อ่านสรุป บทที่ 299 จาก เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน โดย จิ่นอวิ๋น
บทที่ บทที่ 299 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการโต้แย้ง เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จิ่นอวิ๋น อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เซี่ยซีฝืนใจยิ้มด้วยความปวดร้าว ก่อนจะพูดกับสวีซุ่ยหนิงว่า "ตอนเด็กเขาแอบโทรหาฉันอยู่หลายครั้ง เขาบอกว่าเขามีชีวิตที่ไม่ค่อยมีความสุขและต้องการมาเจอฉัน ฉันคิดว่าเขามีพ่อแบบเฉินเจ๋อชูทั้งชีวิตของเขาก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน และคงถูกเลี้ยงดูแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ดังนั้นทุกครั้งฉันจึงปฏิเสธเขา......”
เธอรู้สึกว่าหายใจเข้าออกลำบากขณะที่กำลังพูด “ฉันกำลังคิดว่าในแต่ละครั้งเขารู้สึกน้อยใจเหมือนกับครั้งนี้หรือเปล่า?”
เซี่ยซีเฝ้าถามตัวเองในใจ ถ้าเธอรู้ก่อนหน้านี้ว่าเฉินลู่มีชีวิตที่ไม่ค่อยมีความสุขจริงๆ เธอยังจะเพิกเฉยต่อเฉินลู่หรือไม่?
คงไม่หรอก
เธอคงไม่เพิกเฉยหรอก เซี่ยซีคิดในใจ
ถ้าเธอรู้ก่อนหน้านี้เธอจะไม่เพิกเฉยต่อเขาเด็ดขาด
เซี่ยซีไม่ได้สนใจเฉินลู่ เพราะเธอรู้สึกถ้าเฉินลู่อยู่กับเธอเงื่อนไขของการใช้ชีวิตของเขาอาจไม่ดีพอ และเธอก็กลัวว่าถ้าเฉินเจ๋อชูแต่งงานใหม่สิ่งของที่ควรจะเป็นของเฉินลู่อาจตกเป็นของคนอื่น เธอยอมรับไม่ได้ถ้าสิ่งของของเฉินลู่จะตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงคนอื่น
ในเมื่อเธอวางแผนแล้วว่าจะไม่ดูแลเฉินลู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉินลู่ได้ สำหรับเด็กที่อยู่กับแม่มากเกินไป การไม่มีแม่อยู่ด้วยจะยิ่งเจ็บปวดกว่าการไม่มีแม่ตั้งแต่แรก นั่นเป็นเหตุผลที่เธอตัดทุกอย่างกับเฉินลู่อย่างไร้ความปรานี ยิ่งเธอเย็นชามากเท่าไหร่ เฉินลู่ก็จะยิ่งสนใจเธอน้อยลงเท่านั้น
เพียงแต่การแกล้งทำเป็นเย็นชามากเกินไป ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกกลายเป็นหยุดชะงักไปในทันทีและไม่สามารถคลี่คลายได้ บวกกับเซี่ยซีเกลียดเฉินเจ๋อชูมากและสุขภาพก็ไม่ค่อยดี เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาจึงไม่อาจแสดงความรักต่อเฉินลู่ออกมาได้
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยซี สวีซุ่ยหนิงอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก
เฉินลู่ติดต่อเธอเป็นคนแรก หรือว่าเขาไม่ไว้วางใจในความรักของแม่มานานแล้ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเอาความปรารถนาต่อความรักทั้งหมดมาไว้กับเธอ
......
เฉินลู่กลับมาหลังจากสิบนาทีต่อมา
มาพร้อมกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล
ทั้งสวีซุ่ยหนิงและเซี่ยซีไม่มีใครพูดอะไร รวมทั้งเฉินลู่ด้วย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั่งลงและทำแผลให้เขา
ในห้องทำงานเงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มที่ตกลงพื้น และมีเสียงกระปุกยาหลายชนิดที่กระแทกกับโต๊ะแล้วส่งเสียงเล็กน้อย
“ถึงแม้ว่าคุณฟู่จะยังอายุน้อย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าอวัยวะจะล้มเหลว ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเพียงความล้มเหลวของการผ่าตัด ไม่ใช่ข้อผิดพลาดในการผ่าตัด มันไม่ใช่ความผิดของคุณ” ผู้อำนวยการพูดให้กำลังใจและตบไหล่เขาเบาๆ “คนในครอบครัวของผู้ป่วยส่วนมากจะไม่สามารถยอมรับในสถานการณ์แบบนี้ได้ เพราะมันคือการสูญเสียคนที่รัก ดังนั้นเราต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน”
เฉินลู่พยักหน้า และตอบกลับเพียงคำเดียว “อืม”
“หมอเฉิน คุณอายุยังน้อยและเป็นมืออาชีพมาก แค่การล้มเหลวในการผ่าตัดเพียงครั้งเดียวมันไม่สามารถตัดสินอะไรคุณได้ ไม่มีใครรับประกันผลลัพธ์ของการผ่าตัดได้ การผ่าตัดมันมีความเสี่ยงอยู่แล้ว” "คุณสงบจิตใจไปก่อน พรุ่งนี้คุณลาพักผ่อนแล้วกัน"
เฉินลู่พูดว่า "ขอบคุณมากครับ ผู้อำนวยการ"
ก่อนที่ผู้อำนวยการจะเดินออกไป เขาได้หันหน้าไปพยักหน้าให้กับเซี่ยซี
หลังจากที่ผู้อำนวยการเดินออกไป ภายในห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบ
เซี่ยซีมองดูบาดแผลบนใบหน้าของเฉินลู่ และเกือบจะร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็กัดฟันแล้วหันหน้าหนี
สวีซุ่ยหนิงมองไปที่เฉินลู่ด้วยสีหน้าที่กังวล
ไม่กี่นาทีต่อมาเฉินลู่อธิบายอย่างใจเย็นว่า “แม่ที่เพิ่งคลอดลูกได้หนึ่งเดือนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นฝีเต้านมเฉียบพลัน สามีของเธอมาพบฉันด้วยความไว้วางใจและหวังว่าฉันจะทำการผ่าตัดให้กับภรรยาของเขา ฉันไม่ได้ปฏิเสธ สองวันหลังจากการผ่าตัด ภรรยาของเขาประสบกับภาวะอวัยวะล้มเหลวอย่างกะทันหันและได้เสียชีวิตลง”
สวีซุ่ยหนิงและเซี่ยซีไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ” เฉินลู่พูดอย่างใจเย็น “เปอร์เซ็นต์ที่ศัลยแพทย์จะเจอปัญหาเรื่องญาติคนไข้ก่อเรื่องนั้นมีไม่น้อย แค่บาดแผลที่ผิวหนังเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องกังวลหรอก เขาก็คาดไม่ถึงว่าภรรยาที่วันนั้นยังมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข แต่สองวันต่อมาจะเสียชีวิตลง ฉันเข้าใจเขา มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครยอมรับได้”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาเหลือบมองไปทางประตูอย่างเหม่อลอย ก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันจะไปส่งคุณกับเธอกลับ”
เซี่ยซีกำลังจะเอ่ยปากพูด สวีซุ่ยหนิงสบตากับเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร
เฉินลู่ขับรถกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินก่อน เซี่ยซีไม่ได้พูดอะไรระหว่างทาง เมื่อเธอลงจากรถได้พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “อาลู่ ในชีวิตของแม่มีเพียงแกเป็นลูกชายคนเดียวเท่านั้น”
สวีซุ่ยหนิงไม่รู้พูดอะไรต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินลู่ส่งข้อความสวัสดีตอนเช้ามาให้เธอ
เขายังคงไปที่โรงพยาบาล และบอกว่าจะมีคนไข้มาตรวจรอบที่สองในวันนี้ คนไข้ได้ลงทะเบียนทางอินเทอร์เน็ตแล้ว ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะให้คนไข้เปลี่ยนเวลานัดหมาย
สวีซุ่ยหนิงส่งข้อความถึงเขา แต่เขาไม่ตอบ
เซี่ยซีมาหาเธอเพื่อขอให้เธอเอาใจใส่เฉินลู่ให้มากขึ้นในช่วงนี้
หลังจากเลิกงานสวีซุ่ยหนิงก็ตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับเฉินลู่ทันที แต่เมื่อเธอเดินไปถึงที่หน้าประตูก็ต้องหยุดนิ่งไปทันที
ชายผู้ก่อเรื่องเมื่อวานนี้คุกเข่าพร้อมกับป้ายที่อยู่บนตัวเขา หมอเฉินลู่ไร้ยางอายฆ่าภรรยาของฉัน
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างมองดูและพูดแสดงความคิดเห็น
สวีซุ่ยหนิงรู้สึกได้เพียงว่าเธอโกรธมาก เธอรีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พยายามลากชายคนนั้นออกไป อยากจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ เธอเกลียดคนที่บิดเบือนข้อเท็จจริงมากที่สุด
แต่เขาถูกลากตัวออกไปอย่างรวดเร็วโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
สวีซุ่ยหนิงหยุดเดิน จากนั้นก็ได้ยินเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างๆ พูดอย่างรำคาญเต็มทน “ตอนเช้าก็มาคุกเข่าแล้วทีหนึ่ง พอตอนเย็นก็กลับมาอีก คนนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ไม่รู้ว่าหมอเฉินจะได้รับผลกระทบต่อจิตใจไหมที่เขาเห็นในตอนเช้า ”
“เขาต้องได้รับผลกระทบแน่ๆ ตอนเช้าหมอเฉินก็ยืนอยู่ในห้องโถงเป็นเวลานานก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน”
เมื่อสวีซุ่ยหนิงได้ยินสิ่งนี้ เธอไม่สามารถขยับตัวได้อยู่ครู่หนึ่ง
เธอนึกไม่ออกเลยว่าเฉินลู่รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นป้ายนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...