หลังจากที่เฉินลู่พาสวีซุ่ยหนิงมาบนรถ เธอก็ปฏิเสธที่จะพูดคุยอยู่ท่าเดียว
เขามองเธออยู่พักใหญ่ เห็นว่าเธอยังเงียบอยู่เหมือนเดิม วันนี้เธอคงเสียขวัญมาก ก็เลยตัดสินใจให้เธอพักผ่อนก่อน
ตอนกำลังขับรถอยู่ ฝั่งตรงข้ามมีรถขับสวนมาพอดี เขาหันหน้าหลบแสงไฟหน้ารถอีกฝั่งแล้วหลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าของสวีซุ่ยหนิง
และในวินาทีนั้นเอง ที่เขาเห็นใบหน้าอาบน้ำตาของเธอ
น้ำเสียงของเฉินลู่โกรธเกรี้ยว: "เขาทำอะไรเธอ?"
สวีซุ่ยหนิงหลับตาไม่ยอมบอกอะไร
ถึงแม้เฉินลู่จะไม่เอ่ยอะไรต่อ แต่ว่าเขากลับแผ่รังสีความอึดอัดออกมาไม่น้อย ถ้าเกิดว่าเจียงเจ๋อทำแบบนั้นกับสวีซุ่ยหนิงไปแล้ว เขาก็คงจะสิ้นหวังมาก บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน ก็แค่รู้สึกว่าปัญหานี้จะจัดการได้ยากขึ้นไปอีก
สวีซุ่ยหนิงเช่าห้องอยู่กับคนอื่น แต่ว่าวันนี้เพื่อนร่วมห้องของเธอไม่อยู่ ตอนแรกเฉินลู่ตั้งใจจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ แต่น้ำเสียงแหบแห้งของเธอกลับเอ่ยว่า: "ฉันทำเอง"
"วันนี้......"เฉินลู่อดที่จะสงสัยไม่ได้
"เขาไม่ได้ทำอะไร เขารอให้ฉันพูดว่ายอม แต่ฉันไม่ยอม" สวีซุ่ยหนิงเอ่ย "ฉันยังต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำนะ ที่ถามความสมัครใจของฉันก่อน"
น้ำเสียงของเธอถากถาง
ส่วนเรื่องที่จะทำยังไงให้เธอยอม บาดแผลบนร่างกายของเธอเป็นหลักฐานชั้นดี
เฉินลู่มองเห็นรอยเล็บบนเอวของเธอ เขาทนมองไม่ไหวจนต้องหลับตาลง มันน่าเวทนาจนทนดูต่อไม่ได้ เล็บของเจียงเจ๋อจิกลงไปในผิวของเธอ ทำให้มีเลือดซึมออกมา
ถ้าตอนนี้เฉินลู่ไปดูที่ริมฝีปากของสวีซุ่ยหนิง ก็จะเห็นว่าตอนนี้ลิ้นของเธอมีแผลโดนกัด และภาพตอนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุก็น่าหดหู่ยิ่งกว่านี้อีก แต่ไม่ว่าเจียงเจ๋อจะบังคับเธอยังไง เธอก็ไม่ยอม
รวมไปถึง การที่เจียงเจ๋อใช้หมุดบนกระเป๋าเธอ ทิ่มลงมาบนหลังมือของเธอด้วย
เฉินลู่ยืนอยู่ข้างเธอแป๊บหนึ่ง ท้ายที่สุดก็ทนไม่ได้จนต้องดึงมือของเธอเอาไว้ เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง: "ต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นจะติดเชื้อได้"
สวีซุ่ยหนิงเอ่ยออกมาอย่างอ่อนล้า: "ฉันมีกล่องปฐมพยาบาล ขี้เกียจไปโรงพยาบาล"
ตอนนี้เธอดูเหมือนคนที่ยอมทิ้งตัวลงเหว สูญสิ้นแม้แต่จิตวิญญาณ เธอนอนลงบนเตียง ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น
หญิงสาวที่อ่อนแอมักจะปลุกความต้องการอยากปกป้องของผู้คนได้เสมอ เฉินลู่รั้งตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วเอ่ยเสียงเบา: "สวีซุ่ยหนิง เธอต้องบอกฉัน ฉันรู้จักนิสัยเธอ เวลาเธอเจอปัญหาอะไรเธอจะไม่ยอมบอกพ่อแม่ เธอเอาแต่บอกว่าเธอสบายดี แล้วเธอก็ไม่ได้มีเพื่อนที่เธอยอมเล่าทุกเรื่องให้ฟัง เธอคิดจะเก็บเอาไว้คนเดียวตลอดเลยหรือไง?"
เขาเอ่ย: "เธอน่าสงสารจริงๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องทนเก็บไว้คนเดียว"
เพราะว่าเรื่องของพ่อแม่ ตอนนี้สวีซุ่ยหนิงก็เลยเป็นเหมือนเสาหลักของบ้าน บ่นว่าลำบากได้ไหม? ไม่ได้ ถ้าเกิดเธอบ่นออกมาที่บ้านเธอก็ต้องเป็นห่วง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...