เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 40

เมื่อสวีซุ่ยหนิงกลับมายังห้องพักผู้ป่วย เฉินลู่ตรวจดูบาดแผลให้เธอและเอ่ย "วันนี้สามารถอาบน้ำได้แล้ว"

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกเพียงว่าโลกตรงหน้าเธอสว่างไสว เธอแทบจะพุ่งตัวเข้าไปยังห้องอาบน้ำ แต่ทว่าเมื่อเธอเอื้อมมือไปยังเครื่องทำน้ำอุ่น เธอพบว่ามือที่ได้รับผลกระทบนั้นยังไม่สามารถยกขึ้นได้ หากใช้เพียงมือข้างเดียว การถูสบู่และการเช็ดตัวก็คงจะไม่สะดวกนัก

สวีซุ่ยหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตะโกนว่า "เฉินลู่"

คนที่อยู่ด้านนอกได้ยินและเดินเข้ามาด้านใน "ฉันจะอาบให้"

นี่อาจเป็นข้อดีของการจ้องมองเรือนร่างของอีกฝ่ายอยู่เสมอ เนื่องจากค่อนข้างคุ้นเคย ในช่วงเวลาสำคัญจึงไม่มีท่าทีกระบิดกระบวน[1]

เฉินลู่หมุนเกลียวก๊อกน้ำเปิดน้ำให้กับเธอ เลี่ยงบริเวณบาดแผลด้วยความระมัดระวัง แต่ตอนที่เขาถูสบู่ให้กับเธอนั้น เธอเอ่ยด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ "อย่าไปสัมผัสมั่วสิ"

เขาหยุดชะงัก เมื่อก้มศีรษะลงเห็นว่านิ้วเท้าของเธอกำลังเกร็งอยู่บนพื้น

เฉินลู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "สัมผัสแล้วรู้สึกงั้นเหรอ?"

"ไม่ใช่ มันจั๊กจี้ต่างหาก" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "นายรีบล้างฟองสบู่ออกแค่นี้ก็พอแล้ว"

เฉินลู่พยักหน้า หลังจากล้างเนื้อล้างตัวอยู่ประมาณสองนาที เขาก็หยิบผ้าเช็ดตัวให้เธอ ในเวลานี้เธอยังไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้ เขาจะต้องทำความสะอาดแผลให้เธออีกครั้ง

เมื่อสวีซุ่ยหนิงนอนอยู่บนเตียง เฉินลู่ตรวจดูบาดแผลของเธออีกครั้ง ไม่มีวี่แววการเป็นหนอง เมื่อครู่นี้ที่อาบน้ำเขาระมัดระวังเป็นอย่างมากไม่ให้น้ำกระเซ็นโดนแผล

เมื่อตรวจเสร็จแล้วเขาก็ใส่ยาและพันผ้าพันแผลให้เธอ

สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "จะเป็นรอยแผลเป็นใช่ไหม?"

เฉินลู่มองมาที่เธอและพูด "คิดว่าถ้าจะให้ลบก็คงยาก"

สวีซุ่ยหนิงเม้มริมฝีปาก บาดแผลจากมีดนั้นค่อนข้างหยาบ รอยแผลเป็นคงดูไม่ดีนัก เนื่องจากเธอเป็นคนผิวขาว รอยแผลจึงดูน่ากลัวมากขึ้นเท่าตัว

"หรือว่าจะสักอะไรดี?" เฉินลู่โน้มตัวลงมา เขากัดปลายจมูกของเธออย่างแผ่วเบา

"ตอนนี้มีช่างสักมากมาย ฝีมือของพวกเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่แน่ว่าหากสักแล้วอาจจะน่าเกลียดมากยิ่งขึ้น"

เฉินลู่เอ่ยด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ "ฉันทำได้"

สวีซุ่ยหนิงจ้องมองใบหน้าของเขาที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอมุ่ยปาก "นายไม่ใช่มือสมัครเล่นที่ไม่มีฝีมือหรอกหรือไง?"

เฉินลู่หัวเราะเสียงแผ่วเบา จากนั้นโน้มร่างกายลงบนพื้น ทาบทับร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอไว้ แน่นอน เขาระมัดระวังด้านที่เธอได้รับบาดเจ็บ เขาเอ่ย "ฉันเรียนรู้มาจากผู้เชี่ยวชาญ สักได้ดีกว่าคนเหล่านั้นอย่างแน่นอน"

เขาเป็นคนมีนิสัยเมื่อได้ทำสิ่งใดแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นงานอดิเรกอย่างการสักก็ตาม

สวีซุ่ยหนิงพลันนึกถึงนกอินทรีตัวนั้นที่อยู่บริเวณเอวของเขา เธอขอให้เขาเปิดให้เธอดู เฉินลู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาพลิกตัวไปพิงกำแพงและให้เธอดู

เธอยื่นมือไปสัมผัส เมื่อสัมผัสแล้วไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งใด แต่ว่าสัมผัสได้ถึงความวิจิตรบรรจง รอยสักนี้ไม่มีรอยเปื้อนเลยแม้แต่น้อย ท่าทางบูดบึ้งของนกอินทรีก็ดูเสมือนจริง

สวีซุ่ยหนิงมองไม่เห็นหางของนก หางอยู่ด้านล่างลงไปอีก เธอแสดงท่าทีให้เฉินลู่เคลื่อนกางเกงของเขาลงไป

เฉินลู่เอ่ย "เธอมาทำเอง"

สวีซุ่ยหนิงนึกขึ้นได้ว่าส่วนหางของนกอินทรีนั้นอยู่เกือบจะถึงบริเวณขน หากว่าต้องการเห็นทั้งหมดอาจจะได้เห็นอะไรบางอย่างด้วย ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่ได้ดู

เธอเอ่ย "แผลของฉันเล็กนิดเดียวเอง จะสักรูปอะไรดี?"

เฉินลู่ครุ่นคิดชั่วขณะพลางพูด "นกอินทรีก็ได้นะ เธอจะสักด้วยไหมล่ะ?"

สวีซุ่ยหนิงจำได้ว่าโจวอี้นั้นสักคล้ายรูปนกนางแอ่น เธอไม่สนใจหรอก เธอเอ่ย "ผู้หญิงสักรูปนี้ ดูไม่ค่อยสวยน่ะ"

แต่ทว่าเธอนึกขึ้นได้ว่ารอยสักนั้นโจวอี้เป็นคนสัก เธอเป็นช่างสักที่มากด้วยฝีมือ เธอเดาว่าเมื่อเฉินลู่สัก เขาน่าจะไม่ได้สวมอะไรเลย

ภายใต้การถูกเข็มทิ่มแทง ย่อมไม่สงบอย่างแน่นอน

ไม่รู้ว่าเมื่อพวกเขาสักเสร็จแล้วจะทำเรื่องอย่างว่าเลยด้วยหรือเปล่า

ระดับฝีมือการสักของเฉินลู่ มีความเป็นไปได้สูงว่าเรียนรู้มาจากโจวอี้

เธอเอ่ย "ทำไมนายถึงคิดไปเรียนการสักล่ะ?"

เฉินลู่ไม่ต้องการเอ่ยถึงหัวข้อบทสนทนานี้ เขากล่าว "ตอนวัยรุ่น เห็นคนอื่นเขาเรียน ก็เลยอยากเรียนด้วย"

ในตอนนี้สวีซุ่ยหนิงไม่ได้พูดถึงหัวข้อการพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็สามารถเดาได้ว่าเขากำลังหมายถึงใคร เธอครุ่นคิดและถาม "นกนางแอ่นของโจวอี้ นายสักให้ใช่หรือเปล่า?"

เฉินลู่นั่งลง ร่างกายของเธอซบอยู่บนร่างกายของเขา ขาข้างหนึ่งของเขากำลังงอ ส่วนขาอีกข้างสวีซุ่ยหนิงกำลังนั่งอยู่ มือของเขาโอบรอบเอวของเธอและเอ่ย "นั่นคือผลงานชิ้นแรกของฉัน"

รอยสักของพวกเขาที่แท้แล้วต่างคนต่างก็สักให้กัน ภาพทั้งสองนี้ออกแบบโดยเฉินลู่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภาพทั้งสองนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก ภาพหนึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะปกป้อง อีกภาพหนึ่งแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ แต่ทว่าความโรแมนติกนั้นอย่าให้มันมากจนเกินไป

ไม่รู้ว่าตอนรักกัน ต้องรักกันมากขนาดไหนถึงได้ไปสักด้วยกัน

สวีซุ่ยหนิงเอ่ยถามด้วยจิตใจที่ไม่สงบ "แล้วทำไมไม่สักนกอินทรีให้กับโจวอี้ล่ะ?"

เฉินลู่กลับไม่ตอบ เพียงแต่เหยียดขาที่งอของเขาให้ตรง ให้เธอวางขาไว้บนขาทั้งสองข้างของเขา

สถานที่ที่ผู้ชายและผู้หญิงสามารถแสดงออกถึงความกระตือรือร้น สามารถใกล้ชิดสนิทสนมกันได้

สวีซุ่ยหนิงสัมผัสได้ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ

เฉินลู่เอ่ย "ถามอีกครั้ง หลายวันที่ผ่านมาคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน