ่ายจากไป ถึงได้เหลือบมองมายังเฉินลู่ ว่า "เฉินลู่ นายทำให้เขากลัวทำไมกัน? เขาไม่รู้คงคิดว่าฉันเปิดคือร้านเถื่อนอะไรนั้นแล้ว หากเผยแพร่ออกไป คงจะบอกว่าร้านของฉันเป็นพวกอันธพาลใหญ่"
เฉินลู่เลิกคิ้วมองเธอ
สวีซุ่ยหนิงจ้องไปที่เขา "นายยังไม่ยอมพูดเหรอ"
“ฉันจะกล้าดียังไง” เขาพูดเรื่อยเปื่อย แต่มุมปากกลับอดที่จะยกขึ้นไม่ได้ “แต่ฉันยอมให้แค่แฟนของฉันควบคุมเท่านั้น คนอื่น อาจจะควบคุมฉันไม่ได้”
สวีซุ่ยหนิงหยุดชั่วคราว ไม่พูดอะไร
ความถี่ที่เฉินลู่มาหาสวีซุ่ยหนิง เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ เขาจะไม่รบกวนเธอ ขณะที่เธอทำงาน เขาจะนั่งอยู่อีกด้าน เล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียว
เสี่ยวเย่รู้สึกว่าสวีซุ่ยหนิงอาจจะใจอ่อนลงแล้ว แต่ทุกครั้งที่เธอไปหยั่งเชิง สวีซุ่ยหนิงกลับไม่พูดอะไรเลย
เธอไม่พูด เฉินลู่ไม่พูด ทั้งสองคนสงบสุข และมีเพียงเธอซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นที่ตื่นตระหนก
เธอคงเป็นขันทีที่ร้อนใจแทบตาย เสี่ยวเย่คิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...